บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 วันแรก (1)

【 ภาคแรก 】

"จับเสือมือเปล่า"

ตอนที่ 1 วันแรก (1)

เปิดเทอมวันแรก!

“วันเปิดภาคการศึกษาใหม่” สำหรับนักเรียนเก่าอย่างพวกรุ่นพี่มันก็แค่การเปิดเทอมใหม่ หรือว่าได้เลื่อนชั้นปี ก็นับได้ว่าเป็นวันที่พิเศษวันหนึ่ง

แต่ทว่าสำหรับเด็กประถมที่พึ่งเลื่อนระดับชั้นเป็นมัธยมต้น มันคือช่วงเวลาที่พวกเขาเสมือนได้เปิดโลกใบใหม่ ทั้งเพื่อนร่วมชั้นใหม่ สถานที่ใหม่ ครูอาจารย์ใหม่ ๆ ใหม่ทั้งหมดเลย จึงทำให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง…

“ใต้ศาลารอรถเมล์ด้านหน้าโรงเรียน”

…ท่ามกลางผู้คนที่เนืองแน่น เดินขวักไขว่ ซึ่งมีทั้งผู้ใหญ่วัยทำงานที่กำลังยืนรอรถเมล์ และเด็กนักเรียน ที่กำลังยืนหลบในที่ร่ม ดูท่าแล้วกำลังยืนรอเพื่อน ๆ อยู่

แต่ที่เด่นชัดเลยก็คือ ทุกคนพึ่งจะตัดผมมาหมาด ๆ ด้านหลังสะพายกระเป๋าเป้สีเขียวเข้ม

ซึ่งเป็นกระเป๋าเป้แบบใหม่ที่ทางโรงเรียนพึ่งสั่งผลิตออกมาได้สองปีแล้ว…หากว่านับรวมปีนี้ไปด้วย มันจึงทำให้ง่ายต่อการแยกแยะว่า ‘เป็นเด็กนักเรียนใหม่’ หรือ ‘เด็กนักเรียนเก่า’

……

เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังรีบวิ่งกุลีกุจอ ก่อนที่จะหยุดหามุมยืนอยู่ใต้ศาลา เขาพักหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยืนมองบรรยากาศโดยรอบ เขายิ้มรับให้กับบรรยากาศใหม่ ๆ ที่ตนจะต้องได้พบเจอ

ครู่หนึ่งหลังจากที่มองสิ่งรอบข้างอย่างสนอกสนใจ เขาก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรหาเพื่อนจากโรงเรียนเก่าตามที่นัดหมายกันไว้

“เออมึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย ไอ้เข้ม” เด็กหนุ่มถามด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย

ปลายสายตอบกลับว่า “ไอ้ฉิบหาย! พวกกูรอมึงอยู่ในโรงอาหารตั้งนานแล้ว! มึงเดินเข้ามาเดี๋ยวก็เจอ!”

ขณะที่เด็กหนุ่มชื่อเข้มยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเพื่อนอีกคนแย่งเอามือถือไป

“โถ่พวกกูรอมึงตั้งนานแล้วเนี่ย…ไอ้ห่า! เร็ว! รีบมาดูสาว ๆ อีกพักหนึ่งเห็นว่าจะเรียกรวมเข้าแถวแล้ว ไว ๆ หน่อยโว้ย!” เสียงตะโกนจากเพื่อนอีกคน ที่แย่งพูดขึ้นมา

“เออกูกำลังไป” เด็กหนุ่มกดวางสาย ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาตรวจดูสิ่งของด้านใน ฟังมาจากพวกรุ่นพี่ อะไรจะขาดก็ขาดได้ แต่อย่างเดียวที่มึงห้ามขาดคือ ‘ตารางเรียน’ เพราะมันไม่เหมือนกับสมัยประถม ที่นั่งอยู่กับที่ในห้องพอหมดวิชา…คุณครูวิชาใหม่ก็เดินมาหาถึงที่

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หลงลืมอะไร เขาก็สาวเท้าเข้าไปในโรงเรียน พลางนึกถึงคำพูดสุดคลาสสิก “ที่นี่เข้าง่าย แต่ออกยาก!” ที่พวกรุ่นพี่ รุ่นพ่อชอบพูดข่มขู่ให้กลัว

คนที่ตื่นเต้นกับโรงเรียนแห่งใหม่ แน่นอนไม่ได้มีแค่ตัวเขาคนเดียว ยังมีเพื่อนรอบข้างที่แสดงออกอาการอย่างชัดเจน จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ยามเมื่อเจอเพื่อนร่วมชะตา

เขามองบรรยากาศรอบด้าน ถึงแม้จะเคยนั่งรถผ่าน แต่ว่ามันก็เอามาเทียบกับการที่เข้ามาเรียนด้วยตัวเองไม่ได้เลย

ด้วยชื่อเสียงโรงเรียนประจำจังหวัดปทุมธานีที่รุ่นปู่ทวดของเขาก็เรียน ตั้งแต่ครั้งยังเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ จนกระทั่งย้ายมายังสถานที่แห่งใหม่ เรียกว่ารุ่นเดอะเปิดศักราชเลยก็ว่าได้ ทั้งปู่เขาก็เรียนที่นี่ อีกทั้งพ่อเขาก็เรียนที่นี่ จนกระทั่งมาถึงตัวเขา…ก็รวมไปสี่รุ่นแล้ว!

เด็กหนุ่มแค่กวาดตามองดูก็พอจะรู้ว่าใครเป็นเด็กนักเรียนใหม่ เพราะเขาสังเกตได้จาก “กระเป๋าเป้สีเขียวเข้มใบใหม่ บวกกับใบหน้าละอ่อน ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็ก ม.1 แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งเสียอีก”

“พวกกระเป๋าสีซีด ๆ จาง ๆ หรือกระเป๋ารูปแบบแตกต่างจากคนอื่น” เขาก็มั่นใจได้ว่าต้องเป็นพวก ม.3 แน่ ๆ “ส่วนของพวกพี่ใหญ่ทั้งหลาย ‘ที่ตัดรองทรง’ อันนี้เขาไม่คิดให้มากความนัก พวกรุ่นพี่ ม.ปลาย อยู่แล้ว!”

ที่ทางเข้าประตูโรงเรียนมีครูคอยยืนรับเด็กนักเรียนอยู่ ตรวจสอบถึงการแต่งตัวหรือทรงผม ทุกคนจึงเข้าแถวเป็นระเบียบ

เด็กหนุ่มสังเกตเห็น “พอไหว้พวกครูเสร็จ พวกรุ่นพี่ก็จะหันไปไหว้พระครูผู้ก่อตั้งโรงเรียนที่ศาลาด้านซ้าย และหันไปไหว้ศาลพระพรหมด้านขวา” เด็กหนุ่มก็เลียนแบบคนอื่น ‘เขาว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม’ จึงเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย

ศาลาที่พวกรุ่นพี่ไหว้เป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียน และเป็นพระครูผู้ก่อตั้งโรงเรียน เขาเองก็ยังจำได้ว่า “ตอนแรกที่พึ่งมาสมัครเรียน หรือว่ากระทั่งตอนสอบ พ่อของตนก็ยังพาไปไหว้พระครูในศาลาอยู่เลย…”

หลังจากนั้นเด็กหนุ่มยืนหมุนตัวมองไปรอบ ๆ จุดสนใจของเขาไม่ใช่สถานที่มากเท่าไหร่นัก หากแต่เป็นสาวน่ารักหลาย ๆ คน ‘ทั้งรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็พวกรุ่นพี่’ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ทำเอาเขายืนฉีกยิ้มกว้าง

เขาพึมพำในใจ “มัธยมมันดีอย่างนี้นี่เอง!”

ก่อนที่จะตัดสินใจ เดินไปที่โรงอาหารเพื่อตามหากลุ่มเพื่อนที่นัดหมายไว้

เพียงแต่ว่าขณะที่ตัดสินใจนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเดินมาพร้อมกับเพื่อนสาวอีกสามคน ถึงกระนั้นตัวเธอก็ยังโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนร่วมกลุ่ม หรือแม้กระทั่งคนโดยรอบ!

ปากสีชมพูอ่อน ๆ มองดูแล้วอวบอิ่ม ส่วนจมูกก็เข้ารูปได้ที่เหมาะกับใบหน้าของเธอมาก ถึงแม้ว่าเธอจะตัดผมสั้น แต่มันก็ไม่อาจ ลดทอนความน่ารักของเธอไปได้เลย เมื่อรวมเข้ากับ ‘ผิวขาวราวกับหยวกกล้วย มันก็ยิ่งโดดเด่นสะดุดตาผู้คน

ยามที่เธอยิ้มหัวเราะอยู่กับกลุ่มเพื่อน มันเสมือนกับว่าดอกไม้โดยรอบ พร้อมใจพากันผลิบาน ต้อนรับให้กับความสดใสของตัวเธอ ที่แผ่กระจายออกมาให้กับสรรพสิ่งรอบด้าน…ทำเอาเด็กหนุ่มยืนนิ่ง จินตนาการคิดไปไกล

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเวลาเหมือนจะเดินช้าลงทันที หัวใจของเขาเต้น ‘ตึกตัก’ ดังระรัวสวนทางกับเวลาที่เดินช้าลง…มันเป็นความรู้สึกถึงหญิงสาวในฝัน ในจินตนาการของเขา

ทว่าทันใดนั้นเองก็เสมือนมีคนมาเปิดเพลง ซึ่งมันเป็นเพลงที่กระแทกลงตรงกลางใจเขาเต็ม ๆ อย่างเพลง…เสียดายของ จากวง Basher มันดังก้องกังวาน อยู่ในโสตประสาทของตน

♪ “ฉันคิดว่าฝันกลางวันทันทีที่เห็นเธอ ฉันนึกว่าเจอนางฟ้า…ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไม่อาจหลบสายตา มองแต่เธอไม่หยุด เพ้อสุดสุด เกือบลืมหายใจ…นี่เธอดูดีไปหรือเปล่า หรือเดินออกมาจากฝันของใคร” ♪

เขาสบถในใจ “ไอ้บ้าเอ๊ย! กามเทพแผลงศรใส่กูแน่ ๆ แม่งมีดนตรีประกอบให้ด้วยแน่ะ!”

แต่เวลานี้ตัวเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียงจินตนาการไปตามเรื่องตามราว ตัวเขาคิดอยากจะคว้าเอากีตาร์คู่ใจ และพุ่งกระโจนไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ พร้อมกับร้องเพลงนี้ให้กับเธอฟัง!

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ได้พรั่งพรูความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการอะไรอย่างนี้ หรือทำอะไรแบบนี้ออกมา เสียงเพลงก็ยังคงบรรเลงก้องอยู่ภายในโสตประสาท

เพราะในห้วงเวลานี้ คล้ายกับว่า ในโลกใบนี้มีเพียงแค่เขาและเธออยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น

อีกทั้งยังสบสายตากันอย่างหวานแหวว พร้อมส่งรอยยิ้มให้แก่กันและกัน อย่างกับในความฝันที่ตนจินตนาการไว้ “ผู้หญิงคนนี้ได้คว้าหัวใจของตัวเขา…เอาไปไว้ในครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

♪ “นี่เธอดูดีไปหรือเปล่า หรือเดินออกมาจากฝันของใคร อย่างเธอแค่มองไม่ได้หรอก ให้มองอย่างเดียวไม่ได้หรอก พบคนโดนใจอย่างเธอ ถ้าไม่คุยกับเธอ ฉันเสียดายของ” ♪

ทันทีที่ห้วงเวลาซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ใกล้จะหมดลง ทางหญิงสาวคนนั้นก็ค่อย ๆ เริ่มเดินห่างออกจากไปทีละนิด จนทำให้ตัวเขารู้สึกว่าไม่ได้การแล้วและตนจะต้องทำอะไรสักอย่าง!

เขาจึงรีบจ้ำอ้าว เพื่อพยายามที่จะตีขนาบข้างกับกลุ่มของหญิงสาวให้ได้ ภายในสมองของเขาประมวลผลเร็วจี๋…คิดหาวิธีการว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป!

“ความจริงเล่าแล้วช้าหากแต่ในความจริงกลับเกิดขึ้นในชั่วพริบตา คล้ายกับเด็กหนุ่มมีนาฬิกาหยุดเวลา เป็นกับตน…”

เขาจึงเริ่มรวบรวมความกล้าตลอดทั้งสิบสามปีที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้กับมันในวันนี้ เขาลอบคำรามอยู่ภายในใจ…อย่างกับว่าจะไปออกทัพจับศึกกับใคร

เด็กหนุ่มแสร้งหยิบมือถือ ขึ้นมาจากนั้นก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “เออโทษทีวะ…กูไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ประเดี๋ยวถามคนแถว ๆ นี้เอา...เฮ้ย…กูไม่หลงหรอกน่าเพื่อน!” เขาคุยเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียว ส่วนฝีเท้าก็ยังเดินตามกลุ่มของหญิงสาว

คล้ายกับว่าตั้งใจให้พวกเธอได้ยินโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ห่างจากกลุ่มของสาว ๆ เพียงแค่เอื้อมมือ…

จากนั้นเด็กหนุ่มก็เริ่มเข้าแผนการ เขาหันไปตะโกนเรียกกลุ่มหญิงสาวด้านหน้า “นี่พวกเธอ! เรารบกวนขอถามทางหน่อยได้มั้ย?” เด็กหนุ่มวิ่งอ้อมไปดักที่ด้านหน้าของกลุ่มหญิงสาว…

ก่อนจะระบายยิ้ม พร้อมทั้งสบสายตากับสาวสวย คนที่เสมือนว่าเดินออกมาจากในฝันคนนั้น โดยเฉพาะ

ดวงตาของเด็กหนุ่มได้ดึงเอาความสนใจของหญิงสาวทั้งกลุ่มมาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก มีเพียงแต่รอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ ฟันเรียงเป็นเม็ดข้าวโพดสีขาวจั๊วะ ซึ่งเรียงเป็นระเบียบ พร้อมกับดวงตาอันสุกสกาวคู่นั้น

ด้วยดวงตาอันเปล่งประกายคู่นั้นของเด็กหนุ่ม มันมองดูคล้ายกับดาวฤกษ์ก็ไม่ปาน…

“เอ่อ…เราขอถามหน่อยได้มั้ย…ว่าโรงอาหารไปทางไหนน่ะ?” เขาพูดด้วยใบหน้าแต้ยิ้ม

สี่สาวหันหน้ามองกันด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ๆ ก่อนที่ทุกคนจะกลั้นหัวเราะ และก็มีสาวสวยในกลุ่มคนหนึ่ง พูดกลั้วหัวเราะขึ้นว่า “ก็ที่นี่ไง…โรงอาหาร!?” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นมุมปากของเธอ

_________________

【 นิยาย 5 ภาค / เล่ม(จบ) 】

จำนวนคำเฉลี่ย ( ≈640,000 คำ )

“การันตีความสนุก…นิยายคุณภาพ ในราคามิตรภาพ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel