บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 44 สถานการณ์เสียเปรียบ กับการถอยหนึ่งก้าว (2)

ตอนที่ 44 สถานการณ์เสียเปรียบ กับการถอยหนึ่งก้าว (2)

เสือน้อยก็ฝืนยิ้ม พยายามเรียกลูกค้าด้วยเสียงอ่อน “เชิญได้เลยครับ หมูปิ้งชุดละยี่สิบห้าบาท ถ้าเสียหรือมีกลิ่นยินดีคืนเงินนะครับ” หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามารุมล้อมช่วยกันอุดหนุน ทั้งนักเรียนและคนทำงานที่ยืนรออยู่บริเวณนั้น

เด็กรุ่นน้องใส่ชุดพละสีชมพูเดินเข้ามาหาถามเสียงดังจนคนแถว ๆ นั้นได้ยิน “พี่ทำไมต้องไปยอมมันด้วยอะ!?” เด็กหนุ่มรุ่นน้องดูโกรธแทนเขาเป็นอย่างมาก

เสือน้อยก็ยิ้มเชิงขอบใจ เขาตอบด้วยน้ำเสียงจนใจ “บางครั้งก็จำเป็นต้องยอม จะทำไงได้พ่อเขาใหญ่…เป็นถึงท่าน สจ.ประจำจังหวัดแน่ะ” พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ชี้ป้ายที่มีรูปพ่อของพีให้คนที่อยู่รอบ ๆ ดูหน้าและก็ดูชื่อให้ชัด

เขาหันไปมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องพร้อมพูดขึ้นว่า “กระดูกมันคนละเบอร์เกินไป ตัวพี่ไปสู้รบตบมือกับลูกคนใหญ่คนโตไม่ไหวหรอก ประเดี๋ยวท่าน สจ.พาที จะพาลมาเล่นงานพี่เอา” เสือน้อยพูดเสียงอ่อน พร้อมส่ายหน้า

ไม่นานคนที่มาโดยรอบ ก็เข้าใจว่าทำไมพ่อค้าหนุ่มน้อยรายนี้ ถึงยินยอมให้อีกฝ่ายขู่อยู่ฝ่ายเดียว เพราะอีกฝ่ายมีคนหนุนหลังเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดนี่เอง

...ทว่ายิ่งเป็นเช่นนั้นยิ่งทำให้คนเกลียด คนที่อยู่โดยรอบมีไม่ต่ำกว่าร้อย เด็กครึ่งหนึ่ง ผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง แค่นี้ก็เพียงพอจะเป็นกระบอกเสียงให้เขาแล้ว

เด็กหนุ่มที่มาถามเต็มไปด้วยความผิดหวังเดินจากไป ส่วนเสือน้อยไม่นานก็มีคนมาพูดให้กำลังใจเป็นคนวัยทำงานสองสามคนมาตบบ่า “แววตาของทุกคน ก็ได้จับจ้องไปที่รูปอวยพรตามเทศกาลของ ‘นายก อบจ.’ พร้อมกับทางทีมงาน สจ.”

สมองของทุกคนก็จำชื่อของ “สจ.พาที” ได้ขึ้นใจทั้งเด็กและโดยเฉพาะผู้ใหญ่!

หลังจากเก็บของเสร็จ…เสือน้อยก็เดินเข้าไปในโรงเรียน ก็เห็นไอ้ทรพีเดินโบกเงินไปมา ทำท่าเหมือนได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แต่เสือน้อยก็มองเขาทีหนึ่ง ก่อนไม่สนใจเสียง “ร้องเหมียว ๆ” ที่ดังตามไล่หลังมาเป็นระลอก ๆ

เสือน้อยได้แต่ส่ายหน้า “นี่กูไถเงินพ่อมึงมาได้เป็นล้าน แค่แบ่งเศษให้มึงสี่พันก็ดีใจเสียแล้ว…” เขาอดส่ายหน้าไม่ได้ ในใจกลับหัวเราะร่า ซึ่งมันสะท้อนผ่านแววตาของเขาที่ดูเย้ยหยันอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ สำหรับเสือน้อยแล้ว “ในบางครั้ง การยอมถอยหนึ่งก้าว ไม่ได้แปลว่ากลัวอีกฝ่าย และก็ไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอด้วย…”

“หากแต่เป็นการชักหมัดกลับมา…เพื่อสะสมกำลังให้ดีกว่าเดิม แล้วค่อยชกออกไปอีกครั้ง!”

....

สมชายเข้ามาทัก “เป็นไงเมื่อเช้าได้ข่าวว่าโดนเล่นงานมาเหรอ” เพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้ามาห้อมล้อม บางคนถึงขั้นชวนไปกระทืบมัน

“รอดูทิศลมไปก่อน อย่าได้รีบร้อน…อย่าได้รีบร้อน” เขาพูดประโยคสุดท้ายย้ำสองครั้ง มองดูท่าแล้วใจเย็นผิดปกติ

…ไม่นานข่าวลือก็แพร่สะพัดออกไป ถึงพฤติกรรมของนาย “พีเด็ก ม.2 ลูกของ สจ.พาที นักการเมืองคนดังประจำจังหวัด ที่ได้ไถเงินพ่อค้าหมูปิ้งหน้าโรงเรียน” ข่าวก็กระจายออกไปคล้ายกับไฟลามทุ่ง

เสือน้อยไม่คิดจะโหมกระพือไฟเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติไปก่อนดูทิศทางลมเสียก่อน หากได้จังหวะเขาคงได้เล่นงานมันคืนเป็นแน่

ส่วนเหตุผลที่พีใบหน้าบอกบุญไม่รับ เป็นเพราะว่าเมื่อเช้านี้ เขาทะเลาะกับแฟนมา

ซึ่งก็เป็นแฟนสาวคนสวยรุ่นพี่…ที่ตัวเขาภูมิใจนักหนา แต่ทำตัวไม่ได้ดังใจขัดใจกัน และก็เผอิญว่าตอนเช้า เขาเห็นหน้าไอ้ลูกแมวพอดี จึงได้จัดการระบายอารมณ์ใส่มันเสียหน่อย!

แต่ทว่าอยู่ดี ๆ ก็มีข่าวลือกระจายมาถึงเขาโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะพฤติกรรมที่ทำไว้ตอนเช้า มีการเล่าจากปากหนึ่งสู่อีกปากหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องมีการแต่งแต้มตามแต่จินตนาการของบุคคลแต่ละบุคคล

“ซึ่งบางคนก็บอกพีตบหน้าพ่อค้าหมูปิ้ง และบางคนก็บอกพ่นเศษอาหารใส่หน้าเสือน้อย ฯลฯ”

....

หลังจากนั้นก็มีข่าวลือไปมากมาย แต่เสือน้อยก็ให้คนอื่นไปจัดการเรื่องนี้ ส่วนเขาก็ง่วนอยู่กับเรื่องของตัวเอง ทำทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อใช้มันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าที่สุด!

โดยเฉพาะธุรกิจหลักปั๊มเงินในเกมเสือน้อย ก็ได้ไปจัดคอมยกชุดใหม่เอาแรง ๆ มาให้ลูกน้องทั้งสองชั้นหมดเลย

เสือน้อยเชื่อว่า “หากจะให้ม้าวิ่งก็ต้องให้หญ้าให้น้ำเขาถึงจะไปยังจุดหมายได้”

พอเปรียบเทียบดังนี้ “เขาจึงให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอย่างมาก!”

พักหลัง ๆ สำหรับลูกน้องของเขา “ยิ่งนานยิ่งแย่…สำหรับผลการเรียน” พวกเขาโดนที่บ้านบ่น ทางเสือน้อยเองก็ได้รับคำขอร้องมา ให้เขาช่วยหาติวเตอร์พิเศษมาให้หน่อย เหมือนอย่างคราวก่อน แต่ว่ารอบนี้พวกเขาจะออกเงินกันเอง

หลังจากได้รับรู้ปัญหาเสือน้อยก็เลิกใส่ใจเรื่องไอ้ทรพีชั่วคราว ปล่อยให้คนอื่นจัดการไป

ตอนเย็น ๆ เขาได้เดินไปที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง…

หลังจากที่ได้ไปถามพวกเพื่อน ๆ เด็กเรียนในห้องว่าแถวนี้ มีที่ไหนสอนดี ๆ บ้าง เพราะชีวิตนี้เขาไม่ค่อยได้เข้าโรงเรียนกวดวิชาเท่าไหร่ จึงจำเป็นต้องหาข้อมูลเพิ่ม และพอได้มาก็ต้องไปเยือนถึงที่ด้วยตัวเอง

ตึกสองคูหาเก่า ๆ คล้ายห้องเรียนที่ไม่ได้ค่อยบูรณะมานาน มีกลิ่นอายของความเก่าแก่ สัมผัสได้อย่างชัดเจน

โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ สมัยหนึ่งเคยเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไป เหมือนกับว่าทางโรงเรียนจะปรับปรุงตัวไม่ทันตามยุคสมัย

พอเสือน้อยเดินเข้ามาเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงไม่มีใครนิยมมาเรียนที่นี่!

ตึกเก่าประมาณสองสามคูหา ทั้ง ๆ ที่สถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียน แหล่งชุมชน แต่ว่ากิจการทรุดโทรมอย่างน่าเหลือเชื่อ หากจะเปรียบก็คงเป็นทำเลทองชั้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ จากการที่เด็กหนุ่มลอบประเมิน

“คงเป็นเพราะด้วยปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ หันไปเรียนที่ห้างสรรพสินค้า ที่มีสถานที่ทันสมัยและก็มีของครบครันมากกว่า” เสือน้อยคิดในใจ

ก่อนจะมาก็ไปลองถามเพื่อน ๆ ว่า “เคยเรียนที่นี่ไหม?”

เพื่อน ๆ ในห้องก็บอกว่าปกติไปเรียนพิเศษที่อื่น พอถามไปถามมาหลาย ๆ ห้อง คนที่เรียนพิเศษเยอะมาก แต่ทว่า…ไม่มีใครเรียนที่นี่เลย?

“หรืออาจจะเป็นเพราะว่า…ตัวเขายังถามคนมาไม่เยอะพอ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นไปได้?”

ดังนั้นเสือน้อยจึงเดินเข้าไปหาพนักงานต้อนรับด้านในที่ดูเป็นคนรุ่นใหม่และทันสมัย มองดูกระฉับกระเฉง แต่กลับมาอยู่ในอาคารโบราณแห่งนี้

ชายหนุ่มพอเห็นเสือน้อยซึ่งเป็นเหยื่อรายใหม่เดินเข้ามา จึงได้รีบกล่าวแนะนำโรงเรียนอย่างเต็มที่ “ฟังประวัติไปเสือน้อยก็ถึงกับอึ้งเปิดมาสามสิบปีเห็นจะได้ อีกทั้งอยู่ทำเลทองใกล้ตลาด ใกล้โรงเรียน…เดินไปร้อยเมตรกว่า ๆ ก็ถึงป้ายรถเมล์แล้ว”

เสือน้อยไม่อ้อมค้อมเขาพูดตามตรง “เอ่อ…พี่ครับ ผมอยากขอพบเจ้าของโรงเรียน”

ทำให้ชายหนุ่มที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ ‘พี่บีม’ ซึ่งทำหน้างง ๆ อยู่ จึงลองถามย้ำไปว่า “เอ่อ…อยากพบจริง ๆ เหรอ?” ซึ่งพอดีที่เจ้าของกิจการอยู่ด้วยวันนี้

ไม่นานเสือน้อยก็เดิน เข้าไปในห้องทำงาน ที่ติดรูปความภาคภูมิใจในอดีตเอาไว้ ทั้งของตนเองและของนักเรียน

เสือน้อยกล่าวทักทายสวัสดีตามมารยาทอันพึงมี ส่วนทางด้านเจ้าของกิจการก็เชิญนั่ง

“มีอะไรหรือหนุ่มน้อย…เห็นว่าอยากพบฉัน!?” ชายสูงวัยมองเผิน ๆ อายุน่าจะพอ ๆ กับปู่ย่าของเขา ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ซึ่งภายในใจผู้เฒ่าก็คิดว่า “เด็กหนุ่มคงอยากจะมาสมัครเรียน หรือไม่ก็พวกศิษย์เก่าได้ฝากของมาให้… แต่ถ้าดูจากใบหน้าอันอ่อนเยาว์ ลงเป็นอย่างแรกเสียมากกว่า”

“เอ่อ…คุณครูครับ พอดีว่าผมสนใจจะซื้อกิจการของคุณครูน่ะครับ” เสือน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที

ชายสูงวัยเลิกคิ้ว “ไอ้เด็กเวร! นี่แกมากวนฉันหรือไง!?” เขาบ่นเสียงดังแต่ก็อดรักษามาดสุขุมสมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้

เสือน้อยยิ้มแห้ง ๆ เขาก็พอจะเดาไว้ได้อยู่แล้วว่า “ตนเองจะต้องโดนมองในแง่แบบนี้แน่ ๆ จึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ…”

เขาตอบกลับด้วยความมุ่งมั่น “ไม่ได้มากวนจริง ๆ ครับคุณครู พ่อแม่ผมอยากซื้อกิจการเลยให้ผมเดินเข้ามาเยี่ยมเยือน แวะเข้ามาดูภายในก่อน” เสือน้อยพูดอ้างไปถึงพ่อแม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

ในตอนแรกเสือน้อยแค่ต้องการหาครูมาสอนให้ลูกน้อง แต่พอถามเพื่อนไปถามเพื่อนมา ผู้ปกครองเด็กเรียนหลาย ๆ คนยอมจ่ายเงินเพื่อเรียนพิเศษกันเยอะมาก ๆ

เขาจึงคิดเอาง่าย ๆ ว่า “ถ้างั้นทำไมไม่สู้…เปิดโรงเรียนไปเองเลยล่ะ?”

-------------------

ความเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการของเสือน้อย…ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้แน่นอน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel