ตอนที่ 46 ขว้างงูไม่พ้นคอ (2)
ตอนที่ 46 ขว้างงูไม่พ้นคอ (2)
เสือน้อยพูดจายาวเหยียดก่อนที่จะจิบน้ำนิดหน่อย
และก็ได้พูดต่อไปอย่างใจเย็นว่า “แต่ลูกชายคุณน้า มันทำผมไว้แสบจริง ๆ ขยันก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ผมแอบสืบมาว่าเรื่องใหญ่คราวก่อนที่โดนข้อหาขายบุหรี่...เพื่อนพีก็โดนทัณฑ์บน ถ้าคราวนี้โดนผมอีกก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องถึงทางโรงเรียน ’โดยให้ทำเรื่องไล่ออก’ ได้เลยนะครับ ก่อนที่ผมจะเข้าห้องมา ครูก็ได้ยืนยันกับผมเรื่องนี้แล้ว”
เสือน้อยหยุดพูด ให้ทั้งสองย่อยข้อมูลสักครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะพูดต่อว่า “แน่นอนว่า…ตอนนี้คุณน้ากับคุณปู่แสมอยู่ที่นี่แล้ว คงพยายามที่จะเจรจาให้ตัวผมหยุดเอาเรื่องทั้งการแจ้งความ และก็ทางฝ่ายปกครองกับพี ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ?”
“ใช่จ้ะ…เรานี่เข้าใจอะไรง่ายจัง น้าชอบจัง” แม่สมรพูดชมเชย พร้อมยิ้มหวานให้เด็กหนุ่ม
“ผมน่ะเจรจาง่ายอยู่แล้ว ไม่เชื่อถามคุณปู่แสมได้เลย…แต่ว่าการเจรจา มันก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อย ตอนนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของเพื่อนพีเขาแล้ว คุณปู่แสมต้องคิดให้หนัก ถึงอนาคตหลานชายนะครับ...” เสือน้อยยังไม่ลืมพูดแฝงนัยยะไว้
“ตั้งแต่เริ่มมาเขาพูดกับเธอน้อยมาก ๆ ส่วนใหญ่พูดกับพ่อแสมเสียมากกว่า…” ตัวสมรเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเลศนัยบางอย่าง
“เอาอย่างนี้ดีมั้ย…เดี๋ยวน้าให้เงินทำขวัญสัก ‘ห้าหมื่นบาท’ เป็นอย่างไง?” สมรพูดขึ้น
พอปู่แสมได้ยินลูกสะใภ้พูดขึ้น เส้นเลือดบนขมับปูดโปนออกมาทันที เขากัดฟันบ่นในใจ “เศษตังค์แค่นี้มันเอาก็แปลกแล้วยัยสมรเอ๊ย!”
เสือน้อยส่ายหน้า “ผมรู้ข่าวมาว่าตึกด้านหลัง ทางท่าน สจ. กับครอบครัวช่วยกันบริจาคสร้างไปตั้งหลายล้านบาท เพื่อแลกกับอนาคตลูกชาย เรื่องวงในพวกนี้ผมสืบมาก่อนจะเอาเรื่องเพื่อนพีแล้วครับ คุณน้าทำไมด้อยค่าผมถึงขนาดนั้น...” เสือน้อยตีหน้าเศร้าเล่าความจริง
“แล้วเราพอใจที่เท่าไหร่ละลูก?” สมรขมวดคิ้วถาม
เสือน้อยหันไปมองเธอก่อนพูดว่า “คือช่วงนี้ผมอยากลงทุนทำธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาน่ะครับ…” เขาหันตาไปมองปู่แสม ในประโยคหลัง
สมรก็ถึงบางอ้อ…เธอพอเข้าใจแล้ว ทำไมเด็กคนนี้พูดอะไรแฝงนัยยะไว้ตลอด และดูเหมือนมีอะไรจะบอกกับพ่อสามีเธอ
“ถ้าผมมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็จะได้การันตีอนาคตว่าจะมีงานมีการทำ...” เสือน้อยพูดอ้อมจนอ้อมไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก่อนพูดถึงพี “เพื่อนพีเขามีโอกาสสุดท้าย ในโรงเรียนนี้อยู่ มันก็ขึ้นอยู่กับ...ความจริงใจของทางคุณน้ากับคุณปู่ว่าจะใจถึงมั้ย?”
สมรหันไปมองพ่อสามีเธอเอาจริง ๆ “งั้นประเดี๋ยวน้ากับปู่มานะ รอแป๊บเดียว ขอไปคุยกันเพิ่มเติมก่อน” เธอยิ้มอ่อน ยังไม่ลืมว่าอนาคตลูกชายตกอยู่ในกำมือของเขา
หลังออกจากห้องมา “พ่อสรุปแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่!?” ทั้งสองก็ยืนคุยกันอยู่นานสองนาน
ทางด้านเสือน้อยก็โทรให้ ‘ทนายรัก’ ที่ได้ไปหาปู่แสมวันก่อนเป็นเพื่อนเขา…ให้เข้ามาที่โรงเรียนพร้อมเอกสาร
ทนายรักที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เขานั่งรออยู่ในร้านทองสุข ด้านข้างโรงเรียน จึงเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมแฟ้มเอกสาร ก่อนแลกบัตรตรงเข้าห้องฝ่ายปกครองไป ตอนเข้าไปยังไม่ลืมแนะนำตัวให้ครูฝ่ายปกครองได้รู้
แน่นอนว่าแม่สมรกับปู่แสมได้ยินเช่นกัน โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่หางคิ้วกระตุกเบา ๆ
หลังปู่แสมกับลูกสะใภ้เห็นว่า “มีทนายความส่วนตัวของเสือน้อยเข้ามาก็เห็นว่าท่าไม่ดี เธอจึงบอกพ่อสามีไปว่า…ฟาดเคราะห์” ชายชราถอนหายใจ ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมสายตาที่เด็ดเดี่ยว แน่นอนว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว
“นี่อา…เอาเอกสารมาพร้อมนะ ดูท่าวันนี้อาจจะได้จับเสือมือเปล่า” เสือน้อยหันไปจ้องมองทนายความด้วยความเคารพ
“เสือน้อย…ไอ้คนข้างหน้านั่นใช่ครูเฒ่า ที่ด่าเราสองคนเหมือนหมูเหมือนหมาวันก่อนใช่หรือเปล่า?” ทนายรักถามขึ้น เสือน้อยจึงพยักหน้าพร้อมยิ้มจาง ๆ
รอไม่นานทั้งสองคนก็เข้ามา ทนายรักก็แนะนำตัวก่อนหันไปทักทายกับปู่แสมเหมือนกับเสือน้อยไม่มีผิด
เสือน้อยพูดขึ้นมาว่า “ก่อนจะเจรจากันต่อ…ผมขออนุญาตให้ดูหลักฐานที่ทางทนายผมรวบรวม เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ” เด็กหนุ่มหยิบแฟ้มส่งให้สมรดู เขาต้องการเปิดไพ่ให้อีกฝ่ายดูก่อน ไม่ใช่ขู่เล่น ๆ
ส่วนสมร…เมื่อเห็นพยานหลักฐานอย่างละเอียดเธอก็คิดว่า “พวกเขาตัดสินใจ ถูกต้องแล้ว และปู่แสมด้วยก็เช่นกัน เพราะอีกฝ่ายหาหลักฐานมาได้ละเอียดมาก…ตอนนี้มีแต่เสียกับเสียอย่างเดียวเท่านั้น!”
“เอาล่ะฉันยอมยกทั้งที่ดินและตัวอาคารให้นาย แต่ถ้าจะใช้ชื่อกิจการต่อก็ต้องจ่ายเงินต่างหาก เซ็นสัญญาวันนี้เลยเป็นไง!” ปู่แสมพูดเสียงหนักแน่น เขาอยากจบเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะยิ่งยื้อ...เขายิ่งเจ็บ!
ตอนปรึกษากับลูกสะใภ้ “เธอบอกให้พ่อตัดใจปล่อยธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาไป เพื่อแลกกับอนาคตหลานชาย”
เพราะว่าคราวก่อนก็เป็นเธอที่บริจาคเงินเป็นล้าน สามีเธอไม่ได้ออกเงินสักบาท ตอนนี้ถึงฝั่งสามีเธอบ้างแล้ว!
อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้พิศวาสกิจการโรงเรียนกวดวิชาอะไรนั่นเลย ทำไปก็มีแต่ขาดทุน!
เป็นเธอเสียอีกต้องเอาเงินไปอุดหนุนธุรกิจที่กำลังล่มสลาย สามีของเธอก็ไม่ได้มาช่วยตรงส่วนนี้เลย นับวันยิ่งเข้าเนื้อไปเรื่อย ๆ เธอกลับโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่พ่อสามียอมตัดใจปล่อย
แม่สมรยิ้ม “ความจริงใจแค่นี้พอมั้ยจ๊ะ?”
เสือน้อยยิ้มกระตือรือร้น “พอครับพอมากเลย ถ้าคุณน้ากับคุณปู่มีความจริงใจแบบนี้ ผมยินดีจบเรื่องนี้แต่โดยดี!”
“ส่วนของใช้ชื่อกิจการต่อมั้ยราคาถ้าไม่แพงผมก็ยอม แต่ถ้าแพงผมไม่เอายังดีเสียกว่า เอ่อ…สักห้าหมื่นบาท เป็นอย่างไงครับคุณปู่?” เสือน้อยนึกตัวเลขนี้ขึ้นมาได้พอดิบพอดี อีกทั้งยังฉวยโอกาสเอาคืนผู้เฒ่ารายนี้สักเล็กน้อย
หางคิ้วของปู่แสมกระตุกตัวเลขมันคุ้น ๆ อยู่นะ ‘ห้าหมื่นบาท’ แต่ก็กัดฟันด้วยความจำยอม “ตกลงตามนี้!”
“รายละเอียดต่อไปทางทนายความผมจะดำเนินการให้เองครับ ทั้งค่าธรรมเนียมฝั่งผมจะเป็นคนออกทั้งหมด” เสือน้อยยิ้มรับ
“มีอีกอย่างที่อยากขอจริง ๆ จากใจเลยครับ... เป็นไปได้มั้ยที่จะให้นายพีหยุดก่อเรื่อง ไม่แค้นผม ไม่ตามมาเอาเรื่องเอาราว?” เสือน้อยพูดกระแทกเข้ากลางใจ คนเป็นแม่อย่างเธอ!
เธอผงะไปเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “น้าสัญญาว่า…จะให้พีเลิกมาก่อกวนเธอ” ถึงเสือน้อยไม่พูดเธอก็เตรียมที่จะทำอย่างนี้อยู่แล้ว
....…
ที่ร้านทองสุข เสือน้อยสั่งลูกน้องให้พิมพ์สัญญากันตรงนั้นเลย หลังจากเซ็นสัญญาต่าง ๆ เสร็จสรรพ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งสองฝ่ายก็จากลากันไปด้วยดี
เสือน้อยยอมขาดเรียนไปหนึ่งวัน แต่เขากลับดีใจยิ่งกว่า ก็คือได้ทั้งที่ดินตกเป็นของเขา พร้อมกับทั้งกิจการราคาห้าหมื่นบาท จะมีการส่งมอบกิจการต่อภายในสองวัน…เสือน้อยย่อมต้องให้แม่ช่วยตรวจบัญชีหนี้สินและรายได้ของทางโรงเรียน ส่วนการโอนที่ดินก็ภายในสามวัน
และเมื่อส่งมอบเสร็จเสือน้อยก็จะไม่แจ้งความ ส่วนสำหรับฝ่ายปกครองแล้วนั้น “ยิ่งมีเรื่องน้อยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับบรรดาครูที่อยู่ในห้องนี้!”
พอกลับถึงบ้านนายพีก็พบกับความเงียบสงบจากพ่อและแม่ เขาสำนึกผิดจริง ๆ เดินเข้าไปบริเวณโต๊ะกินข้าว แม่สมรก็เอ่ยปากบอกว่า “กินข้าวสิลูก…”
“จากนั้นเธอก็บอกว่าไม่ควรก่อเรื่องใด ๆ อีกทั้งอยู่โรงเรียนควรทำตัวเป็นมิตร ส่วนนายเสือน้อยขอให้อย่าไปยุ่มย่ามกับเขาอีก พีพอจะทำให้แม่ได้มั้ยลูก?” เธอพูดเสียงอ่อน ใบหน้าอันงดงามดูอ่อนเยาว์ของแม่ ดูสวยแพงมีระดับเป็นที่เชิดหน้าชูตาสำหรับครอบครัว กลับมีน้ำตาคลอออกมา…
“ได้ครับแม่! พีจะพยายามเลิกหาเรื่องมัน...” พีกัดฟันพูด ทว่าในใจกลับไม่ยินยอม เขาไม่รู้ว่าครอบครัวเขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่ในครั้งนี้ แต่น่าจะหนักกว่าคราวก่อนมากอยู่พอสมควร
ตั้งแต่ต้นจนจบ ‘พาที’ ไม่ได้พูดอะไรเลย…มีแต่ความผิดหวังฉายอยู่ในแววตาของเขา
-------------------
ขออนุญาตรบกวน ‘ฝากกดติดตาม’ Facebook หน่อยครับ
โดยสามารถค้นหาใน Facebook = รสเลิศ
https://www.facebook.com/rodlert3659
กราบขอบพระคุณครับ รสเลิศ