บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 30 เสี่ยงทายมาลัย กับวันวาเลนไทน์ (1)

ตอนที่ 30 เสี่ยงทายมาลัย กับวันวาเลนไทน์ (1)

เดือนกุมภาพันธ์ คล้ายเป็นสัญญาณที่ส่งถึงเหล่านักเรียนโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว…

ช่วงเวลาของการเปลี่ยนภาคการศึกษาได้มาถึงแล้ว บางคนก็ยิ่งต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรวดเร็ว เช่นว่า เด็ก ม.3 ต้องตัดสินใจเลือกสายอาชีพหรือสามัญ

ส่วน ม.6 โดยมากมักไปทางปริญญาตรี ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตายสำหรับชีวิตเด็กคนหนึ่ง

และแน่นอนเทศกาลที่สำคัญของเดือนกุมภาพันธ์อย่าง “วันวาเลนไทน์” ก็คือเทศกาลยอดนิยมที่จะมอบความรักความห่วงใยให้กันผ่าน ทั้งดอกไม้ ขนมหวาน ตุ๊กตา ไปจนถึงสติกเกอร์รูปหัวใจ...

เช้าตรู่วันวาเลนไทน์ เสือน้อยเดินมาถึงหน้าร้านที่เตรียมการเสร็จสรรพไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนแล้ว

แม่ค้าที่มาตั้งโต๊ะหน้าร้าน…ก็ถูกเสือน้อยไล่พ้นอย่างไม่เกรงใจ ก่อนเขาจะเอาอุปกรณ์ที่จัดเตรียมมาพร้อมกับพี่แหม่มและพี่นาง เสือน้อยไปขอจ้างวานพี่ ๆ จากแม่ให้มาช่วย

บนโต๊ะวางช่อกุหลาบไว้เป็นกำ ๆ ถูกพันด้วยริบบิ้นสีแดงที่มัดเป็นรูปหัวใจ สินค้าเหมือนกันแต่การใส่ใจรายละเอียดแต่ต่างกัน เสือน้อยไม่คิดจะไปลดราคาแข่งหากแต่เพิ่มมูลค่าขึ้นเล็กน้อย ให้มีความแตกต่างจากลุงป้าทั้งหลายที่มาตั้งแผงลอย

การแข่งขันพวกนี้เสือน้อยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ร้านขายข้าวแกงในตลาดใช่ว่าจะมีแต่ร้านแม่ของเขา มีเยอะแยะมากมายแต่ทำไมคนถึงต้องกลับมากินอีก ก็เพราะความแตกต่างด้านการบริการ ราคาและรสชาติ…

ที่โดดเด่นสะดุดตาคือ ป้ายตุ๊กตาราคาย่อมเยา กับการนำเสนอของดีในราคามิตรภาพ

ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าร้านทองสุขมีของน่ารัก ๆ ขาย เช่นพวกปากกา ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ แต่ที่พิเศษเลยก็คือ “วันนี้มีทั้งตัวใหญ่ และใหญ่มาก”

เสือน้อยที่สวมใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลตามปกติ หลายคนในโรงเรียน แทบจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเขาทุกคนแล้ว

เพราะว่าคนที่มายืนขายของอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ที่หน้าโรงเรียนมีเพียงเขาคนเดียว พร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาล ซึ่งกลายเป็นมาสคอต อย่างหนึ่งเวลาอยู่หน้าโรงเรียน

พื้นที่โต๊ะหน้าร้านจัดวางได้สวยงาม แยกกันระหว่างดอกกุหลาบหลากสีกับสีแดงและมาลัยข้อมือที่เสือน้อยใส่ความคิดลงไป...พร้อมป้ายไวนิลแนะนำด้านข้าง

ในมือของเสือน้อยถือโทรโข่งคอยเรียกลูกค้า เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาสอบถาม เด็กหนุ่มก็แนะนำอย่างกระตือรือร้น คล้ายกับตอนช่วยแม่ขายกับข้าวอยู่ก็ไม่ปาน ส่วนพี่แหม่มพี่นางก็ขายดอกกุหลาบช่วยกันทอนเงินให้ลูกค้า

ร้านของเขาขายดีกว่าคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด มีทั้งอุปกรณ์ขยายเสียงป้ายติดสวยงาม

ทำเอาพวกพ่อค้าแม่ค้ากัดฟันกรอด บ่นอุบในใจที่ไม่ได้เตรียมโทรโข่งมา ปกติทุกปีก็เห็นกันอยู่แค่นี้ แต่ปีนี้ดันมีร้านค้าใหม่มาเปิดแย่งลูกค้ากับพวกเขาเสียได้…

แต่ที่ผิดคาดนิดหน่อยก็คือ มีนักเรียนหลายคนเดินมาถามหาข้าวเหนียวไก่ทอดของเขา

จนต้องเองเอามือตบหน้าผากตัวเอง พร้อมกับสบถในใจ “กูลืมได้ไงวะ? นี่มันงานประจำของตนแท้ ๆ”

ในร้านก็มีคนเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่น ผ่านไปครึ่งชั่วโมงดอกไม้หน้าร้านก็หมดเกลี้ยงแล้ว เสือน้อยจึงเดินไปเอาของที่สำรองไว้มาเติม

ป้ายไวนิลด้านหลังเป็นการแนะนำ “ดอกกุหลาบสีไหนแทนความรู้สึกแบบใด” จึงทำให้คนซื้อรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ ทั้งยังเป็นการช่วยเลือกในการตัดสินใจให้กับลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น

มาลัยข้อมือที่เสือน้อยภูมิใจนำเสนอ เหมือนจะได้รับการตอบรับพอสมควร แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างจะแพง บวกกับเป็นของใหม่ จึงกลายเป็นทุกคนมองผ่านตาเสียมากกว่า

แต่ทว่าเสือน้อยก็พูดแนะนำขุดเอาตำนานทั้งหลายมาเล่า

เขายังไม่ลืมเล่าเรื่องรจนาเลือกคู่ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้าฟังด้วย จึงทำเอาบรรดาสาว ๆ ที่ได้ฟังอยู่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ หรือพูดอีกอย่างก็คือ “สวยเลือกได้!” เสือน้อยพูดออกมาแบบนี้ ทำให้พวกพี่ ม.ปลาย ทั้งหลายหัวเราะคิกคัก

หลายคนที่มามุงดูก็เลือกซื้อไป ส่วนบางคนที่ซื้อไปไหว้ครูบาอาจารย์ก็มีมิใช่น้อย

เขาพยายามป้อนข้อมูลใส่ทุกคนว่าพวกเธอคือรจนา “นี่ฉันเป็นรจนาหรือ…ที่เสี่ยงทายโยนมาลัยให้เจ้าชายจากเมืองต่าง ๆ” และกลยุทธ์นี้ดูเหมือนจะไปได้ดีมาก ยอดขายพุ่งทะลุจนหมดเกลี้ยงก่อนเวลาที่คาดการณ์ไว้

ทางด้านพ่อค้าแม่ค้ารอบข้างก็ได้พยายามเรียกลูกค้าแข่งกับเสือน้อย เนื่องจากเสือน้อยมีปริมาณจำกัด ก่อนเจ็ดโมงครึ่งก็แทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว ทั้งของในร้านและนอกร้าน

ซึ่งทางร้านของเขายังมีบริการรับฝากตุ๊กตาตัวใหญ่ด้วย เพื่อรอหนุ่มสาวมอบให้แก่กันในตอนเย็น

ส่วนเสือน้อยก็ยิ้มแก้มปริดูมีความสุข ไม่นานแม่ชบาก็ให้คนส่งข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้ เสือน้อยที่หมดหน้าที่ตรงนี้ จึงไปยืนเป็นมาสคอตตามเดิม พร้อมตะกร้าสะพายด้านหน้า...จน กลายเป็นความเคยชินของคนทั้งโรงเรียนไปโดยปริยาย…

...

หลังจากเห็นว่าก่อนแปดโมงเช้า

เขาก็ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งได้หมด จึงเดินเข้าไปในร้านเตรียมมาลัยข้อมือที่ตัวเองภูมิใจนำเสนอนัก นำเสนอหนาไปมอบให้มะปราง

ทว่าท่ามกลางเสียงดนตรีที่บรรเลง เป็นสัญญาณเตรียมตัวให้คนไปเข้าแถว เสือน้อยที่นัดกับแฟนสาวไว้ก็เดินไปตามที่นัดหมาย ซึ่งมีคนมาติดสติกเกอร์ให้เธอบ้างประปราย

แต่ที่เห็นเด่นชัดสะดุดตาคงหนีไม่พ้นรุ่นพี่ ม.4 คนหนึ่ง ที่หอบเอากุหลาบช่อใหญ่มาให้เธอ ทั้งคู่ยืนคุยกะหนุงกะหนิงกันอยู่ละแวกนั้น

ทำเอาเสือน้อยทำสีหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะไปขัดจังหวะอย่างไงดี หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่เห็นดี เพราะจากภาพใช่ว่า เขาจะเดาความหมายไม่ได้ แต่ไม่อยากด่วนสรุป

เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ และไอแห้ง ๆ อยู่สองสามที ทำให้ทั้งคู่รู้สึกตัว ก่อนที่รุ่นพี่ ม.4 คนนั้นจะขอตัวจากไปก่อน ส่วนทางด้านมะปรางก็มองแผ่นหลังด้วยสายตาเศร้าสร้อย

คล้ายกับว่า “ยังคิดถึงไม่หาย”

เสือน้อยเห็นดังนั้นจึงดีดนิ้วปลุกสติเธอ “เป็นไงบ้างรุ่นพี่คนนั้นมาจีบเหรอ?” เขาถามเข้าประเด็น

“อื้อ เขามาจีบเราน่ะ!” เธอตอบอย่างจริงใจและไม่ปิดบัง ส่วนมืออีกข้างเธอก็กำลังเล่นช่อดอกกุหลาบที่ถือไว้ ในขณะที่กำลังตอบเขา

เสือน้อยก็คิดอะไรได้นิดหน่อยแต่ก็ช่างมันเถอะ เขาจึงยื่นมาลัยข้อมือที่เตรียมมาให้เธอ

พร้อมพูดขึ้นว่า “เราตั้งใจเลือกมาให้เลย” เขาก็อธิบายว่าทำไมไม่เอากุหลาบให้

ทำไมต้องเป็นมาลัยข้อมือด้วย โดยยังไม่ต้องรอแฟนสาวถาม เสือน้อยก็เล่าให้เธอฟังหมดแล้ว และก็อยากให้เธอรู้สึกเป็นคนพิเศษ เหมือนตอนที่…นางรจนาเสี่ยงทาย

พอเธอได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก พอจะเข้าใจที่เสือน้อยเล่ามาบ้าง ส่วนเธอก็คุยกับเขาอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้มีแก่นสารอะไร เรื่องชายหนุ่มรุ่นพี่เสือน้อยก็ไม่ได้ถาม ก่อนที่จะแยกย้ายไปเข้าแถวของตัวเอง

วันแห่งความรักจึงเต็มไปด้วยสีสันแทบทุกคนในโรงเรียนต่างมอบของแทนใจให้แก่กัน ใครคนไหนหล่อหน้าตาดีก็จะมีสาว ๆ เอาสติกเกอร์มาแปะให้

โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่ผู้ชาย ม.ปลาย มันเป็นปกติมากที่รุ่นน้องสาว ๆ มักแอบชอบรุ่นพี่ ม.ปลาย รุ่นพี่ผู้หญิงก็เป็นเช่นเดียวกัน…

ทางโรงเรียนจะห้ามก็ห้ามไม่ได้ จึงคิดว่าคล้ายเป็นวันปล่อยผีไปวันหนึ่ง เพราะเทศกาล หรือวันแบบนี้มันไม่ได้มีทุกวัน…เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น!

ตอนเที่ยงคือช่วงเวลาแห่งการวิ่งไปมาของกลุ่มเด็กสาว ม.ต้น รุ่นพี่คนไหนหล่อก็พากันกรี๊ดกร๊าดเฮโลพากันไปติดสติกเกอร์

ซึ่งเสือน้อยก็มีคนมาติดบ้างเล็กน้อยสองสามดวง ที่น่าสนใจก็คือไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มนี่แหละ…ที่ผลัดติดให้กันเอง

มันชั่งชีช้ำเสียเหลือเกิน ถ้าเดินออกจากโรงเรียน โดยเสื้อผ้าเอี่ยมสะอาดหมดจดแบบนี้ คงได้อายกันแย่

ด้วยเพราะกลัวอายกลุ่มเด็กหนุ่ม จึงได้ปลอบประโลมตัวเอง ด้วยการผลัดกันติดให้กัน

เพื่ออย่างน้อยจะได้ให้คนอื่นรู้ว่า “กูก็มีคนสนใจนะเว้ย!” และส่วนมากมักเป็นผู้ชายตกกระป๋องแบบพวกเขา เพื่อน ๆ ในกลุ่มทั้งหลาย

พอเห็นเหตุการณ์ดังนี้จึงตั้งความหวังว่า “พอขึ้น ม.ปลาย ก็จะต้องมีคนมาติดให้พวกเขาแบบนี้ด้วย และต้องเอาดีสักทางให้ได้!” พวกเขาลอบกู่ร้องในใจ

-------------------

น่าสงสารพวกเขานะครับ 555

ปล.ใครเคยติดหัวใจให้ตัวเองบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel