บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 28 เพื่อนมาเยี่ยมกับเสือบอกรัก

ตอนที่ 28 เพื่อนมาเยี่ยมกับเสือบอกรัก

ย่างเข้าสิ้นปีเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก…

เสือน้อยก็ได้พาเหล่าผองเพื่อนสนิทในห้องมาเที่ยวที่บ้าน ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้แต่กลับไม่เคยมีใครได้มาเยี่ยมเลย

แต่ละคนก็เลยค่อนข้างสนใจว่า “เพื่อนคนนี้…สถานที่แบบไหน ถึงเลี้ยงมันโตมาได้แบบนี้!?”

คนที่พามาก็มี “เอส, ต่าย, สิงหา, สมชาย, เปรม, สาม, วา” เฉพาะสามคนหลัง ที่ต่อยตีกันไปยกหนึ่ง จึงยอมจำนงต่อเสือน้อยผู้มีพละกำลังมากกว่าจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน…

เสือน้อยบอกพ่อไว้แล้ว ให้แม่บ้านเตรียมของกินขนมไว้ เพราะเรื่องนี้พ่อผันถือมาก กลัวจะต้อนรับขับสู้ได้ไม่ดี “ธรรมเนียมอันดีงามเช่นนี้ปฏิบัติไว้ไม่เสียหาย หากมันไม่ดีจริงมันคงไม่อยู่สืบทอดมาแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน”

ดั่งเช่นสำนวณเลี้ยงดูปูเสื่อ

พ่อเน้นย้ำเรื่องนี้กับเสือน้อยมาตั้งแต่เด็กแขกเหรื่อที่ว่านี้ ใครมาต้องต้อนรับให้ดี ทั้งแขกที่มาเยี่ยมเยือน แขกที่มาซื้อภาพวาด หรือคนที่มาทำงานให้ที่บ้านช่างไม้ ช่างแอร์

จนบางครั้งเสือน้อยก็ยังต้องตั้งคำถามกลับ “แขกนี้มันใช้กับคนที่เราจ้างมาทำงานด้วยเหรอพ่อ”

พ่อผันจึงอธิบายอยู่ยาวเหยียด ใครจะไปจะมานับเป็นแขกทั้งหมด พ่อถึงขั้น ไปเอาพจนานุกรมมาเปิดให้ดูเลยทีเดียว และมันก็เหมือนไปกับคำที่พ่อสอนจริง ๆ หากเอาแค่ตามความหมายตัวอักษร ทั้งยังควรต้อนรับขับสู้ให้ดี เพราะปกติแล้ว “คนมีมารยาทมักไม่ถูกต่อว่า!”

เมื่อเพื่อน ๆ มาถึงบ้านของเสือน้อย ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนไม่ไกลเลยจริง ๆ ในบ้านก็ร่มรื่นมีไม้นานาพันธุ์ ที่คอยให้ร่มเงา คล้ายดั่งนามสกุล “ร่มไม้เย็น” ของเสือน้อย ที่สะท้อนมาผ่านบรรยากาศภายในบ้านได้เป็นอยากดี

บ้านไม้ทรงไทยตกแต่งสวยงาม ชั้นหนึ่งมีห้องซ้อมดนตรี กับห้องครัวอื่น ๆ ที่เอาไว้ทำหมูเสียบไม้ ส่วนชั้นสองกลับต้องขึ้นบันไดไม้ทรงไทย ที่มีโอ่งน้ำไว้ล้างเท้าวางไว้ด้านล่าง คล้ายอยู่กับยุคกรุงศรีอย่างงั้น

พอทุกคนมาก็เห็นเสือน้อย พาเดินแนะนำยังไม่ลืมกำชับเรื่อง “การไปเป็นแขกบ้านของคนอื่นให้เพื่อน ๆ ฟัง” แน่นอนว่าฝั่งของทางคนต้อนรับขับสู้กับผู้มาเยือนคือแขกพ่อก็ย่อมไม่ลืมสอนการเป็นแขกที่ดีให้เสือน้อยฟังด้วย

ดังนั้นจึงบอกกล่าวกับเพื่อนว่า ให้ระวังจุดไหนบ้าง เช่น พวกกล้วยไม้นั่น ราคาแพงหูฉีกระวังอย่าไปโดน ส่วนอื่น ๆ ก็มีไม่มากคล้ายบ้านปกติทั่วไป

พ่อผันนั่งรออยู่นานแล้ว พอเพื่อน ๆ มาก็ยิ้มต้อนรับขับสู้ด้วยตัวเอง ทุกคนก็สวัสดีตามธรรมเนียม…พ่อชวนคุยให้บรรยากาศคลายลง “มา ๆ คุยกันหน่อย...ไหนแนะนำตัวหน่อยสิ!”

ไม่ต้องกดดันเหมือนอยู่ในถ้ำเสือที่ต้องกลัวแม้กระทั่งลมหายใจ พ่อผันเป็นคนคุยเก่งพักเดียวก็ดึงเอาทั้งกลุ่มไปตามอารมณ์ ตามรูปแบบของเขา ไม่ทันไรก็แวะถามถึงเสือน้อยตอนอยู่โรงเรียนแล้ว...

สิงหา “โอ้โฮพ่อ มันนะโคตรติดสาวเลย ดาวเด่นประจำโรงเรียนด้วยนะชื่อเหมือนฝันแอบเดินตามไปโผล่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ช่วงนี้ฉายาเพื่อน ๆ เรียกมันว่าเสือซุ่มน่ะครับ…” สิงหาจัดการขายความลับออกมาหมดเปลือก ทำเอาเสือน้อยยิ้มเก้อเขิน

สมชายพูดเสริม “เหมือนที่ไอ้สิงหามันบอกเลยพ่อ มันเนี่ยนะคลั่งยัยฝันมาก!”

จากนั้นก็เป็นมหกรรม “แฉชิงเหรียญทอง” เล่าเรื่องเปิ่น ๆ ของเสือน้อย แต่ละคนรับส่งกันอย่างดี นี่ถ้าเป็นฟุตบอลคงทำได้หลายประตูแล้ว ส่วนเจ้าตัวยิ้มแห้งให้ไอ้เพื่อนเลวกลุ่มนี้ ใบหน้าก็แดงระเรื่อ คุยกันเรื่องทั่วไปสัพเพเหระอยู่นาน

ก่อนพ่อจะกำชับเสือให้ดูแลเพื่อนให้ทั่วถึงด้วย “ตามสบายนะลูก แม่บ้านเตรียมของว่าง อาหารกับข้าวไว้ให้กินด้วย อย่าลืมกินล่ะ หรือถ้าจะไม่กินก็ห่อไปฝากที่บ้านด้วยนะ” ก่อนพ่อจะจากไปนั่งมุมสงบของตัวเอง หรือไม่ก็ไปรดน้ำต้นไม้

ผ่านไปพักหนึ่งหลังจากพาเพื่อนเดินดูรอบ ๆ บ้านก็พากันชมไม่หยุด จึงเดินเข้าไปดูแดนสนธยาของเจ้าเสือน้อย นั่นก็คือห้องนอนนั่นเอง!

ทุกคนเห็นเตียงที่เป็นระเบียบของตกแต่งส่วนใหญ่เป็นของสะสม ของเล่นที่ซื้อมาตั้งแต่เด็ก เช่น โมเดลหุ่นยนต์ ดิจิมอล ทามะก็อต ฯลฯ

จากนั้นเสือน้อยก็พาไปดูควาย…สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขา พร้อมบรรยายว่าทำไมถึงต้องเลี้ยงมัน

ส่วนเจ้าทองสุขเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองมาก็ไม่ลืมเดินมาอ้อนอย่างรู้งาน ส่วนพวกที่เหลือมันพ่นเสียงผ่านจมูกดูไม่พอใจเท่าไหร่นัก “…แต่จะทำท่าดีใจก็ต่อเมื่อได้อาหาร”

พักหนึ่งเสือน้อยก็พาเพื่อน ๆ ไปดูค่ายมวยตรงข้ามที่ตอนนี้โล่งขึ้นเยอะมาก เพราะว่าคนที่ไม่ได้ซ้อมมวย หรือเด็กว่างงานก็ไปถีบจักรยานส่งอาหารให้เสือน้อย

รายได้ก็ดีไม่ใช่น้อยทีเดียว ช่วงนี้งานเยอะมากปั่นกันแทบไม่ทันส่ง “จึงลากเอาพวกวินมอเตอร์ไซค์มาเป็นพวก ที่ไหนสั่งไกล ๆ ก็หารเฉลี่ยส่วนแบ่งกัน”

เสือน้อยก็ถึงขั้น ไปคุยกับพวกร้านหรือสำนักงานต่าง ๆ เขาไปฝากใบรายการอาหารไว้ บนใบกระดาษเน้นย้ำไว้ว่า “อาหารตามส่ง ไม่ใช่ตามสั่ง”

เขาเติมสีสันด้วยการเขียนแถมไปด้วย “ส่วนพวก ปลาช่อนแป๊ะซะ มะระผัดไข่ เย็นตาโฟหม้อไฟ ต้มแซ่บเครื่องใน ไก่แช่เหล้า…ไม่มีขาย” เขาเขียนเอาฮาไว้ในใบรายการ โดยได้ทิ้งท้ายว่า “ไม่ต้องเมื่อยขาเดินแค่โทรสั่งเอาก็พอ!”

เขาได้แรงบันดาลใจมาจากรายการขายสินค้าทีวีไดเร็ค

แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสั่งพวกอาหารพวกนี้…เขาแค่ติดป้ายเอาฮาเท่านั้น เพื่อที่ดึงดูดลูกค้า ก็ดันมีคนบ้าจี้จะกินปลาช่อนแป๊ะซะ วันนั้นเสือน้อยรับสายเองกับมือ

ในสมองก็ครุ่นคิด “สงสัยพวกพี่ ๆ เขาขี้เกียจเดินออกมาจากบริษัทมั้ง? นั่งทำงานเบื่อๆ จึงอยากกินอะไรแปลก ๆ” ถ้ากระเหี้ยนกระหือรือขนาดนี้ล่ะก็เขาจะสนองให้

ก่อนที่จะโทรกลับไปปลายสาย “เขาถามว่าอยากกินจริง ๆ ใช่มั้ย? ทางร้านก็จัดให้ได้ แต่คิดค่าบริการพิเศษเพิ่มเยอะนะ”

กลับกลายเป็นว่าป้ายติดประกาศเอาฮา ลอกมาจากมุกตลกคาเฟ่ดันดังขึ้นมาเฉย เสือน้อยกะพริบตาปริบ ๆ

ด้วยเหตุนี้เองเสือน้อยจึงทำให้ร้านตัวเอง…และของแม่ชบามีรายได้มากขึ้น

โดยปกติแม่จะขายเฉพาะช่วงตอนเย็นคนเลิกงานเท่านั้น ช่วงกลางวันก็ให้ลูกจ้างเตรียมปรุงอาหารไว้ “แต่ในวันนี้…ทั้งช่วงเช้ากลางวันเย็น ดูเหมือนร้านแม่ชบาจะยุ่งอยู่ตลอด” แถมยังได้รับแม่ครัวมาเป็นการเฉพาะอีกหลายคน

ดังนั้นแม่จึงแยกบัญชีร้านตามประสานักบัญชี เธอจึงสอนลูกหมี เกี่ยวกับการทำบัญชี เพราะจะคาดหวังให้เจ้าเสือน้อยมันทำคงยากน่าดู แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่เคยสอน ตัวเสือน้อยเองก็ทำบัญชีคร่าว ๆ เป็น แต่ไม่ละเอียดแบบเธอ

ส่วนลูกหมีก็ซื้อโน้ตบุ๊กมาใหม่ ใช้ Excel ในคอมช่วยทุ่นแรงได้เยอะ และเสือน้อยเป็นคนแนะนำวิธีนี้มาแก้ปัญหา

นักมวยส่วนใหญ่ที่อยู่ก็มีคิวขึ้นชก หรือไม่ก็เตรียมตัวก่อนถึงวันแข่ง เสียงเตะกระสอบทรายดังถี่ ๆ พร้อมเสียง “ชี่” ออกจากปากของนักมวยเป็นระยะ ๆ

กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนมาเห็นบรรยากาศของจริง ก็ชวนกันตกตะลึง “บนเวทีเจ้าเพชรที่พึ่งเลิกเรียนหมาด ๆ ก็พันมือใส่นวมขึ้นชกเป้าล่อกับพี่เลี้ยง โดยมีครูเด่นชัยยืนกำกับอยู่ด้านล่าง”

ทุกคนเหมือนไม่สนใจว่ามีกลุ่มคนหน้าใหม่มาเท่าไหร่ ใครที่มีหน้าที่ต่างก็ทำงานของตัวเองไป เสือน้อยเดินพาเพื่อนชมค่ายอย่างกับบ้านของตัวเอง

และเมื่อเห็นเวทีหนึ่งว่างอยู่ พวกเพื่อน ๆ ก็เอ่ยปากอยากลองของสักหน่อย ทางด้านเสือน้อยก็ได้ตะโกนขออนุญาตครูเด่นชัยอยู่สองสามคำ ก่อนจะไปหยิบนวมต่อยมวย กับเป้าล่อมาให้เพื่อน ๆ ลองของ

“มา! เข้ามาทีละคนเดี๋ยวกูถือเป้าล่อให้” เสือน้อยอธิบายวิธีการให้ฟัง หลังจากนั้นพวกเพื่อน ๆ นั้นก็ลองของกันคนละไม่กี่ที…ก็หอบหมดแรงลงไปจากเวทีแต่โดยดี “เพื่อน ๆ ก็ถามว่าที่นี่เขารับสอนมวยมั้ยวะ?”

“เคยรับอยู่ มีกูคนเดียวนี่แหละที่ไปจ้างครูแกมาสอน ส่วนใหญ่ครูแกจะปั้นนักมวยขึ้นชกเสียมากกว่า พวกเด็กที่บ้านอยู่แถว ๆ นี้ก็มาฝึกเตะต่อยกระสอบทรายแต่เด็ก คนไหนมีแววและมุ่งมั่น ครูเด่นชัยแกก็จะปั้นขึ้นชก”

เปรมถามด้วยคำถามที่อยากรู้มานาน “แล้วมึงเคยขึ้นชกหรือเปล่าวะ?”

เสือน้อยยกยิ้มมุมปาก “เคยสิ!”

จนพวกเพื่อน ๆ อดถามบรรยากาศไม่ได้ เช่นตอนไปชกตื่นเต้นมั้ย เจ็บตัวมากมั้ย?

เขาก็ตอบว่า “เอ่อ…ก็ตื่นเต้นนะ ส่วนไอ้คำว่าเจ็บกับนักมวยเนี่ยมันของคู่กันเลยนะ ถ้ามึงทนเขาต่อยไม่ได้ ร่วงตั้งแต่ยกแรกแล้ว!”

เขายังนึกไปถึงเทอมก่อน ที่ชกกับไอ้หมาหมู่ห้าตัว มีหมักชกเข้ามาที่ท้องและที่ขมับเขา แต่สำหรับเขาแล้วที่ฝึกทนมือทนตีนมาแต่เด็ก จึงไม่มีปัญหาเท่าไรนัก

ทั้งกลุ่มขึ้นมาบนบ้าน ทางแม่บ้านถามไว้แล้วว่าจะกินข้าวที่นี่ดี หรือว่าจะห่อกลับบ้าน? พวกเธอถามก่อนที่เสือน้อยพาเพื่อนไปดูทองสุขและค่ายมวย ทั้งกลุ่มก็ตอบอย่างเกรงใจว่าเอากลับบ้านดีกว่า ดังนั้นแม่บ้านทั้งสองก็มัดใส่ถุงสำรับอาหารที่เตรียมไว้ส่งให้ทุกคนในกลุ่ม ก่อนแยกย้ายกันเดินไป

เสือน้อยติดใจคำพูดของเพื่อน “ที่นี่เขารับสอนมวยมั้ย?” ความจริงแล้วถ้าเปิดสอนมวยให้คนที่อยากเรียนมันก็จะเป็นรายได้พิเศษ แต่อารมณ์ครูเด่นชัยค่อนข้างสุดโต่งไปสักหน่อยถ้าเงินไม่ดีแบบเขา หรือไม่สนิทกันก็จะไม่สอนให้ ไม่ถ่ายทอดวิชาให้

ครูเด่นชัยแกหวัง เงินชกบนเวทีและแทงมวยเสียมากกว่า โดยเฉพาะตอนเขาขึ้นชกยังจำได้ครูเล่นแทงเขาหมดตัว พ่อมาบอกทีหลังทำเอาเขา…ใจหายแวบแต่ปรากฏว่าแกหอบเงินก้อนใหญ่กลับมาทุกที

...

พอตอนเย็น ๆ พ่อผันก็ชวนเสือน้อยคุยเรื่องเกี่ยวกับเหมือนฝัน บอกว่า “ถ้าชอบก็ลองไปสารภาพเขาเลยถ้าเขาไม่ชอบก็อย่าเสียใจขอเป็นเพื่อนกันไปก่อน เพราะว่าถ้าผู้หญิงไม่มีใจก็ไม่สู้ไปจีบคนอื่นเสียดีกว่า อย่าไปตื๊อผู้หญิงเขาจะรำคาญเอา…ส่วนถ้าเขาบอกว่ายังไม่พร้อมเราก็ไปลองจีบคนอื่นก่อนดีมั้ย? เรียนรู้ที่จะคบหากันก่อน”

พ่อนิยามช่วงนี้ว่า “ลองคบหาดูใจ…ถ้าไม่ถูกใจถูกจริตกันก็บอกเลิกกันด้วยดี และควรพูดกันให้เข้าใจเป็นอย่างแรก ที่สำคัญ เออ...อย่าลืมหันมามองคนรอบ ๆ ตัวที่ติดต่อด้วยบ่อย ๆ” พ่อผันพูดปลุกใจเสือน้อยอย่างจริงจัง สอนวิธีรับมือความผิดหวัง

เสือน้อยที่ถูกพ่อปลุกใจ “ความจริงเขาก็อยากถามความในใจแบบที่พ่อบอกฟังผู้รู้ไว้ไม่ผิด ถ้าจีบไม่ติดก็ไปลองคบกับคนอื่นดู...ก็เท่านั้น”

วันรุ่งขึ้นเขาจึงโทรไปหาเหมือนฝันนัดกันมาเจอเลย เพราะเขากลัวว่าถ้าผ่านไปอีกหลายวัน ความกล้าที่สะสมไว้จะหมดไป เขาจึงปลุกหัวใจแห่งความกล้าเตรียมคำพูดพรรณนา มานับร้อยพัน “พวกมุขเสี่ยว ๆ ที่เคยส่งไปจีบเขาตัดทิ้งไปได้เลย”

เสือน้อยนัดเจอเธอที่บ่อน้ำพุตรงหน้าโรงเรียนที่เขาเจอเธอเป็นครั้งแรก…

รอจนเหมือนฝันมาหาตามที่นัดไว้เธอก็พูดขึ้น “เสือเรามาแล้ว! มีอะไรเหรอ?” พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้

เสือน้อยสีหน้ายิ้มแย้ม ทว่าภายในใจรวบรวมความกล้า…หัวใจเต้นระรัว มือไม้สั่น จนต้องเอามือไพล่หลังเพื่อกลบเกลื่อน นั่นเป็นเพราะดวงตาอันสุกสกาวคล้ายกับดวงดารา ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองมาที่เขา และสะกดตรึงเด็กหนุ่มให้ต้องมนตร์ทุกทีที่ได้เจอะเจอ...”

หลังจากมนตร์ที่สะกดค่อย ๆ คลายลง เด็กสาวโบกมือไปมาตรงหน้าเขา เพื่อดูอาการเหม่อลอยของเสือน้อย หลังจากเธอเอ่ยปากทักทาย กว่าเสือน้อยจะได้สติก็นานไม่ใช่น้อย…

“เอ่อ…เรามีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเรื่องฝันนั่นแหละ!” เขารวบรวมความกล้าพูดออกไป

เหมือนฝันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่จริงจัง ต่างไปจากปกติของเด็กหนุ่ม “จึงพอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?”

ก่อนจะได้ยินคำถามดังขึ้น “เหมือนฝันมีคนในใจอยู่แล้วหรือยัง?”

เธอก็ยิ้มจาง ๆ ไม่ผิดจากที่เธอคาดไว้นัก เหมือนฝันยิ้มตอบไปว่า “เรายังไม่มีหรอก...มีแต่คนมาจีบน่ะ!”

“แล้วคิดจะมี...อื้ม...คนสนิท คนดูใจหรือแฟนบ้างหรือยัง?” เด็กหนุ่มเน้นเสียงตรงคำว่าแฟน

เหมือนฝันตอบด้วยความจริงใจ...และออกมาจากใจเธอ “คนสนิทถ้าหมายถึงเพื่อน ๆ ก็มีอยู่แล้ว...ส่วนคนดูใจยังไม่มี ยิ่งแฟนก็ยิ่งไม่มี!” เธอพูดจาฉะฉาน

เสือน้อยถามต่ออีกว่า “แล้วถ้าเราจะขอฝันเป็นแฟนล่ะ?” เขาเริ่มรุกต่ออย่างรวดเร็ว

เหมือนฝันยิ้มจาง ๆ ดวงหน้าแสดงออกว่าเขินอายอยู่ใช่ย่อย “ต...ตอนนี้เรายังไม่พร้อมมีแฟน แต่ถ้าถามว่ามีคนที่ชอบมั้ย...ก็มีอยู่แต่ว่า...”

เสียงแผ่วเบาก็แทรกขึ้น “แต่…ไม่ใช่เราใช่มั้ย?” เสือน้อยยิ้มเจื่อน เขาเตรียมใจที่จะรับความผิดหวังมาไว้แล้ว เธอเป็นถึงดาวเด่นมีคนมารุมล้อมมากมาย แล้วทำไมต้องมาเลือกเขาด้วย

“ใช่!” เธอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา…ทั้งเหตุผลจากที่บ้านของเธอเองก็ตาม หรือคนในใจก็ตามแต่ เธอหุบยิ้มไปนานแล้วก่อนก้มหน้าปฏิเสธ

“เอ่อ...มันคงจะดีกว่าที่เราจะเป็นเพื่อนกันไปก่อน…ฝันว่าดีมั้ย?” เสือน้อยยังไม่ลืมคำกำชับของพ่อ เพราะว่าวันนี้กับวันพรุ่งนี้มันอาจต่างกันไปก็ได้ อย่าได้เสียความเป็นเพื่อนไปเปล่า ๆ

เสียงสดใสดังขึ้นมาจากเธออีกครั้ง และเงยหน้าสบตาเด็กหนุ่ม “ดีเลย! เราสองคนเป็นเพื่อนกันก่อน...”

แต่เธอก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพื่อไม่ให้เพื่อนชายตรงหน้า เสียใจมากนัก “ส่วนถ้าเสือจะไปจีบใครก็ตามแต่ ถ้าวันไหนเราทั้งคู่ไม่มีใคร...ไม่แน่เราอาจจะได้เป็นแฟนกันก็ได้ ใครจะไปรู้ใช่ไหม?” เธอคลี่ยิ้มสดใสออกมา

เสือน้อยยิ้มรับ “ดีเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรก็ปรึกษาเราได้นะ!” เขาชวนเดินไปคุยไป คุยเรื่องโน้น คุยเรื่องนี้จนไปส่งเธอที่โต๊ะนั่งประจำ

เหมือนฝันหันมามอง แล้วถามว่า “ผิดหวังมั้ย?”

เสือน้อยหันไปสบตา “แน่นอนผิดหวัง...แต่ไม่มาก คงเพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะสมหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ตอนนี้การพูดจาของเสือน้อยลื่นไหลกว่าแต่ก่อนมาก ตอนคุยก็มีสอดแทรกความคิดของตัวเองตลอดทาง

ทั้งคู่พูดเรื่อง “ดูใจกันไปก่อน” เสือน้อยยังเล่าติดตลกว่าพ่อแนะนำมาแบบนี้ อย่าปิดกั้นตนเอง

เหมือนฝันก็ถามต่อว่า “ถ้าสมมติได้เป็นแฟนกันแล้ว เราทั้งคู่จะออกมาในรูปแบบไหน?”

เสือน้อยก็ตอบไปตามที่ใจคิดพร้อมแนวทาง “พ่อบอกว่าเราทั้งคู่เป็นความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ เป็นความรักแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่มั่นคงอะไรทำนองนั้นเช่นว่า....” เขาก็บรรยายไปเรื่อย

เหมือนฝันก็สัมผัสได้กลาย ๆ ว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงต่างหาก เพราะตลอดทางตั้งแต่รู้ว่าถูกปฏิเสธเขาก็ไม่มีท่าทีอะไรมาก กลับเปิดใจพูดในส่วนที่เธออยากรู้ ซึ่งที่เสือน้อยหรือพ่อเขาสอนมา ตรงกับครอบครัวเธอมาก

“พ่อแม่คงเหมือน ๆ กันหมดสินะ!” เธอแอบคิดในใจ

“งั้นเราไปก่อนนะ…ไว้เจอกัน!” เสือน้อยโบกมือลา

“อย่าหายหน้าไปล่ะ! เจอก็เข้ามาทักเราได้นะ...” เธอไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไปจึงพูดดักทางไว้ก่อน ทางด้านเด็กหนุ่มก็ยิ้มและพยักหน้ารับ

คนที่เธอชอบก็คือนายพี ถ้าจะให้ระบุเพราะนายพีคือสเปคของเธอเลย ส่วนนิสัยก็คงต้องดู ๆ ใจกันไปก่อน...

เสือน้อยพอรู้คำตอบก็โล่งใจ เหมือนกับว่าก้อนหินที่วางกดทับอยู่ในหัวใจ ก็พลันสลายหายไป เป็นความสบายอย่างบอกไม่ถูก “ถ้าปล่อยคำถามนี้ไว้ มันคงจะทำให้เขาอึดอัด…จนทำอะไรไม่ถูก”

ครู่ต่อมาก็เดินมาเจอมะปรางที่โรงอาหารพอดี จึงถือโอกาสชวนนั่งโต๊ะเดียวกันเลย เสือน้อยพูดไปกินไป “จนกระทั่งมาถึงเรื่องที่…วันนี้สารภาพรักกับเหมือนฝันแล้วด้วย!” พอมะปรางได้ยินก็อึ้ง

ก่อนที่เธอจะถามขึ้นว่า “สำเร็จมั้ย?”

พอเห็นหน้าเสือน้อยที่มีรอยยิ้มประดับประดา เธอก็คิดไปต่าง ๆ นานา แสดงว่าสำเร็จแล้วหรือ?

แต่ผลปรากฏว่า “ไม่สำเร็จ” เสือน้อยหัวเราะแก้เขิน หลังจากนั้นก็บอกเล่าเหตุการณ์ให้มะปรางฟัง

มะปรางพูดขึ้น “คนที่ฝันมันชอบน่าจะเป็นนายพีห้องแปดนั่นแหละ!”

เสือน้อยตกตะลึงแต่ไม่มากนัก หากแต่ก็บ่นอุบ “ไอ้กุ๊ยพีเนี่ยนะ?” เขาอดส่ายหน้าไม่ได้...สงสัยหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งสินะ!

_____________

ขออนุญาตรบกวน ‘ฝากกดติดตาม’ Facebook หน่อยครับ

โดยสามารถค้นหาใน Facebook = รสเลิศ

https://www.facebook.com/rodlert3659

กราบขอบพระคุณครับ รสเลิศ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel