บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เปลี่ยนไป

ฉ่า ๆ

ฉู่ ๆ

เสียงดังฉ่าเมื่อกุ้งแดงถูกโยนลงในน้ำมันเดือด กลิ่นหอมของกระเทียมและเครื่องปรุงฟุ้งไปทั่วทั้งห้องครัว ทำเอาคนที่กำลังทำอาหารต้องน้ำลายไหลด้วยความหิว ตอนนี้นางหิวจนแสบท้องไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้าก็กินแอปเปิลหมดไปเป็นลูก แต่ก็ไม่อาจจะต้านทานความหิวโหยได้เลย หรือว่านางได้กลายเป็นตัวตะกละไปแล้วสินะ

“หอมมาก ดีล่ะข้าจะจัดการไม่ให้เหลือสักตัวเลยคอยดู” แม่ครัวหัวป่าคิดอย่างหมายมาด จัดการตักกุ้งผัดกระเทียมใส่จาน พร้อมด้วยข้าวสวยร้อน ๆ กินคู่กัน

“อืมมม อาโหลยยยย” ใบหน้างามหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับรสชาติอาหารฝีมือตัวเอง ข้างจานกุ้งผัดกระเทียมก็ยังมีถ้วยน้ำแกงเห็ดแสนอร่อยไว้กินคู่กัน

หลังจากจัดการอาหารลงท้องไปจนเกลี้ยง หนังตาก็เริ่มหย่อน หนิงเซียนปิดปากหาวหวอด รีบจัดการเก็บถ้วยชามให้เสร็จ เพื่อที่ว่านางจะได้กลับมาเอนหลังนอนสักตื่น เอาไว้ค่อยลุกขึ้นมาจดบันทึกที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวานต่อให้จบก็แล้วกัน

แต่แล้วแทนที่จะได้นอนเอนหลังแล้วค่อยตื่นขึ้นมาอีกรอบอย่างที่คิดไว้ กลับกลายเป็นว่านางตื่นอีกทีก็ตอนรุ่งเช้าไปเสียได้ อีกทั้งสิ่งที่ทำให้หนิงเซียนต้องอารมณ์เสีย ก็ตรงที่ดันไปฝันเห็นสามีตัวร้าย ฝันว่าอ๋องตัวร้ายอยู่ด้วยทั้งคืน และยังเอาแต่หอมแก้มนางไม่ยอมห่างราวกับว่าหวงแหนเป็นหนักหนา ทั้งที่เขาไม่เคยทำดีกับหนิงเซียนเลยสักครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นนางและเขาได้มีสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ช่างเป็นความฝันที่น่าขนลุกเสียจริง

สงสัยนี่คือผลของการที่นางไม่ไหว้พระก่อนนอนหรือไม่นะ เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าจะไหว้ไม่ขาดเลยสักคืน เผื่อว่าผีร้ายจะได้ไม่ต้องมาอำกันอีก

การที่นางยังคงนึกถึงท่านอ๋อง ก็อาจจะมาจากจิตใต้สำนึกของหนิงเซียนคนเก่า ที่ยังคงรักตัวร้ายอย่างหมดหัวใจ ต่อจากนี้นางจะเป็นผู้ตัดขาดความรักของเจ้าตัวด้วยมือคู่นี้เอง หรือหากหนีเหล่าตัวละครหลักไม่พ้น นางก็แค่หลีกเลี่ยงพวกเขา ทำตัวจืดจางราวกับอากาศธาตุเพื่อจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ ให้พวกเขาเหล่านั้นมาหลอกใช้นางได้เหมือนต้นฉบับ เท่านี้หนิงเซียนก็จะไม่ต้องตาย นางก็จะอยู่เงียบ ๆ ไป ส่วนนางเอกก็เอาพระเอกและตัวร้ายไปเสียเท่านี้ก็ลงตัวแล้ว

ฮุ ๆ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องหนีให้เหนื่อย หนิงเซียนเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ แผนทั้งหมดก็คิดหาทางออกได้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก เมื่อหาทางออกให้กับตนเองได้ หญิงสาวจึงไม่มีความกังวลใด ๆ อีกต่อไป ใบหน้าที่ประเดี๋ยวย่นประเดี๋ยวยิ้ม หากคนภายนอกได้เห็นคงจะคิดว่านางได้เสียสติไปแล้วก็ได้

เมื่อไม่มีเรื่องให้หมองใจ ร่างบางจึงเอาหยิบตะกร้าตรงเข้าสวนผักหลังบ้าน เก็บผักสวนครัวที่โตพอจะนำมาทำอาหารได้ ทั้งนางตั้งใจว่าจะพรวนดินกำจัดวัชพืชในแปลงผักสักหน่อย ช่วงนี้เริ่มจะรกจนแทบจะมองไม่เห็นผักอยู่แล้ว ทำงานให้เหงื่อออกก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายเช่นกัน ขยับกายเสียบ้างพักนี้เอาแต่ฝันเรื่องไม่เป็นเรื่อง เหนื่อยแล้วจะได้หลับเป็นตาย

หนิงเซียนนั่งลงข้างแปลงผักกาดต้นอวบใบเขียวใหญ่น่าทาน นางเริ่มลงมือถอนหญ้าออกจากแปลงผักไปเรื่อย ๆ แดดที่เริ่มจะร้อนทำให้หลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ กระนั้นหนิงเซียนก็ยังคงนั่งทำสวนต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

หญ้าในแปลงผักถูกถอนออกแปลงแล้วแปลงเล่า ในที่สุดมันก็ทำเสร็จจนครบทุกแปลง จากนั้นหญิงสาวจึงเตรียมนำปุ๋ยคอกที่ได้จากการไปขอมูลวัวของชาวบ้าน นำมาโรยใส่แปลงผักเพื่อให้สารอาหารจากมูลวัวช่วยให้ผักเจริญงอกงามยิ่งขึ้น

“เสียดายที่ข้าไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับปุ๋ยหมัก ไม่เช่นนั้นผักคงจะงามได้ยิ่งกว่านี้” ใบหน้างามยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ในตอนที่นางยังอยู่โลกเดิมทำงานแทบตาย กลับไม่มีเงินเหลือเก็บ แต่พอได้ใช้ชีวิตแสนธรรมดา ไม่ต้องดิ้นรนตื่นเช้าเพื่อออกไปทำงานหาเงินกลับมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ

อีกฟากหนึ่งห่างออกไปหนึ่งหลี่ (500เมตร)

สายตาคมเฝ้ามองสตรีร่างเล็กทำงานสวนอย่างขยันขันแข็ง ใบหน้างามที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะมันทำให้เขาละสายตาจากนางไม่ได้เลย เมื่อไรกันที่เอาแต่เฝ้ามองการกระทำทั้งหมดของนาง ทั้งที่เมื่อก่อนก็เอาแต่เพิกเฉยไม่เคยใส่ใจ

กายหนายืนมือไพล่หลังมองสตรีตรงหน้าไม่ไหวติง พลางครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนไปของหนิงเซียน สตรีอ่อนแอทำตัวปวกเปียกช่วยตนเองมิได้สักอย่าง ไฉนเลยตอนนี้นางกลับดูมีชีวิตชีวา มีความสุขกับความยากลำบากเช่นนี้กัน มันเหมือนกับไม่ใช่คนเดิม

“พระองค์จะไม่เข้าไปหรือพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์คู่กายเอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่รู้ เดิมทีอนุหนิงได้ถูกขับไล่ออกจากวังอ๋อง พระองค์ต้องการถอนรากถอนโคนคนของศัตรู ทั้งยังเป็นการตัดปัญหาเรื่องหลังเรือนอันน่าปวดหัว สตรีก็รังแต่จะนำความวุ่นวายเข้ามาไม่รู้จักจบสิ้น ในความคิดของท่านอ๋องสตรีเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุด มิใช่เพียงแค่อนุหนิงเท่านั้น อนุทุกคนก็ถูกจัดการด้วยเช่นกัน จะต่างเพียงแค่วิธีที่ทำให้ออกไปเท่านั้น วังอ๋องในตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงานายหญิง

“ไม่” การพบกันครั้งนี้มันเป็นแค่ความบังเอิญก็เท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องออกไปแสดงตัว

“จะกลับเมืองหลวงเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มได้แต่มองอนุหนิงอย่างเห็นใจ ในตอนที่เข้ามาเป็นอนุแต่แรกเริ่มก็มิได้เต็มใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องออกจากวังอ๋องไปตกระกำลำบาก โดนร่างแหไปด้วย โดยที่หนิงเซียนมิได้มีส่วนรู้เห็น เป็นเพียงคนที่บังเอิญรับเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้

“อืม” เหลียงเฟิงหมุนกายเดินกลับตรงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่แล้ว ด้วยใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ แต่ภายในใจเขามันรู้สึกสับสน ภาพการร่วมเตียงกันหลายคืนที่ผ่านมา ยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจเขา ชายหนุ่มรีบสลัดทุกอย่างทิ้งไป เขาก็แค่ใช้นางเพื่อให้หลุดพ้นจากฤทธิ์ยากำหนัดน่ารังเกียจนั่น ถือเสียว่ามันคือคราวซวยของนางก็แล้วกัน ไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกผิด สตรีทุกคนก็น่ารำคาญเหมือนกันหมด

องครักษ์คู่ใจเดินตามหลังผู้เป็นนายไปทันที กระนั้นก็ยังคงหันกลับไปมองสตรีร่างเล็กด้านหลังเป็นระยะ ท่านอ๋องดูเหมือนจะไม่ให้ความสนใจอนุหนิง แต่ทว่าในตอนที่อาการกำหนัดกำเริบ แทนที่จะเรียกนางคณิกามาปรนนิบัติสักคน เพื่อช่วยให้พิษในตัวคลายลง แต่พระองค์กลับเลือกที่จะทนทรมาน เพื่อมาหาอนุหนิงไกลถึงหมู่บ้านในชนบท เขาไม่เข้าใจท่านอ๋องเลยสักนิด พระองค์คิดอะไรอยู่กันแน่

“เจ้าจะมองอีกนานหรือไม่ หากไม่อยากถูกควักลูกตาก็หยุดการกระทำนั่นเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” เสียงเย็นยะเยือกที่รับสั่งออกมา ทำเอาองครักษ์หนุ่มเย็นวาบไปทั้งตัว รีบเก็บสายตาตนเองโดยไว ก็ไหนท่านอ๋องบอกว่ามิได้สนใจอนุหนิง แต่การกระทำช่างสวนทางกันเหลือเกิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel