ตอนที่ 4 นี่มันห้องเทพ!!!! (2)
ตอนที่ 4 นี่มันห้องเทพ!!!! (2)
ตอนนี้อารมณ์กำลังแปรปรวนอย่างสุด ๆ เอาใจยากมาก มีแต่ต้องอยู่ให้เห็นหน้าเวลาที่หล่อนต้องการ หรือไม่ก็ต้องหลบไปไม่ให้เห็น จิตรกรหนุ่มกำลังปวดหัวสุด ๆ กว่าจะมีอารมณ์วาดภาพทำสมาธิได้ก็ยากไม่ใช่น้อย
แม่บ้านสูงอายุที่พึ่งนวดเท้าเสร็จก็เดินออกมาเรียกชายหนุ่ม “พ่อผัน เมียเอ็งเรียกหาแน่ะ เลิกวาดรูปก่อน…ประเดี๋ยวโดนแม่ชบาโวยวายอีกหากไปช้า!” แม่บ้านสูงวัยกล่าวเตือน
เธอรับจ้างทำงานเป็นแม่บ้าน บ้านหลังนี้ได้นานตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน “เคยทำอาชีพหมอนวด แผนโบราณ จึงรู้ว่าคนท้องห้ามนวดตรงไหนบ้าง”
หากสุ่มสี่สุ่มห้านวดมั่วซั่ว มีหวังติดคุกติดตะรางเป็นแน่ คุณแม่มือใหม่ก็ใจดีเหลือหลาย จ้างเธอเป็นรายชั่วโมง แยกต่างหากจากค่าจ้างประจำ เธออยู่เป็นแม่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ชายหนุ่มจิตรกร ผู้ที่กำลังจะเป็นพ่อคนตรงหน้ายังเรียนมัธยมอยู่เลย
“จ๊ะป้าไหม!” พอผันรับคำเสร็จก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปหาเมีย กลัวว่าหากมาช้าไปครู่เดียว ประเดี๋ยวจะโดนบ่นหูชา
“บนเก้าอี้โยก” หญิงสาวหน้าตาสะสวย ท้องกลมโตกำลังเปิดอ่านนิตยสารไปเรื่อยเปื่อย ส่วนช่องโทรทัศน์ก็กลับไม่มีสัญญาณ ติด ๆ ดับ ๆ จนทำเอาเจ้าหล่อนอารมณ์เสีย จึงต้องเรียกให้สามีมาจัดการ
“คุณ…ขึ้นไปจัดการเสาอากาศให้หน่อย จะดูโทรทัศน์ช่วงนี้เป็นอะไรติด ๆ ดับ ๆ ไม่ได้ดั่งใจเสียจริง!” ชบาสาวท้องแก่ใกล้คลอด บ่นกระปอดกระแปด “นี่คุณ…ฉันคิดถึงที่ทำงานแล้วเนี่ย คลอดเสร็จแล้วเดี๋ยวไปทำงานเลยดีมั้ย?”
นายผันชายหนุ่มหันมาตอบ “จะรีบไปไหน บริษัทคุณก็จ้างคนทำบัญชีมาแทนชั่วคราวไปแล้วไม่ใช่หรือ? หยุดลาพักเสียหน่อยน่าเพื่อตัวเองและลูกเรานะ…อีกอย่างฟังจากที่ป้าไหมบอก ต้องรอมดลูกเข้าอู่ ไม่ก็อยู่ไฟก่อนจะดีกว่า เอาเป็นว่ายังไงก็ต้องพักผ่อนก่อน” ผันพูดด้วยความเป็นห่วง
“ก็ฉันกลัวนี่นา ไม่ใช่กลับไปแล้วเกิดโดนเลิกจ้างขึ้นมาเสียล่ะ! งานสมัยนี้หาง่ายก็จริงแต่มันก็ไม่ได้เงินดีทุกที่หรอกนะ ฉันละกลัวใจนายห้างจริง ๆ ถ้ามาปลดเอาตอนท้องแก่ฉันจะตามไปโวยให้ดู…ไปร้องถึงกระทรวงแรงงานฉันก็จะทำ!” เธอพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
ขณะที่สามีของเธอกำลังหยิบเอาบันไดมาปีนไปเลื่อนเสาอากาศ ก็ฟังเธอพูดใส่เป็นชุด ๆ จนไม่รู้จะตอบข้อไหนก่อน จึงได้แต่ตอบเท่าที่จับใจความได้ “คนเก่งอย่างคุณ ประเดี๋ยวก็หางานได้ถ้าถูกเลิกจ้างจริง…อีกอย่างฝีมือทำอาหารก็เก่งเสียขนาดนี้ กลัวอะไรเดี๋ยวไอ้ผันคนนี้จะเปิดร้านอาหารให้เลย!”
“ให้มันจริงเถอะ!” เธอพ่นลมหายใจเสียงดังผ่านจมูก จากนั้นก็บ่นอยู่สองสามประโยค ก่อนจะผล็อยหลับไป
ด้านข้างมีเปลเด็กน้อย ตุ๊กตา พร้อมของเล่น วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เตรียมไว้ให้ เจ้าตัวเล็กในท้อง คุณแม่มือใหม่กับคุณพ่อมือใหม่ หากว่าไม่มีป้าไหม แม่บ้านสูงวัยอยู่ช่วย ทั้งสองคนคงทำอะไรไม่ถูก
ส่วนพ่อแม่ของชบาก็อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ สองสามวันจะแวะมาเยี่ยมมาหาบ้าง… บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันเป็นของผัน สืบทอดกันมาแต่ต้นตระกูล อยู่กันมานานหลายชั่วอายุคน แต่ก่อนมีที่ดินเยอะกว่านี้นับไม่ถ้วน
แต่ก็จำใจขายมันไปด้วยบางสภาวะ พอตกมาถึงรุ่นของผันก็เหลือเพียงบ้านหลังนี้ ส่วนที่พึ่งขายก็มี…ที่ดินฝั่งตรงข้ามซึ่งมาขอ ซื้อไปเปิดค่ายมวย เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ผันก็ตกลงขาย เพื่อให้พ่อกับแม่ของเขาเอาเงินไปเที่ยวรอบโลก ตามประสาคนแก่วัยเกษียณ…ใช้ชีวิตให้สนุกในยามบั้นปลายของชีวิต
บ้านของพ่อแม่ชบาอยู่อีกฟากของแม่น้ำ ย่านปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ อาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนเหมือนกัน…
พ่อแม่ของชบารวมไปถึงญาติพี่น้อง ส่วนใหญ่มักจะสร้างบ้านอยู่ละแวกปากคลองรังสิต
…จึงทำให้แถวนั้นเต็มไปด้วยเครือญาติสนิทมิตรสหาย เพราะญาติฝั่งชบามีอยู่เยอะ จึงมีคนมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย…และเนื่องจากทางฝั่งโน้นมีคนเยอะนักเชียว ลูกหลานเหลนโหลน ไปมาหาสู่กันทาง เรือ เป็นประจำ
จึงเป็นเหตุทำให้ผัน “ต้องสร้างท่าจอดเรือดี ๆ ไว้คอยต้อนรับแขกเหรื่อ ญาติพี่น้องฝั่งภรรยาตน” ทว่าก็มีมามากหน้าหลายตา จนกระทั่งเขาเองก็จำผิดจำถูก หลงลืมชื่อไปบ้าง
ส่วนญาติของผันเองก็มีไม่มากนัก เพราะปู่ของเขามีลูกแต่สองคน
คนโตชื่อเพิ่มซึ่งก็คือพ่อของเขาเอง และส่วนคนรองชื่อพวงเป็นน้องชาย ทั้งสองฝ่ายก็แตกแขนงกัน แยกย้ายไปอยู่กันคนละทิศคนละทาง หลังจากขายที่ดินแถวนี้ได้
ทว่าก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่ประจำ ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ชื่อกอหญ้า ยังพาหลานชายตัวน้อย มาเยี่ยมเยือนเขาอยู่เลยเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน
…….
พอย่างเข้าเดือนสิบสองยังไม่ทันจะข้ามวันดี
สาวท้องแก่ก็เริ่มปวดท้องใกล้คลอดเต็มที คุณพ่อมือใหม่ก็ลนลาน ทำอะไรไม่ถูก หยิบไอ้นี่คว้าไอ้โน่น จนหัวหมุนไปหมด กระเป๋าสตางค์บ้าง กุญแจรถบ้าง ด้วยความตื่นเต้นจึงเผลอหยิบโยนตุ๊กตาไปให้คุณแม่ท้องแก่
ก่อนวิ่งไปเตรียมออกรถ ทว่าปากก็ตะโกนบอกเพื่อนข้างบ้านไม่ยอมหยุด “ทำนองว่าลูกกูจะคลอดแล้วโว้ย!”
ทำเอาเจ้าหล่อนโมโหจะตายอยู่แล้ว แต่จะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเจ็บท้องเต็มที
แทนที่จะเอาเวลาไปเรียกรถพยาบาล หรือไม่ก็ไปออกรถเตรียมไว้ ดันเอาเวลาไปตะโกนป่าวประกาศ ทำเอาหล่อนกัดฟันกรอด น่าเขกกบาลนักเชียว…
เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น “โอ๊ยยยย ไม่ไหวแล้วพ่อ!!! เร็วเข้ารีบเอารถขับไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” เธอรวบรวมเสียงตะโกนออกไป เพราะตอนนี้น้ำเดินเริ่มไหลออกมาแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้ออกรถขับพากันไปโรงพยาบาล “ยังดีที่ว่าโรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่นี้!” ไม่งั้นมีหวังคงได้คลอดลูกบนรถนี่แหละ
เธอบ่นกระปอดกระแปดตลอดทาง มือข้างหนึ่งก็ใช้ไปหยิกแขนสามีตัวแสบ ..ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ใช้จิกตุ๊กตาในมือไว้แน่น ซึ่งคุณสามีได้เผลอโยนมาให้เธอ
ไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเอาผันโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะอย่างไงก็ถึงมือของหมอแล้ว ตอนนี้เหลือแค่มาลุ้นว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีมั้ย!?
ชายหนุ่มเดินไปมาอยู่หน้าห้องคลอด คล้ายทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง…
ญาติฝั่งฝ่ายภรรยา พอทราบข่าวก็พากันขนคนขึ้นรถ มายังโรงพยาบาลกันเต็มไปหมด ทุกคนต่างแสดงความยินดีปรีดา กระทั่งเพื่อนบ้านที่สนิทกันก็ไม่ลืมตามมาด้วย
“พ่อหยก แม่แช่ม” พ่อแม่ของชบาจึงเข้ามาปลอบขวัญลูกเขย ที่กำลังตื่นเต้นอยู่ ภายในมือของพวกเขาก็กำของไว้ ซึ่งเตรียมใช้มันรับขวัญหลาน…พวกเขาเตรียมไว้ได้หลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่รู้ว่าชบาตั้งท้อง พอทราบข่าวจึงไม่ลืมหยิบมาด้วย ดูท่าคงเป็นทองคำหรือไม่ก็สร้อยพระ ซึ่งอยู่ในถุงสีแดง
ผ่านไปพักใหญ่ หมอก็เดินออกมาแจ้งข่าวดีกับผันและครอบครัว “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”
ผันที่ทำอะไรไม่ถูก ก็กระโจนเข้าไปกอดหมอ ระหว่างที่อยู่หน้าห้องคลอด
“หนึ่งนาทีนานเหมือนหนึ่งชั่วโมง…หนึ่งชั่วโมงยาวนานเหมือนหนึ่งวัน!” หัวใจเขาเต้นระรัว กระเด้งกระดอนไปมา
เขาสาบานว่าตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยลุกลี้ลุกลน หรือว่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อนเลย “แม้แต่ตอนสอบเอ็นทรานซ์ติดมหาลัย ก็ยังไม่ระทึกขวัญถึงขนาดนี้!” หลังจากนี้คงเป็นแรงบันดาลใจที่จะใช้วาดภาพออกมาได้เป็นแน่! เพราะเป็นเหตุการณ์ที่คุณพ่อมือใหม่ คงจะจดจำความรู้สึกนี้ไปตลอดทั้งชีวิต
หลังจากหมอแจ้งข้อกำหนดการเข้าเยี่ยม และกฎต่าง ๆ ข้อควรระวังให้ทางญาติทราบ ก็ขอตัวออกไปพัก
จากนั้นพยาบาลผดุงครรภ์ก็พาผันไปดูหน้าลูกชายตัวแสบ ที่ทำเอาหัวใจเขาแทบจะวาย
“น่าเกลียดน่าชังเสียเหลือเกินเจ้าตัวเล็ก…” ผันคิดในใจ พร้อมกับเขี่ยตู้กระจกทักทายลูกชาย รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าเขาเลย
ผันคิดในใจ ว่าแต่จะตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ สมองผุดชื่อขึ้นมาราวกับดอกเห็ดตอนฤดูฝน แต่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นตุ๊กตาที่ชบากอดตอนมาโรงพยาบาล ซึ่งพยาบาลนำมามอบให้เขาหลังจากคลอดเสร็จ…
จึงทำให้เขาปิ๊งไอเดียและนึกชื่อขึ้นได้ จึงเข้าไปปรึกษากับภรรยาที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง
“แม่จ๋า... พ่อคิดชื่อลูกออกแล้วล่ะ” ผันพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ใบหน้าแต้ยิ้ม
“ชื่ออะไรล่ะ? ไหนว่าจะให้พระมหาไผ่ตั้งชื่อให้ไง” เธอเหลือบตาไปมองสามี ด้วยความอ่อนแรง เพราะแรงจะบ่นแทบจะไม่มีแล้วตอนนี้!
“ก็ตอนแรกคิดชื่อไม่ออก จนแม่คลอดเสร็จนี่แหละ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นตุ๊กตาให้คุณแม่มือใหม่ดู
เธอก็เดาส่งเดชขึ้นมาทันที “ชื่อตุ๊กตา? จะบ้าเหรอลูกเป็นผู้ชายนะ!?” เธอปฏิเสธทันควัน หากมีแรงจะดึงมาบิดหูสักสองสามที เนื่องจากเข้าใจสามีของตัวเองเป็นอย่างดี
“บ้า...ไม่ใช่!” คุณพ่อมือใหม่ปฏิเสธ “นี่ตุ๊กตาอะไร…ตุ๊กตาเสือ” ผันพูดขึ้น “ดังนั้นชื่อมันต้องคำเดียวเหมือนพ่อมัน ตกลงว่าให้ชื่อเสือก็แล้วกันเนอะ” ชายหนุ่มหัวเราะสนุกสนาน
กลับเป็นคุณแม่มือใหม่ที่กัดฟันกรอด เค้นเอาเรี่ยวแรงมาด่า “ชื่อเสือบ้าบออะไร ลูกฉันออกจะน่ารักขนาดนั้น แหม่ตั้งชื่อเสียน่ากลัวเชียว!” นี่ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอคงไปกัดอีกฝ่ายให้จมเขี้ยวแล้ว ตอนนี้หล่อนยิ่งมันเขี้ยวอยู่!
ผันเมื่อเห็นภรรยาทำท่าทางโมโหก็ตอบเสียงอ่อน ทำนองปรึกษาหารือ “อ่าว...แล้วจะตั้งชื่ออะไรดีล่ะ จะได้ดูไม่น่ากลัว แต่พ่อว่าชื่อเสือน่ะดีแล้ว”
ชบาก็ไม่ยอมจนเถียงกันอยู่พักหนึ่ง จนคำว่าน้อยก็ไม่รู้ล่องลอยมาจากไหน อาจจะหลุดปากเถียงกันว่า “เรียกเจ้าตัวน้อยล่ะมั้ง?” ผันจึงได้ข้อสรุปเอาแบบนี้ “ชื่อเสือน้อยถูกใจมั้ยล่ะแม่จ๋า แถมยังดูไม่น่ากลัวอีกต่างหาก!”
“เออ…ค่อยฟังเข้าท่าเข้าทางหน่อย ตั้งชื่อลูกเสียน่ากลัวเชียว” เธอล่ะกลัวจริง ๆ ว่าสามีตัวดีจะเสนอหน้า…ไปเขียนชื่อแจ้งประวัติให้ทางโรงพยาบาล ดังนั้นจึงกัดฟันทนสู้ชื่อนี้มาให้ลูกชาย แม้ว่าตัวเธอจะอ่อนแรงก็ตามที
ด้วยเพราะเป็นศิลปินเต็มเปี่ยม ในหัวมีแต่ไอเดียบรรเจิดเลิศล้ำกว่าชาวบ้าน เธอละกลัวใจสามีตัวเองจริง ๆ ในเรื่องทำนองนี้!
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ครอบครัวร่มไม้เย็นก็ได้ต้อนรับสมาชิกคนใหม่ที่ชื่อว่า “เด็กชาย เสือน้อย ร่มไม้เย็น”
_____________
ชื่อนี้จะกลายเป็นตำนาน!!!!