ตอน 5
เขาอยากเป็นคนใจร้ายไล่เธอไปให้พ้นๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุร้ายกับหัวใจ ตอนนี้แม้แต่เอ่ยปากคิดจะไล่ หัวใจยังห้ามปรามไว้อย่างประหลาด เฮ้อ...!! นายหัวถอนใจอย่างหนักอกอยู่ลำพัง
“เอ้า...กินซะหนูพราว” ช่างเป็นชื่อที่เพราะพริ้งสมตัวตนแม่หนูคนนี้ซะนี่กระไร นายหัวช่างตั้ง รินจงลอบคิดเกี่ยวกับชื่อหญิงสาวที่นายหัวลั่นวาจาตั้งให้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ผู้สูงวัยมองคนหน้าหวานตาโต ดวงตาทอประกายเจิดจ้า ไร้พิษภัยตรงแคร่ไม้ไผ่ หลังจากวางจานข้าว และแกงเหลืองหน่อไม้กับไตปลาหลนพร้อมผักพื้นเมืองลงไปตรงหน้าหญิงสาว
ด้วยความหิวพราวจึงรีบตักแกงที่อยู่ในถ้วยราดลงในจานข้าว ตักเข้าปากอย่างกระหายหิว แต่เมื่อแกงเข้าปากคำแรก สิ่งที่หญิงสาวสัมผัสได้คือ...
“เผ็ด” ข้าวคำแรกเคี้ยวอย่างยากลำบาก เพราะอาหารรสจัดเผ็ดร้อนมาก ดวงหน้าหวานขาวผุดผ่อง แดงซ่านเพราะความเผ็ด “ป้ารินน้ำๆ พราวขอน้ำ” แม้จะร้องขอน้ำเพราะอาการเผ็ดร้อน หากแต่มาสะดุดกับชื่อที่ตัวเองเพิ่งได้มาเล็กน้อย ทว่าต่อไปนี้เธอจะพยายามทำตัวให้ชินกับชื่อใหม่ ที่นายเหนือหัวตั้งให้
น้ำหนึ่งขันใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาว เธอยกมันขึ้นดื่มอึกๆ หลายอึกเพื่อหวังบรรเทาอาการเผ็ดแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
“กินไม่ได้ใช่มั้ย” รินจงเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวที่แดงก่ำยิ่งกว่าโดนไฟไหม้ ทั้งปากจมูกแดงไปทั่ว นางเข้าใจว่าคนต่างถิ่นรับกับอาการปักษ์ใต้ไม่ง่ายนัก “เอางี้ป้าจะไปเจียวไข่ให้”
“เจียวไข่ แล้วเผ็ดแบบนี้ไหมคะ”
“ไม่...ไข่เจียวไม่เผ็ดรสชาติจืด แต่อร่อยลองดูนะ” เอ...ผู้หญิงคนนี้มาจากถิ่นไหนไม่รู้จักไข่เจียวรสชาติเป็นอย่างไร รินจงสงสัยเรียกว่าไข่เจียวเป็นอาหารง่ายๆ ที่ทั่วโลกแทบรู้จัก หรือว่าเพราะความจำเสื่อมจึงไม่รู้ไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลย
รินจงหายเข้าไปในครัวที่ปลูกสร้างง่ายๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็เดินถือไข่เขียวสีเหลืองนวลหอมกรุ่นออกมา แล้ววางลงตรงหน้าหญิงสาว คนที่เผ็ดหูตาเหลือกทั้งที่หิวจัดแต่ไม่กล้าตักแกงเหลืองเข้าปากแม้แต่คำเดียว เธอจ้องมองไข่เจียวจนมันจะลอยลงจานเอง
“กินซะ” รินจงเป็นฝ่ายตักไข่เจียววางในจานแล้วบอกให้กิน
คำแรกที่ถูกตักเข้าปากอย่างลังเล เพราะกลัวเผ็ดพราวก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารจานนี้ อร่อยมากอย่างที่รินจงว่าไว้ จากนั้นไข่เจียวจานนั้นจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว หญิงสาววางจานลงกับแคร่แล้วลูบท้องตัวเองผสานรอยยิ้ม
“ขอบคุณป้ามากนะคะที่ทำอาหารให้พราวกิน”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่เอ็งต้องรู้จักทำงานนะ เริ่มจากล้างจาน เก็บของพวกนี้ไปไว้ในครัว” นายหัวบอกให้หางานให้กับหญิงสาวทำ ดังนั้นรินจงที่รู้การรู้งานจึงคิดว่าควรเริ่มจากงานง่ายๆ แบบนี้เหมาะที่สุด
“ล้างจานทะ...ทำยังไงคะ”
“หา ! อย่าบอกนะว่าเอ็งไม่เคยล้างจาน นี่เอ็งเป็นลูกผู้ดีมาจากไหนเนี่ย ผู้หญิงต้องรู้จักงานครัวเล็กน้อยพื้นฐานพวกนี้นะ”
“พราวไม่รู้ค่ะ พราวคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเคยทำงานพวกนี้” ถ้าเคยก็ต้องรู้ว่าล้างจานเขาทำกันอย่างไร แต่ทว่าในหัวของเธอไม่ได้บรรจุงานแบบนี้ลงไปเลย
“มามาข้าจะช่วยสอน สงสัยอย่างเอ็งต้องเริ่มจากหลักสูตรอนุบาล” คราวนี้พี่เลี้ยงจำเป็นต้องส่ายหัว เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงในโลกนี้ไม่รู้จักงานบ้านอย่างล้างจาน หรือแม่แต่เก็บจานชามที่ใส่อาหารทานไม่หมดเข้าที่ สงสัยจะลูกผู้ดีจริงๆ ต่อให้คนความจำเสื่อมแค่ไหนย่อมทำเป็นเพราะมันไม่ยาก หากว่าเคยทำประจำ ยกเว้นไม่เคยแตะต้องมาก่อน
รินจงค่อยๆ ใช้ความอดทนสอนพราวด้วยความใจเย็น หากว่าพอพราวลงมือล้างเองก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้
“เพล้ง !!” เสียงจานแตกกระจาย “ว้าย !!” พร้อมกับเสียงกรีดร้องคนที่ทำจานแตก ชามแตกตามมา จานกระเบื้องสามใบลายดอกไม้แตกกระจายทั้งสามใบ ไม่เหลือหลอ
“โอ้ยแม่เจ้านางหนูพราว นี่เอ็งทำอะไรไม่เป็นจริงๆ เหรอ”
“แหะๆ ไม่เป็นค่ะ”
“หมดกันจานของข้า” รินจงยกมือกุมขยับไม่รู้จะทำอย่างไรดี เกิดมาก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก เพราะคนงานผู้หญิงที่ถูกส่งมาทำงานที่เกาะนี้ ล้วนแต่เป็นงานกันทุกคน ไม่ว่างานใช้แรงงาน งานครัวล้วนแต่ไม่ต้องคอยพร่ำสอน แต่พราวนับว่าต้องเริ่มสอนกันใหม่ตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว
“เอาล่ะค่อยๆ เรียนรู้ไปแต่ต่อไปไม่ต้องล้างจานกระเบื้อง อย่างเอ็งคงจะเหมาะกับจานพลาสติกหรือจานสังกะสีมากกว่า” รินจงปัดร่างชุ่มด้วยฟองของน้ำยาล้างจานไปอยู่ด้านหลัง ลงมือล้างจานที่ตัวเองไปขนมาจากเรือนคนงานหลังจบมื้ออาหารแต่ยังไม่ได้ล้าง เพราะยุ่งกับการดูแลตุ๊กตาสกปรกตัวนี้ซะก่อน
“พราวขอโทษนะคะป้าริน”
“เออ...เออ คนไม่เคยย่อมไม่ผิด ไว้ค่อยเริ่มต้นใหม่ นี่มาดูข้าทำเอ็งจะได้ทำเป็น ขืนงอมืองอเท้าทำอะไรไม่เป็นนายหัวเป็นส่งออกจากเกาะแน่”
“นายหัวป้าดุมากเหรอคะ”
“ดุสิเอ็งก็เห็นนี่นายหัวพูดกับเอ็งกี่คำตั้งแต่มา”
“อ๋อ...ค่ะเห็นแล้ว” แสดงท่าทีเข้าใจแล้วหันไปมองเส้นทางบ้านพักนายหัวที่ไกลออกไปจากเรือนพักคนงาน
หลังจากนั้นพราวจึงต้องเป็นลูกมือให้กับรินจงในงานครัว ซึ่งแม้แต่เด็ดผักเพื่อทำกับข้าวสักอย่าง ยังยากเย็นเงอะงะ สำหรับหญิงสาวแล้ว
“แกะสตอออกจากฝัก นี่มีด”
“สตอ ทำไมต้องแกะคะ ล้างน้ำแล้วกินได้เลยไม่ใช่หรือ” ที่พูดแบบนี้เพราะนึกถึงผลไม้สีแดงเนื้อรสเปรี้ยวอมหวาน เรียกว่าสตรอเบอรี่มากกว่าอะไรที่รินจงถือไว้ในมือพร้อมกับมีดเล็กๆ
“นี่ไงสตอ นั่นมันสตรอเบอรี่หรือเปล่าที่เอ็งว่าน่ะ”
“สตอฝักเขียวๆ นี้คือสตอหรือคะ”
“ใช่เอ็งต้องใช้มีดปอกออกมาทีละเม็ด วางใส่จานแบบนี้ ข้าจะผัดกุ้งเร็วๆ รีบทำซะเดี๋ยวนายหัวหิวเอ็งกับข้าจะเดือดร้อน”
“นางรินเอ็งไม่เรียกใช้ผู้หญิงคนอื่นๆ ล่ะนางผกา นางแป้นก็อยู่”
“นางผกาอีลูกเวร มันอยู่ที่ไหน วันๆ ข้าเห็นมันหายไปแอบดูนายหัวไม่ยอมทำการทำงาน จะยกแต่กาแฟไปเสิร์ฟนายหัวในห้องสมุดอย่างเดียว” รินจงเอ่ยถึงลูกสาวที่หมายมั่นจะเด็ดนายหัวมาทำผัวไม่เว้นแต่ละวัน นี่ที่หายไปคงไปแอบจ้องงาบนายหัวอีกตามเคย พูดแล้วเตือนแล้ว บอกแล้วก็ไม่เคยเชื่อฟัง
“ผกาคือใครคะ พราวไม่เคยเห็นเลย”
“ลูกสาวป้าเองล่ะ มันไม่ค่อยทำการทำงานหรอก”
“เดี๋ยวอยู่ไปเอ็งก็รู้จักทุกคนเองแหละ” ดิษว่า “ว่าแต่จำชื่อตัวเองได้แล้วหรือ” ดิษเอ่ยถามเพราะก่อนหน้านั้นยังจำชื่อตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อกี้ได้ยินว่าหญิงสาวแทนตัวเองว่าพราว
“ชื่อพราวเหรอตาดิษ คือชื่อที่นายหัวตั้งให้”
“นายหัวนี่นะตั้งชื่อให้นางหนูของเอ็ง ขนาดมองยังไม่อยากมอง แล้วใจดีตั้งชื่อให้นี่นะ”
“เออ...ของจริงข้าไม่ได้โม้” รินจงสำทับเพราะมันคือเรื่องจริง นายหัวผู้ดุดันเอ่ยออกมาจากปากเอง ‘พราว’ ดังนั้นชื่อนี้จึงเป็นของตุ๊กตาตัวนี้เรียบร้อยแล้ว พูดถึงรูปลักษณ์ของพราว ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยไร้ที่ติ ราวกับได้รับการประคบประหงมมาตั้งแต่ยังเยาว์ ทั้งผิวพรรณ รูปร่างสมส่วน ส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ขนาดอยู่ในชุดเสื้อผ้าธรรมดาแบบสาวชาวบ้านสวมใส่ยังดูดีและโดดเด่นเปล่งประกายขนาดนี้ แล้วถ้าอยู่ในชุดที่สาวสังคมชอบสวมใส่กันเฉิดฉายตามงานเลี้ยง จะเจิดจ้าสวยสง่าแค่ไหน
“แม่...” เสียงแหลมแสบแก้วหู ของใครบางคนแทรกการสนทนาระหว่างผัวเมียผ่านเข้ามา จะมีใครที่ไหนนอกจากนางลูกชอบเล่นของสูง
“ไปไหนมานางผกา” รินจงเอ่ยสามลูกสาวเสียงเข้มตามแบบสาวปักษ์ใต้ วันๆ แทบไม่เห็นหน้านอกจากไปขลุกอยู่เรือนนายหัว แล้วก็ติดเรือคนงานไปลงฝั่งโน้นหาเครื่องแต่งตัวเสื้อผ้าน้อยชิ้นมาใส่ยั่วนายหัว นางลูกเวร คิดแต่เรื่องหาผัว หนำซ้ำผัวที่ต้องหาก็เป็นนายเหนือหัวซะด้วย นรกจะกินกบาล
“อ้าว ถามได้แม่ก็ไปดูแลนายหัวสิ” ผกาพูดอย่างอารมณ์ดียิ้มเริงร่า เมื่อนึกถึงการยกกาแฟไปให้นายหัว แม้นายหัวจะบอกเพียงว่า ‘วางไว้’ แค่นั้น แต่หล่อนก็ดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เห็นนายหัวอยู่ในชุดหวิวๆ เสื้อกล้ามโชว์ความบึกบึนกับโสร่งมัดปมหมิ่นเหม่ ทำให้ผกาจินตนาการไปไกลถึงขีดสุด คอยดูเถอะจะหาโอกาสลอบเข้าหา คอยดูนายหัวจะทนได้สักแค่ไหน ในเมื่อหล่อนเนื้อนมไข่ซะขนาดนี้