ตอนที่ 45 ขว้างงูไม่พ้นคอ (1)
ตอนที่ 45 ขว้างงูไม่พ้นคอ (1)
ผ่านไปสองสามวัน ข่าวลือเรื่องพฤติกรรมต่ำทรามของลูกสจ.พาที ก็ยังไม่จบสิ้น…
ทั้งถ่มถุยเศษอาหารใส่ พร้อมทั้งรีดไถเงิน แถมยังดูหมิ่นซึ่งหน้า ยิ่งนานข่าวลือยิ่งแต่งแต้มไปต่าง ๆ นานา มีพยานในเหตุการณ์เป็นนักเรียนอยู่มาก…
กลายเป็นว่านายพี “ขว้างงูไม่พ้นคอ” เรื่องไปถึงห้องปกครอง จนครูเรียกเขาเข้าไปพบ...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ “พลังของปากคนรวมกันมาก ๆ เข้าก็สามารถละลายทองคำได้เหมือนกัน!”
ที่ห้องฝ่ายปกครอง บรรดาครูต่างก็หันมามองเด็กหนุ่มจอมก่อเรื่อง “คราวที่แล้ว…ยังไม่จบสิ้นดี ครั้งนี้เริ่มก่อเรื่องอีกแล้วหรือ นี่พึ่งผ่านไปกี่เดือนเอง?”
ปัญหาคือเสือน้อยจะเอาความหรือเปล่า เพราะเสือน้อยปล่อยข่าวแว่ว ๆ มาว่าจะแจ้งความข้อหาทำลายชื่อเสียง “ส่วนพยานบุคคลสุ่มชี้ตรงไหนมาก็เจอ!”
ครูทุกคนในฝ่ายปกครองใช่ว่าไม่เคยกินหมูปิ้ง อย่างน้อยก็เจ็ดในสิบเคยกิน จึงรู้ดีว่าข้อกล่าวหาของนายพีนั้นเหลวไหลทั้งเพ และการที่นายพีทำแบบนี้มันก็เกินไปจริง ๆ แถมยังรีดไถเงินไปอีกหลายพันบาท
เสือน้อยดูทิศทางลมแล้วจึงปล่อยข่าวออกไป “ถ้าเป็นเรื่องการทำมาหากิน มันเสื่อมเสียชื่อเสียงจริง ๆ ต่อไปใครจะกล้าซื้อ?”
“ความจริงเรื่องชื่อเสียงในการค้าขายนั้นสำคัญแค่ไหน พวกพ่อค้าแม่ค้าต่างก็รู้กันดี!” ซึ่งเรื่องนี้ก็ชวนทำให้ทางฝ่ายปกครองปวดหัวอีกไม่ใช่น้อย
ทางด้านนอกโรงเรียนข่าวลือจากปากต่อปากก็ไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ‘นายก อบจ.ไพริน’ เมื่อทราบเสียงลือเสียงเล่าอ้าง...ข่าวเสียของทีมงานตน จึงโทรไปต่อว่าอย่างหนักถึงพฤติกรรมลูกชาย สจ.พาที
พาทีทุบโต๊ะเสียงดัง “เปรี้ยง!” พอได้รู้ว่าลูกชายตัวดีก่อเรื่องอีกแล้ว จนคราวนี้เรื่องไปถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด ตนเองก็โกรธจนควันออกหู รีบหยิบโทรศัพท์โทรไปหาลูกชาย ในขณะที่เจ้าตัวนั่งอยู่ในห้องฝ่ายปกครอง
“ไอ้ลูกเวรเอ๊ย! นี่มึงก่อเรื่องอีกแล้วเหรอฮะ!?” พาทีตะโกนเกรี้ยวกราด เขาโกรธจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว จึงด่าทอต่อไปว่า “มึงรู้มั้ยท่าน ‘นายก อบจ.’ โทรมาต่อว่ากูเนี่ย!”
พีรพัฒน์อึ้งงัน “แค่ฝ่ายปกครองคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่มันลามไปจนถึง ‘นายก อบจ.’ เลยเหรอวะ?” เขาบ่นในใจ “ซวยแล้วแน่ ๆ”
เขาพูดยอมรับและขอโทษแต่โดยดี “พอดีพีทะเลาะกับแฟนมาน่ะพ่อ คนมันอารมณ์ไม่ดี พอเจอคนที่หมั่นไส้ ก็เลยหลุดเผลอไปเล่นงานมัน...”
พอพ่อด่าไปได้สักพัก แม่ก็แย่งโทรศัพท์ก่อนพูดตำหนิพีอยู่พักใหญ่ “แล้วคนที่ไปมีเรื่องด้วยเขาจะเอาอย่างไง!?” แม่เด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
พีก็ได้อธิบายว่า “ตอนนี้อยู่ห้องปกครอง แถมมีข่าวว่าไอ้เสือน้อยมันจะเอาเรื่อง!”
“ครูฝ่ายปกครองก็พิจารณาเรื่องโทษทัณฑ์ ถ้าเกิดว่าไอ้เสือน้อยมันแจ้งความ เพราะเรื่องมันเกิดนอกโรงเรียน พยานบุคคลก็ดูเหมือนจะมีเยอะด้วย!” พีพูดเสียงอ่อน ดูเหมือนคราวนี้เขาจะซวยแล้วจริง ๆ หนักกว่าครั้งก่อน ๆ มากนัก!
“สรุปก็คือถ้าเจ้าตัวเอาเรื่องจะโดนไล่ออกใช่มั้ย? และถ้าไม่เอาเรื่องทางโรงเรียนก็จะปล่อยผ่านใช่มั้ยลูก?” แม่ถามด้วยท่าทีร้อนใจ เตรียมที่จะวิ่งเต้นหาทางช่วยลูกชาย
ในขณะเดียวกันเสือน้อยก็ถูกเชิญมาห้องฝ่ายปกครอง เป็นตอนที่พีถือโทรศัพท์ออกไปคุยข้างนอก
ทางครูฝ่ายปกครองก็อธิบายผลที่จะเกิดขึ้น “ถ้าเธอจะดำเนินคดี ทางโรงเรียนคงต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วยทั้งสองทาง เพราะมันเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงโรงเรียนด้วยหากขึ้นโรงขึ้นศาล”
เสือน้อยตาลุกวาว “แล้วครั้งนี้โทษของไอ้พี…ที่โรงเรียนเตรียมไว้จะเป็นอย่างไงครับ!?”
ครูพีระตอบ “เนื่องจากเจ้าตัวเคยโดนทัณฑ์บนข้อหาหนัก ถ้าโดนรอบนี้คงต้องเชิญออกสถานเดียว...หรืออาจไล่ออกก็ได้ ในกรณีที่มีพฤติกรรมแบบนี้”
จากนั้นนายพีก็เดินเข้ามาในห้องท่าทีสงบเสงี่ยม ต่างจากท่าทีเหี้ยมหาญที่ได้แสดงออกในวันนั้นกับทางเสือน้อยอย่างสิ้นเชิง ตัวเขานั่งอยู่มุมห้องก่อนหันไปพูดกับครูพีระว่า “ประเดี๋ยวแม่ผมขับรถมาครับครู”
พีหันมามองเสือน้อย “พอดีแม่กูมีเรื่องจะคุยกับมึง!”
เสือน้อยที่กอดอกนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน พอได้ยินคำพูดของไอ้ทรพี เขาก็ไม่พอใจ ก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งเหลือบไปมองไอ้ทรพี และพูดว่า “อะไรสิ!?”
…หากใครมาเห็นเขาวางมาดตอนนี้ก็ไม่พ้นต้องด่าว่ากวนโอ๊ยแน่ ๆ
เมื่อเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ใบหน้าเชิงสอบถาม พีที่รู้ว่าเสียเปรียบ จึงพลางกัดฟันพูดขึ้นมาใหม่ “เดี๋ยวแม่ผมมา...มีเรื่องจะเจรจากับคุณเสือน้อยหน่อยน่ะครับ” เขาต้องจำใจทำเป็นขอร้อง
“นานมั้ย ถ้านานผมไม่สะดวกติดเรียน” เสือน้อยตอบแบบเชิด ๆ
“สักครู่หนึ่งครับ คุณเสือน้อยช่วยรอสักนิดเถอะครับ!” พีกัดฟันกรอดพูดอย่างนอบน้อม
ส่วนเสือน้อยหันมาพยักหน้า…แต่ทว่าภายในใจกลับหัวเราะร่า
....…
ไม่นานหลังจากออกจากบ้านมา เธอเองก็โทรปรึกษาพ่อของสามี ชักชวนให้มาด้วยกันมาช่วยเกลี้ยกล่อมเด็กหน่อย “เธอเชื่อว่าความเป็นครูของพ่อสามี ซึ่งได้เป็นครูมาอย่างยาวนาน จะสามารถช่วยกล่อมเด็กคนนี้ได้เป็นอย่างมาก!”
ครู่ใหญ่ ๆ หญิงสาววัยสามสิบปีกับผู้เฒ่าก็เดินเข้ามาในห้อง ทั้งคู่กล่าวสวัสดีครูบาอาจารย์ที่อยู่โดยรอบ “เริ่มจากขอโทษขอโพย…”
ส่วนเสือน้อยกะพริบตาใส่ทั้งสอง โดยเฉพาะครูเฒ่าเจ้าเล่ห์ ที่เขาไปเจอเมื่อหลายวันก่อน
ที่มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น พลางลอบตะโกนกู่ก้องในใจ “สวรรค์ช่างเข้าข้างคนดี!” ตัวเขาอยากจะตบเข่าดังฉาดเสียเหลือเกิน ทำให้ดังไปทั่วทั้งห้อง แต่ทว่าจำต้องฝืนทนอดกลั้นไว้!
ครูเฒ่าก็ออกอาการมึนงงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าวันก่อนที่ได้เจรจากับไอ้หนูนี่ ตัวเขาก็ได้ขูดรีดอีกฝ่ายเสียเต็มประดา ทั้งราคาที่ดินก็เพิ่มขึ้น ทั้งราคาค่าซื้อต่อกิจการก็เพิ่มขึ้น ไปอีกหลายเท่าตัว
วันต่อมาเจ้าตัวก็มาพร้อมกับทนายความ เข้ามาคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ต่อรองกันอยู่นานก็ไม่ยอมลดราวาศอกแม้แต่บาทเดียว ทีแรกเขานึกว่าไอ้หนูนี่พูดเล่น ๆ ที่ไหนได้มันเอาจริง
พอเจรจากันถึงจุดหนึ่ง ทั้งคู่ก็รับกับราคานี้ไม่ไหว
ครูเฒ่าก็เลิกวางมาด แถมด่าสาดเสียเทเสียยกใหญ่ แถมไล่พวกเขาเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาก็ไม่ปาน
และการมาในวันนี้ของเขาดูท่าจะช่วยหลานชายได้ ทว่า...
แม่ของพีขอเจรจาเป็นการส่วนตัวกับเสือน้อย แน่นอนต้องเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อยู่แล้วครูในห้องปกครองจึงไม่ขัดขวางการพูดคุย… ส่วนเสือน้อยก็พยักหน้าอยากคุยกับพวกเขาใจจะขาด!
“สวัสดีครับคุณน้า คุณครู!” เสือน้อยไม่ขาดมารยาทแม้นจะเป็นคู่กรณีก็ตาม
“สวัสดีจ้ะเสือน้อย แหมชื่อน่ารักเชียว…” เธอไม่ลืมหยอดคำหวาน ไม่มีใครไม่ชอบฟังคำหวานหรอก
“น้าชื่อสมร ส่วนนี้คุณปู่แสมเป็นปู่แท้ ๆ ของเจ้าพีน่ะ”
เสือน้อยฉีกยิ้มกว้าง “โลกกลมจังเลยนะครับคุณครู! เจอกันเร็วทีเดียวเชียว วันก่อนผมเข้าไปหาคุณครูก็ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีเลย จำได้ไม่ลืมเลยครับ” เสือน้อยเปิดคำทักทายที่คาดไม่ถึงออกมา
ทำเอาแม่สมรตะลึงก่อนลอบดีใจ “คนรู้จักเหรอ แบบนี้ก็คุยกันง่ายน่ะสิ!”
แม่สมรหารู้ไม่ว่าปู่แสมเส้นประสาทบนขมับเต้นตึกตัก เสือน้อยจึงพูดต่อ “วันนี้จะมาเจรจากับผมใช่มั้ยครับคุณปู่แสม” เขาเปลี่ยนคำเรียก แถมถามด้วยเสียงปกติ แต่ดวงตาฉายแววคล้ายหมาป่าจ้องตะครุบเหยื่อ
“แน่นอนว่ามาเจรจา…ก็อยากให้ทุกฝ่ายจบกันด้วยดีนะ ไม่อยากให้อาฆาตพยาบาท มีอะไรอภัยได้ก็จงอภัยกัน อย่าไปถือสากันเลย เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะพ่อหนุ่ม” ปู่แสมพูดร่ายยาวเหยียด
เสือน้อยก็ยิ้มรับคำ เขารู้ว่าตาเฒ่าจิ้งจอกคนนี้กำลังสื่อความหมายอะไรอยู่ เขาผายมือก่อนพูดว่า “แต่ผมไม่ได้ไปหาเรื่องอะไร ‘ลูกคุณน้า หลานคุณปู่’ เลยนะครับ มีแต่โดนอีกฝ่ายหาเรื่องก่อนตลอด ยังจำครั้งนั้นได้มั้ยที่มีเรื่องชกต่อย ก็เป็นผมนี่แหละครับที่โดนลูกชายคุณน้าพาพวกมารุมกระทืบ” เขาได้ปลุกความจำของแม่สมรขึ้นมาอีกครั้ง
สมรเองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเธอจำเสือน้อยไม่ได้ แต่เพราะว่าคราวก่อนเจรจาผ่านพ่อของอีกฝ่าย “โอ้โฮ...บังเอิญจริงเชียว!” เธอไม่รู้จะพูดแก้ตัวยังไงดี
“ไม่บังเอิญหรอกครับ ดูท่าคำที่คุณปู่แสมพูดมา ผมว่าควรย้อนไปบอก ‘เพื่อนพี’ เสียหน่อยดีกว่านะครับ ผมก็อยู่ของผมเฉย ๆ ตั้งใจขายของอยู่ทุกวัน กลับเป็นลูกชายคุณน้านั่นแหละที่ชอบมาหาเรื่องผมก่อนตลอด!” เสือน้อยพูดจาไม่เกรงใจทั้งสองคนแม้แต่น้อย และที่เขาพูดก็เป็นความจริงเสียด้วย
ทำเอาทั้งสองคนได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
-------------------
ภายในใจของเสือน้อย…กำลังหัวเราะแบบบ้าคลั่ง นี่ถ้าลงไปดิ้นกับพื้นได้ คงทำไปแล้ว