ตอนที่ 34 นกกระจิบบินวน เริ่มมีคนจะเดือดร้อน!
ตอนที่ 34 นกกระจิบบินวน เริ่มมีคนจะเดือดร้อน!
วันหนึ่ง...หลังจากเปิดเทอมได้ไม่นาน
ในบ้านก็มียัยตัวป่วนคนหนึ่งมาเยือน เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเสือน้อยเอง เป็นลูกของน้าชม้อยน้องสาวแท้ ๆ ของแม่ ตั้งแต่เด็กเสือน้อยก็ปวดหัวกับเธอเป็นประจำ…ยัยตัวน้อยชอบมาวิ่งปั่นประสาทเขา ครั้นนึกถึงอดีตแล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้
“นกแก้ว” ลูกสาวน้าชม้อยสอบติดโรงเรียนคณะราษฯ กลายเป็นรุ่นน้องลูกหมีแล้วคนหนึ่ง แต่ช่วงนี้ที่บ้านของน้าชม้อยกับสามีทะเลาะกันรุนแรงทุกวัน พอแม่ชบาไปเห็นเข้าจึงพาหลานรักออกมาจากบ้าน เก็บข้าวของมาอยู่บ้านนี้...
สาวน้อยราวกับลูกนกตัวสั่น ดูหวาดหวั่น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเนื่องจากพอเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอทั้งพยายามห้ามก็แล้ว เรียกญาติทั้งปู่ตากับยายมาช่วยก็แล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น
จนโทรไปหาป้าชบาให้มาห้ามทัพจากนั้นเธอก็ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย อาศัยอยู่ในบ้านของป้าหลายวันกว่าอาการจะดีขึ้น
โชคดีที่ลูกหมีช่วยลาป่วยแทนที่โรงเรียน… และมีแม่ชบาคอยปลอบใจหลานรักอยู่ตลอดเวลา ถึงขั้นพาไปขายของด้วยเลย ไม่ปล่อยให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน
“จนกระทั่งเธอดีขึ้น” เสือน้อยเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วน
พอเห็นเสือน้อยเลี้ยงควายเสร็จ และนอนอยู่บนเปล เธอมานั่งจ้องมองด้วยความสงสัย “สมองกำลังหาทางคิดจะแกล้งพี่ชายคนนี้อย่างไงดี? คิดไปคิดมา จึงเอาหญ้ามาแหย่จมูก ทำเอาเจ้าตัวไม่เป็นอันนอน เส้นเลือดบนขมับเต้นตุ้บตับ”
ส่วนเจ้าทองสุขโชคดีหน่อย เจ้าควายตัวนี้มันเหมือนมีญาณพิเศษ ที่จะเอาอกเอาใจถูกคน “พอเห็นสาวน้อยเดินมามันก็วิ่งไปคลอเคลียกับเธอ วิ่งเล่นไล่ตามกันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู”
“นกแก้ว!” เสือน้อยตะโกนโมโห ขณะที่ถูกปลุกให้ตื่นนอนตอนกลางวัน
ทำเอาเจ้าหล่อนวิ่งหนีไปด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน และด้วยความสามารถอันน่าเหลือเชื่อเธอไปแอบอ้างชื่อเสือน้อยกับพี่ลูกหมีของเธอ รวมสมัครพรรคพวกผู้หญิงแถวนั้น พยายามจะเลียนแบบเสือน้อย และตั้งตัวเป็นหัวหน้าของเหล่าเด็กผู้หญิงรุ่นน้องในวัยเดียวกัน
“มันได้สร้างความปั่นป่วนให้เสือน้อย…ได้ไม่น้อยเลยจริง ๆ”
จากนั้นเป็นต้นมาเธอก็กลายเป็นเหมือน “นกแก้วจริง ๆ” ที่เดินพูดไปพูดมาถามโน่นถามนี่ จนเสือน้อยเวียนหัว อดไปบ่นกับแม่ไม่ได้
ทว่าแม่ชบาก็ยิ้ม ๆ บอกว่า “น้องยังเด็กอยู่ เป็นพี่ก็ต้องรักน้องสิ!”
เสือน้อยได้ยินดังนั้นก็ทำได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เพราะเขาได้ยินแม่บอกมาตั้งแต่เด็ก เวลาเล่นกับพี่ ๆ น้อง ๆ
นกแก้วเข้าได้ดีกับพี่ลูกหมีของเธอนักแหละ เธอมีพี่ลูกหมีเป็นต้นแบบยังชวนมานอนด้วยกันบ่อย ๆ เพราะว่าหลังจากที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ดูเหมือนต่างก็จะแยกทางกันไปต่างคนต่างอยู่
ส่วนน้าชม้อย เมื่อหย่ากับสามีเธอแล้ว ก็เตรียมจะพาลูกสาวกับบ้าน แต่เจ้าตัวยืนตัวสั่น ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
เหตุผลหลัก ๆ ที่หย่ากันเพราะทั้งคู่ต่างมีคนใหม่เข้ามาในชีวิต…
ฝ่ายน้าชม้อยจับได้ เลยแค้นใจจนไปดื่มเหล้าย้อมใจจนกระทั่งบังเอิญ เจอเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
“พูดปลอบใจกันไปกันมาอีท่าไหนไม่รู้ไปจบลงบนเตียง” ฝ่ายชายพยายามขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ด้วยเพราะชม้อยก็ยังอายุยังน้อยแค่สามสิบกว่า ๆ ทรวดทรงองค์เอวก็ดูดีกว่าสมัยตอนเรียนอยู่มหาลัยเสียอีก หากแต่ติดที่มีลูกเร็วไปหน่อยหลังจบมหาลัยได้ไม่นาน…
ฝ่ายชายที่มาติดพันเธอก็ยอมรับเธอได้ที่เป็นแม่หม้ายลูกติด ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดีระหว่างทั้งคู่
แต่สามีเธอไม่ยอมหย่า จนทะเลาะมีปากเสียงกัน กระทั่งตกลงแยกย้ายกันไปด้วยดีแล้วชม้อยก็กลับมารับลูกสาวของเธอ เตรียมไปอยู่กับแฟนใหม่!
แต่เด็กสาวเหมือนไม่อยากกลับบ้านตอนนี้…บ่ายเบี่ยงขอเวลาเสียหน่อย ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพ่อเลี้ยงคนใหม่นี้
ส่วนเรื่องที่พ่อแท้ ๆ แอบปันใจก็เป็นเธอเองนี่แหละที่สืบเสาะจนรู้ว่าพ่อมีพิรุธ…จากขี้ปากของเหล่าชาวบ้าน
แม่ชบาก็เลยช่วยกล่อมให้เด็กอยู่ปรับตัวที่นี่…ไปกลับกับบ้านโน้นบ่อย ๆ จะได้ทำความคุ้นชินไปทีละเล็กทีละน้อยดีกว่ามั้ย? เมื่อทั้งคู่สองสามีภรรยาป้ายแดง สบตากันก็พยักหน้าตกลงตามนั้น…
ในส่วนพ่อของนกแก้วก็กลับบ้านของตัวเองแถวเมืองนนท์…พร้อมกับเมียใหม่ ท้ายที่สุดนกแก้ว จึงได้อยู่บ้านหลังนี้ต่อไป ก่อนจะเริ่มพยายามปรับตัวเข้าหาครอบครัวใหม่ และพ่อเลี้ยงคนใหม่…
...…
กลางเทอมของ ม.2 ปัญหาใหญ่เรื่องการผลิตหมูเสียบไม้ก็กลายเป็นปัญหาจนได้…
เพราะแม่ชบาบอกว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปมีหวังแย่แน่ ๆ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เสือน้อยขยายโครงการไปตามตลาดต่าง ๆ จ้างคนเสียบหมูปิ้ง หมักหมูก็ใช้พื้นที่เยอะ”
แต่อยู่ดี ๆ แม่ชบาก็บอกว่า “วันนี้มีคนมาฝากขายที่ดินให้แม่แน่ะ ทำเลอยู่จากบ้านเราไม่ไกล เหมาะเอามาทำเป็นสถานที่สร้างขยายกิจการได้”
เสือน้อยยิ้มกรุ้มกริ่ม “เชียร์ขนาดนี้ได้ค่านายหน้าเท่าไหร่น่ะแม่?”
แม่ชบาก็เขกมะเหงกเขาไปทีหนึ่ง ก่อนยอมรับว่า “ก็นิดหน่อย” เธอรู้ยิ่งโตเจ้าเด็กนี่ยิ่งเจ้าเล่ห์ดังนั้นต้องคอยคุมไม่ให้ก่อเรื่องมาก
เสือน้อยกุมหน้าผากนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร “ราคาที่ดินประเมินไว้เท่าไหร่ ถ้าไม่แพงเสือซื้อให้แม่ก็ได้…”
พ่อผันพูดแทรกว่า “ตรงนี้ก็เอาไว้ทำโรงงานสิ…จะได้ดูมีมาตรฐาน ตอนแรก ๆ ก็เสียบหมูก่อน ค่อย ๆ ขยายไป ถ้าเอ็งคิดจะทำอาหารสดนะ” พ่อมองที่ดินแปลงนี้ก็ตัดสินใจแนะนำลูกชายตามความคิดของตัวเอง
เสือน้อยก็เหมือนคนที่หลงทางในความมืด ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์…
เป้าหมายของเขาไม่ใช่ทำให้คนมีงานทำมากขึ้นหรอกหรือ? เห็นคนมีชีวิตดีขึ้นหรือ? และถ้าเป็นโรงงานในอนาคตเราจะผลิตอะไรก็ง่ายขึ้น เสือน้อยยังคิดจะผลิตลูกชิ้นขายเลย พวกไส้กรอก ฮอตดอก อะไรทำนองนี้ก็ด้วย
นกแก้วที่นั่งมองอยู่ตรงนั้น ยังไม่ค่อยรู้อะไรมาก
ภายในใจก็ลอบครุ่นคิด “ทำไมต้องมาถามพี่เสือด้วย ลุงกับป้าก็ตัดสินใจกันเองไม่ได้หรือ?” เธอบ่นในใจ แต่ไม่กล้าพูดสอดแทรกขึ้นมา
….…
ในวันรุ่งขึ้น พ่อก็พาเสือน้อยขี่จักรยานไปดูที่ดินแปลงนั้น…
ซึ่งแปลงที่ดินอยู่ไม่ห่างจากบ้านเขามากนัก นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่ง…ที่แม่อยากได้ที่ดินไว้ให้ แต่มันก็ยังต้องไปเห็นด้วยตา เหตุผลหลักก็คืออยากสร้างโรงงาน ดังนั้นในวันนี้พ่อผันจึงได้เรียนเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านก่อสร้าง…ที่ได้รู้จักกันมาเนิ่นนานมาช่วยดู
‘ลุงสิน’ เพื่อนสมัยมัธยมที่ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ทุกวันนี้ก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ “ลุงสินก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ออกแบบบ้านไม้ที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ร่วมกับพ่อและลุงถิ่น” ตอนนี้แกเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง หลังจากที่ทำงานอยู่กับบริษัทใหญ่ ๆ มาหลายสิบปี
ยืนรอครู่หนึ่งลุงสินก็โทรมาหายืนยันตำแหน่งก่อนจะไปดูที่กัน
พ่อผันบอกเหตุผลที่ต้องการว่า “อยากสร้างโรงงานได้มาตรฐาน”
ลุงสินแกจึงมาช่วยดูก่อนว่า “จำเป็นต้องถมที่ดินมั้ย? ของพวกนี้มันต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ไม่นานนักลุงถิ่นก็มาจอดรถอยู่ข้าง ๆ บีบแตรเสียงดัง “ไม่รอกูเลยนะพวกมึง!”
ลุงถิ่นยิ้มฟันขาวเดินออกมาจากรถก่อนกอดคอเพื่อนรักทั้งสอง พูดกันอยู่นานสองนาน
“คนหนึ่งวิศวกรรมก่อสร้าง อีกคนเรียนสถาปนิกออกแบบ” มีเพื่อนเยอะ เพื่อนดีมันก็แบบนี้นี่เอง คำที่พ่อบอก “นกไร้ขน…คนไร้เพื่อนบินขึ้นที่สูงไม่ได้” เสือน้อยพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ทั้งสองประเมินกันอยู่นานสองนาน พร้อมดูสำเนาแปลงเอกสารที่ดิน “ก็ช่วยกันคำนวณออกแบบ จากนั้นก็เขียนสัญญาจ้างกันเลย เสือน้อยออกหมดทั้งค่าจ้างค่าออกแบบเที่ยวนี้ไม่มีลดราคา คิดจริงตามราคาหน้างานเลย” เสือน้อยก็ตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่ทว่าก็เจ็บปวดเพราะพริบตาเดียวเงินก็หายไปก้อนใหญ่!
และพอคิดว่าเงินหายไปเยอะ ดังนั้นจึงต้องคิดหาวิธีทำเงินเพิ่ม!
“ช่วงนี้กระเป๋านักเรียนขายดี จนนำออกมาประมูลขายกันทีละสิบใบ…ใบไหนสภาพดีก็เก็บไว้สอดแทรก เป็นทีเด็ดในทุก ๆ รอบเพื่อเรียกราคา”
เสือน้อยไม่ได้ออกหน้าด้วยตัวเอง แต่สั่งลูกน้องรุ่นพี่จากค่ายมวย ที่พึ่งหมดโปรแกรมแข่งมาทำหน้าที่แทน ส่วนตัวเขาไม่ได้ออกตัวเลยแม้แต่น้อย แต่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนที่ได้ไปซื้อกระเป๋าให้ไอ้เข้มถ่ายรูปไว้กลายเป็นการเพิ่มมูลค่า
โดยเฉพาะกับกระเป๋าของพี่ผู้หญิงดาวเด่นของโรงเรียน หรือไม่ก็ของพี่ผู้ชายหล่อ ๆ บางใบราคาพุ่งไป เก้าพันกว่าบาททุบทำลายสถิติ!
ส่วนราคาอย่างต่ำนั้น ตอนนี้ก็อยู่ที่ 3,000 บาท
กระเป๋าก็ที่มีอยู่ก็ประมาณ 800–900 ใบ เสือน้อยก็ยังให้คนไปตามสืบเสาะหามาเพิ่มให้ได้ ซึ่งเพียงครึ่งเทอมก็หมดไป 500 กว่าใบแล้ว
จึงเกิดเป็นกระแสในหมู่นักเรียน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายในคราวนี้เป็นทุกระดับชั้นจึงทำให้ของไม่พอต่อความต้องการ ราคาจึงดีดตัวสูงตามความต้องการโดยปริยาย…
จนราคาไปถึงสี่พันห้าพันกว่าบาท เสือน้อยก็ดีใจ ปล่อยไปในราคานั้นเลย ซึ่งมันดีกว่าราคาที่ประมูลกันในช่วงแรก ๆ มากนัก เพราะช่วงนี้เสียเงินไปก้อนใหญ่ จึงพยายามหาเงินคืนมาใส่บัญชี
โดยคนปั่นราคาตลาดนั้นส่วนใหญ่เป็นยักษ์-ใหญ่สองแฝดนรก
....
ในระหว่างนั้นเอง ทั้งกลุ่มเพื่อนร่วมห้องก็ตามสืบเรื่องของไอ้ทรพีกับพรรคพวก…
“ทุกวันนี้ชื่อทรพีทั้งกลุ่มก๊วนเข้าใจความหมายของชื่อกันแล้ว และพฤติกรรมของมัน ก็ไม่ได้แตกต่างจากชื่อเสียงเลย…”
กลุ่มของพีพยายาม ผูกขาดตลาดบุหรี่ภายในโรงเรียน และถ้าใครไปซื้อกับคนภายนอก จะร่วมมือกับรุ่นพี่…ที่ทำหน้าที่ฝ่ายปกครองในเครือของตัวเอง ไปแจ้งกับครูฝ่ายปกครองให้มาจับ
แถมยังเป็นการจับได้แบบมีหลักฐาน ซึ่งบุหรี่ก็คาอยู่ในกระเป๋านักเรียน จึงโดนเรียกพบผู้ปกครองกลายเป็นงานใหญ่
กลุ่มของพีมีหน้าม้าเป็นทิดรุ่นพี่ ม.5 ที่มีเรื่องชกต่อยกับเสือน้อยวันนั้น ตามที่หาข้อมูลกันมาตอนแรก แต่สืบสาวไปแล้วยิ่งขุดก็ยิ่งเจอพวกนักเรียนฝ่ายปกครองที่เข้ามามีเอี่ยวด้วย
พวกเหล่านี้ก็คือคนของประธานนักเรียนของปีก่อน ที่ได้แต่งตั้งเอาไว้ “เนื่องจากนักเรียนเยอะ…ครูน้อย” จึงทำให้ประธานนักเรียน ต้องช่วยหาคณะกรรมการมาช่วยครูฝ่ายปกครอง ตรวจสอบดูแลนักเรียนด้วยกันเอง
และพีก็เป็นตัวตั้งตัวตีรับช่วงต่อกิจการจากรุ่นพี่ประธานนักเรียนคนก่อน ซึ่งได้กลายมาเป็นพ่อค้าบุหรี่ คนที่ดูดบุหรี่แล้วไม่ซื้อจากมันก็จะโดนจัดการ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น “ครูบังเอิญไปเจอ...ยามประจำโรงเรียนไปเจอ หรือนักเรียนฝ่ายปกครองไปเจอ…”
เสือน้อยเมื่อรวบรวมข่าวสารมาวิเคราะห์ จากที่เพื่อน ๆ เล่ามาไอ้นี่มันเลวไม่ใช่ย่อยเลย เล่นกับของผิดกฎหมาย ผิดกฎโรงเรียนแบบโจ่งครึ่ม ส่วนไอ้พวกนักเรียนฝ่ายปกครองนั่นก็พอ ๆ กัน
ในตอนนี้เสือน้อยก็กำลังหาวิธีจัดการอยู่ ตัวเขาจะออกหน้าเองมันก็ใช่ที่ เพราะจะเป็นศัตรูกับหลายฝ่ายมากจนเกินไป
เลยจำเป็นต้องมีคนออกหน้าแทน และคนพวกนั้นก็คือ “พวกที่ถูกเล่นงานโดยไม่รู้ตัวจากไอ้พี!”
เสือน้อยให้กลุ่มเพื่อน ๆ ปล่อยข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ไอ้พวกที่โดนคดีบุหรี่รู้
ผลก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะหลายคนเริ่มพยายามที่จะหาหลักฐาน เพื่อเอามายืนยันว่าข่าวที่ได้มาจริงมั้ย? จึงเกิดปฏิบัติการล่อซื้อขึ้น!
....
ส่วนความรักของไอ้พีกับเหมือนฝันก็ดูเหมือนจะราบรื่น
แต่ทว่าก็มีคลื่นใต้น้ำอยู่เป็นระลอก โดยเฉพาะคนชื่อว่า ‘เพลงขวัญ’ ซึ่งเธอได้มานั่งร้องห่มร้องไห้ปรึกษากับเหมือนฝัน
เพลงขวัญไม่ได้มาขอพีคืนจากเหมือนฝัน เพราะว่าเธอเอาพวก SMS เบอร์ที่ใช้โทรคุยกันให้เหมือนฝันดูเพื่อยืนยัน มิหนำซ้ำยังเล่าพฤติกรรม ช่วงปิดเทอมให้เหมือนฝันได้รู้อีก!
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเหมือนฝันก็หม่นหมอง ส่วนเพลงขวัญที่แสร้งร้องไห้กระซิก ๆ อยู่นั้นก็แสดงได้เนียนสมบทบาท
จนแล้วจนรอดเหมือนฝันก็ไม่มีคำตอบให้ เธอจึงได้เดินจากไปพร้อมกับคำเตือน “นี่ฝันระวังตัวให้ดีนะ อย่าเป็นแบบเราเลย!” คิดไปคิดมาจนถึงตอนหลัง ๆ เธอไม่อยากได้นายพี กลับมาเป็นแฟนแล้ว จึงเอ่ยเตือนก่อนร่ำลาไป
จากนั้นเธอก็ไปรับเงินกับเสือน้อยตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ยังไม่วายอ่อยใส่เสือน้อยอีก ด้วยการหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง ทำเอาเด็กหนุ่มตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
จากนั้นเสือน้อยจึงได้แต่โบกมือปฏิเสธท่าเดียว…
...…
วันต่อมาเสือน้อยก็เดินเข้ามาทักทายแก๊งนางฟ้า แม้จะเลิกกับมะปรางไปแล้วแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบหน้า กับเข้าหาเหมือนฝันด้วยท่าทีของเพื่อนตามปกติ ขนมติดไม้ติดมือมีมาไม่ขาดสาย…
ส่วนทางด้านมะปรางความรักของเธอก็ดูเหมือนจะไปได้ดีมีความสุข เสือน้อยก็พูดกับเธอเป็นปกติ แม้เลิกรากันแล้ว ก็ยังมีความหวังดีให้ต่อกันนิด ๆ หน่อย ๆ
นักดูดบุหรี่ที่ตอนนี้พยายามล่อซื้อก็เริ่มประสบความสำเร็จด้วยดี ทำให้คนในกลุ่มสิงห์อมควันรวมตัวกัน เพราะโดยมากแล้ว คนที่มีพฤติกรรมเหมือน ๆ กันก็มักจะจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน
รุ่นพี่ ม.6 คนหนึ่งที่พึ่งโดนเล่นงานเรื่องมีบุหรี่ เป็นตัวตั้งตัวตี “เตรียมจะจัดการกับไอ้ทิด และฝ่ายปกครองจอมปลอม” โดยเสือน้อยนั่งสั่งการอยู่ในกระโจม ฟังรายงานข่าวจากเพื่อน ๆ
สิงหาถามขึ้น “จะเอาไงต่อดีไอ้เสือน้อย ปล่อยข่าวเรื่องไอ้พีไปด้วยเลยดีหรือเปล่า? พวกรุ่นพี่ ม.6 แม่งเตรียมลงมือแล้ว!”
เสือน้อยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนบอกว่า “เออมึงปล่อยข่าวไปเลย!” ที่เขากำลังลังเลก็เป็นเพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้อาจกระทบเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเพื่อนใหม่ของแม่อย่างผอ.นัยนา ซึ่งช่วงนี้ทั้งคู่สนิทกันนักเชียว
ดังนั้นวันนี้เสือน้อยจึงเข้าไปหา ผอ.เอาของไปให้โดยอ้างว่า “แม่ฝากกับข้าวมาให้”
บนป้ายหน้าห้องเห็นชื่อ “ผอ.นัยนา เห็นแสงธรรม” ทั้งยังติดตำแหน่งต่าง ๆ กำกับไว้ตามประสาคนมียศมีตำแหน่ง
พอพบ ผอ.นัยนาเธอก็กล่าวขอบใจ แถมยังได้ถามสารทุกข์สุกดิบของเสือน้อย
เด็กหนุ่มก็เล่าไปว่า “เรื่องเรียนไม่มีอะไร แต่ความรักกลับเหงา ๆ ครับครูนา”
จากนั้น ผอ.นา ก็เทศนาไปชุดใหญ่ “เรื่องความรักจะสนใจอะไรให้มันมากนัก ฯลฯ” กว่าจะฟังบ่นจบก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เสือน้อยก็ได้แต่ขานรับไม่กล้าเถียงมาก
ก่อนที่ ผอ.นา จะถึงถามเรื่องในโรงเรียนว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง?
เสือน้อยแสร้งทำท่าทีลังเลก่อนบอก “ช่วงนี้ดูเหมือนจะมีงานเข้าครูนาแล้วครับ?”
ผอ.นัยนาทำท่าฉงน “งานเข้าอะไร มีเรื่องอะไรอีกหรือ?” เธอขมวดคิ้ว พร้อมถามสีหน้าจริงจัง “ไหนลองเล่ามาสิ!?”
เสือน้อยก็เล่าสิ่งที่เตรียมมา เขาไม่ได้อยากใช้เพื่อนแม่คนนี้เป็นเครื่องมือ แต่ก็ต้องให้ครูนาที่เคารพรัก เตรียมรับแรงกระแทกไว้ก่อน “เอ่อ…ก็เรื่องขายบุหรี่แหละครับ เห็นว่ามีโจรชี้เป้าให้โจร!” จากนั้นเสือน้อยก็ไม่ได้บรรยายลงรายละเอียดมาก
แต่ก็พูดเตือน “ลูกท่านหลานเธอเรียนเยอะแยะ ผมล่ะกลัวครูจะโดนแรงกระแทกเลยเอามาเล่าให้ฟัง”
จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันอยู่นานสองนาน เสือน้อยก็คำถามตอบเท่าที่ตอบได้ โดยมากจะเป็นข่าวปล่อยที่เขาตั้งใจให้ครูรู้เสียมากกว่า
-------------------
ขออนุญาตรบกวนฝาก ‘กดติดตาม’ ช่อง Tiktok ให้หน่อยนะครับ
หรือหากท่านใดกดติดตามแล้ว อย่าลืมกดหัวใจ หรือกดแชร์ใน Tiktok
เพื่อเป็นกำลังให้นักเขียนตัวน้อย ๆ คนนี้ด้วยนะครับ
https://www.tiktok.com/@rodlert3659
กราบขอบพระคุณครับ รสเลิศ