ตอนที่ 32 แผนเอาคืนของนายพี!
ตอนที่ 32 แผนเอาคืนของนายพี!
เสือน้อยก็ขึ้นสเตตัสใน Hi5 อีกทั้งใน MSN
จึงทำให้คนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ส่วนเหมือนฝันก็ทักมาให้กำลังใจเล็กน้อย ทั้งคู่ก็คุยกันอยู่นานสองนาน ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ดูเหมือนจะสนิทมากขึ้นกว่าแต่ก่อน คงด้วยเพราะเสือน้อยเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ดูเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น
ผ่านไปได้ไม่กี่วันเสือน้อยก็ลืมความทุกข์ใจไปหมดสิ้น กลับมาเป็นเสือน้อยที่เหมือนเดิม แถมทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น “มีเวลาว่างไปดูเจ้าทองสุขได้มากยิ่งขึ้น...”
พอถึงช่วงจะสอบปลายภาคลูกน้องที่ร้านเกม “ซึ่งกำลังทำหน้าที่ปั๊มตังค์ในเกม ให้อยู่ก็บ่น ๆ กับเขาว่าไม่รู้ว่าจะสอบผ่านหรือเปล่า” จึงทำให้เสือน้อยไปรวบรวมข้อมูลมา ถ้าพวกนี้ตกก็เท่ากับต้องไปเรียนซ่อมเสียเวลายกใหญ่
“ไม่สู้จ้างครูสอนพิเศษมาสอนพวกเขาก่อนสอบไม่ดีกว่าหรือ?”
เสือน้อยก็ให้ลูกน้องไล่รายชื่อวิชามา ประเดี๋ยวจะหาคนมาสอนให้ แน่นอนส่วนใหญ่เป็นพวกวิชาคณิตศาสตร์หรือพวกเคมีสำหรับเด็ก ม.ปลาย
และตัวเขาย่อมมีวิธีการหาครูสอนพิเศษของเขาเอง…จนได้พวกนักศึกษามหาลัยที่เก่งคณิตศาสตร์ และวิชาเคมี รับจ้างสอนพิเศษนักเรียน มัธยมต้นและปลาย เป็นอาชีพเสริมอยู่ในขณะเรียนมาสอน
โชคดีที่ทั้งกลุ่มโดยมากอยู่ห้องเดียวกัน เสือน้อยจึงไม่ต้องไปตามหาครู มาหลากหลายแขนง เหตุผลที่เขาเลือกคนที่อยู่ห้องเดียวกันนั้นก็เพราะให้ทุกคนตามตัวได้ง่าย แถมตรวจสอบกันเองเช่นกัน
สำหรับการเรียนพิเศษของกลุ่มลูกน้องเขา ก็ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก พวกนั้นมาบ่นให้ฟังว่า “เข้าใจง่ายกว่าที่ครูสอนปกติ สูตรที่ใช้คำนวณก็เป็นอีกแบบ ในการสอบคราวนี้ พวกเขาจึงมั่นใจขึ้นเยอะ” จึงเอ่ยปากขอบคุณเสือน้อยอยู่ยกใหญ่
เสือน้อยเองก็เก๊กมาด “ไม่ต้องห่วงอยู่กับไอ้เสือ กินอิ่มนอนหลับแน่นอน!” เขากอดอกพูดอย่างมาดมั่น
....
หลังจากนั้นก็สอบปลายภาคเสร็จ การปิดเทอมใหญ่ก็มาถึง…
มันคือที่สุดของการรอคอยของแต่ละคนที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้าน สำหรับบางคนนี่เป็นโอกาสดีที่จะทำงานพิเศษหาเงินเข้ากระเป๋า…ส่วนของเสือน้อยนั้นเป็นทั้งสองอย่าง
ตอนนี้เสือน้อยไปเช่าแผงขายหมูปิ้ง แถวท่าเรือซึ่งเป็นทำเลที่ดีมาก เพราะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะมาก เวลานักเรียนสองโรงเรียนจากอีกฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เลิกเรียนก็จะพากันขึ้นเรือข้ามฟากมา ทว่าตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมเจ้าของแผงจึงเลิกขายเลิกเช่า ได้เวลาเปลี่ยนที่ขายของเขาพอดี
จึงทำให้แผงนี้ตกเป็นของเสือน้อย ที่มีเส้นสายผ่านแม่ชบาไปถึงเจ้าของตลาด
เขาก็ได้จ้างคนประจำจุดเอาไว้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่อายุ 17-18 ปีกว่าโดยให้รายได้ตายตัว ส่วนเด็กหนุ่มขอแค่มีงานทำอะไรก็เอาหมดไม่เกี่ยง ไม่กล้าโกรธเพราะโดนขู่ไว้ด้วยกฎต่าง ๆ
ส่วนธุรกิจร้านเกม กลายเป็นว่าตลอดทั้งวัน ร้านเกมเนืองแน่นเต็มทุกโต๊ะ ทำให้เสือน้อยทำยอดขายอาหารพุ่งจากเดิมเป็น 5-6 เท่า เพราะเล่นนั่งแช่กันอยู่ร้านเกมทั้งวัน อาหารและน้ำ เสือน้อยก็มีพร้อมบริการถึงที่…
ลูกน้องที่วิ่งส่งตามร้านเกมต่าง ๆ ห้างร้านต่าง ๆ ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งหมูปิ้งไก่ทอด ข้าวราดแกง มีครบจบในที่เดียว พักหลัง ๆ มีคนอยากสั่งน้ำหวานมามากขึ้น…เสือน้อยมีหรือจะปล่อยผ่าน เมื่อมีคนเสนอก็ต้องมีคนสนอง
จึงได้ว่าจ้างแม่บ้านสองคน มาช่วยเขาทำงานจนแม่ชบาโวยวาย ที่ไม่มีคนทำความสะอาดบ้าน…
ส่วนเรื่องที่เขาให้ความสำคัญก็คือการสอบเข้าของ “ไอ้แฝดนรก…ยักษ์-ใหญ่”
เขาต้องการเพื่อนที่ไว้ใจได้มาคอยคุมกิจการที่เริ่มมีมากขึ้น เจ้าสองคนนี้เป็นทั้งน้อง เป็นทั้งเพื่อนเล่น อีกทั้งลูกสมุนกลาย ๆ ย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้มันไปเรียนที่อื่นนอกจากโรงเรียนปทุมวิไล! “ใกล้บ้านแค่นี้จะไปเรียนที่อื่นทำไมให้ไกล”
เสือน้อยยอมลงทุนจ้างครูสอนพิเศษ ที่ติวเข้มข้อสอบเกร็งข้อสอบของนักเรียน ได้อย่างสบาย ๆ “โดยรวมก็คือพวกสองหน่อต้องเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้ เขายังเอาเงินเดือนมาล่อใจพวกมันด้วย เพื่อทำให้มีแรงกระตุ้น”
กิจการของเขาไปได้ดีมาก มีคนบอกว่า “ลักกี้อินเกม…อันลักกี้อินเลิฟ”
สำหรับเสือน้อยเป็นเช่นนี้เลย ปิดเทอมส่วนใหญ่เสือน้อยก็นั่งประจำตำแหน่งอยู่สี่ที่ร้านทองสุข ร้านข้าวแกง เปลในบ้านสวน และสุดท้ายก็คือค่ายมวย…ที่ขึ้นชกเป็นประจำ
...
วันประกาศผลสอบก็เป็นไปตามคาด “ยักษ์-ใหญ่ สองคนสอบติด และก็ได้ผ่านการสัมภาษณ์แล้ว” จึงทำให้เสือน้อยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ส่วนทั้งคู่ก็ดีใจไม่ต่างกัน เพราะตลอดปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเดินตามรอยเท้าของพี่เสือน้อยได้ไม่ทัน ขาดรายได้ไปเยอะแยะเลยสำหรับพวกเขา ตอนนี้ตามทันแล้ว ทั้งคู่จึงโล่งใจมาก
สำหรับพวกเขาแล้วเสือน้อยคือพี่ชาย ยิ่งเห็นมีเงินมาจ้างเพื่อน ๆ แถวบ้านมากมายก็ยิ่งเคารพลูกพี่คนนี้อย่างบอกไม่ถูก
พวกเขาได้อานิสงส์เป็นลูกสมุนมือซ้ายขวา เวลาใช้งานก็มักถูกใช้งานสำคัญ ๆ “ทว่าในบางครั้งพี่เสือแกก็มักจะให้พวกเขาลงแรงหนักกว่าคนอื่น แต่เงินก็ถึงเช่นกัน!”
ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นสมุนหลัก เพราะดูได้จากการยืนลำดับไหล่ “ยักษ์-ใหญ่” ก็มักจะยืนขนาบข้าง คล้ายกับในหนังในละคร พวกเขาทั้งคู่อยากจะให้เปิดเรียนเร็ว ๆ ตั้งแต่รู้ว่าตนสอบติด
ลูกพี่อย่างเสือน้อยก็จัดการให้พวกเขาควบคุมในตำแหน่งสำคัญ ๆ ส่วนเจ้าตัวก็นอนไปนอนเลี้ยงควาย หรือไม่ก็ขึ้นชกมวยล่อเป้าอยู่บนเวที พอมีปัญหาอะไรก็โทรมา หรือถ้าโทรไม่ติดก็จะขี่รถมารายงานลูกพี่ที่ค่ายมวย
...
เหมือนฝัน…สาวน้อยผู้งดงามซึ่งรัศมีเจิดจ้า กิริยาท่าทางที่เธอแสดงออกมามันชวนให้คนหลงใหลเป็นอย่างมาก ขนาดผู้หญิงด้วยกันเองยังแอบชอบเธอด้วยซ้ำ
ทั้งเรียนดีกีฬาเด่น ทางโรงเรียนได้ส่งเธอไปประกวดแข่งขันพวกภาษาอังกฤษ และเธอก็ยังได้รางวัลกลับมามากมาย ซึ่งเธอเป็นที่รักของบรรดาครูและเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก ด้วยเป็นคนนิสัยดีเข้ากับคนอื่นง่าย ไม่ถือตัว
ส่วนทางด้านความรักนั้น เด็กหนุ่มผู้มาห้อมล้อมเธอก็มีตั้งแต่ ม.1 ไปจนถึง ม.6
และแน่นอนว่าความสวย และความเด่นของเธอย่อมนำพามา ซึ่งความริษยาในหมู่พวกผู้หญิง บางครั้งก็โดนรุ่นพี่ผู้หญิงหมั่นไส้ ชอบเรียกเธอไปแกล้งในงานกีฬาสี เธอมักจะถูกพวกรุ่นพี่เล่นงานเป็นประจำ ส่วนเพื่อนในกลุ่มของเธอก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย
ทั้งต่อว่ากระแนะกระแหน พูดเสียงดังทำให้เธออับอาย จนเธอโกรธมากไปร้องไห้กับพ่อแม่ จนเรื่องไปถึงฝ่ายปกครอง
หลังจากเสือน้อยไปสารภาพรักและกลายเป็นเพื่อนกัน ตลอดช่วงเวลานั้นก็จะมีคนที่หมั่นมาเอาใจอยู่ตลอด เช่น นายพีรพัฒน์ นักกีฬาเทควันโดคนโปรดของครูในชมรม
ซึ่งเจ้าตัวได้ใส่ที่ปิดตาอยู่เป็นเดือนกว่าจะเอาออก ใครไปถามก็จะบอกว่า “โดนเศษไม้เข้าตาหมอให้ปิดไว้”
และนายคนนี้เป็นเหมือนฝันเองที่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิต ส่วนคนอื่นที่มาตามตอแยจนเธอเองก็รำคาญ…รำคาญมาก ๆ เสียด้วย แม้กระทั่งเสือน้อยเอง
แต่ทว่ารายนั้นได้ชิงสารภาพไปก่อนแล้ว จึงทำให้เธอคลายกังวล หนทางเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ผู้ชายมาห้อมล้อมแบบนี้ ก็จำเป็นต้องเลือกสักคน ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนมาตอแยเธอไม่จบไม่สิ้น…
เหตุผลที่เธอหลงเสน่ห์เด็กหนุ่ม…เป็นเพราะปากหวานช่างเอาอกเอาใจ แถมหน้าตาก็ หล่อเหลา คิ้วหนาคมเข้ม รูปร่างหน้าตาดี ทั้งยังเป็นนักกีฬาคนเก่งประจำโรงเรียนอีกต่างหาก ทั้งฟุตบอล เทควันโด ดูเหมือนเขาโตขึ้นไปสามารถเอาดีด้านกีฬาได้เลย
อีกทั้งพียังสามารถปกป้องเธอได้ ด้วยศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเธอได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าพีเองก็เป็นหัวโจกในรุ่นราวคราวเดียวกัน หลังจากตกลงลองคบหาดูใจกันแล้ว ก็ปรากฏว่าทั้งคู่เหมือนจะไปได้ดี พีมักจะชวนเธอไปเที่ยวตามห้าง ดูหนัง ฯลฯ
แต่โดยมากเธอมักอยู่ที่ร้านหนังสือ ในมุมโปรดนิยายและวรรณกรรม ในร้านหนังสือที่ไปเที่ยวหรือแวะทีไรก็ต้องซื้อติดมือกลับบ้านมาเป็นประจำ
วันวาเลนไทน์ก็ยกดอกไม้ช่อใหญ่เด่นสะดุดตามาให้เธอ ทำเอาเพื่อนร่วมห้องอิจฉากันเป็นแถว ๆ ทั้งกล่องขนมช็อกโกแลตแทนใจ มีมาไม่ขาด…ยิ่งนานวันทั้งคู่ก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งปิดเทอม ทั้งคู่ดูเหมือนจะแยกย้ายกันไปชั่วคราว เนื่องจากมีภาระกิจของแต่ละคนที่ต้องทำ
กิจกรรมหลัก ๆ ของเหมือนก็เป็นการอ่านนิยาย ซึ่งกองนิยายที่ตอนนี้สุมอยู่ ต่อแถวรอคิวอ่าน หรือไม่ก็ไปช่วยพ่อนั่งคุมร้านวัสดุก่อสร้าง
ส่วนนายพีก็มีซ้อมเทควันโดทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน หากแต่บางวันก็โทรนัดกันไปเจอะเจอตามร้านอาหารในห้างตามสมควร
ตั้งแต่คบกับพีเธอก็ดูเหมือนมีความสุขมากขึ้น หัวใจของเด็กสาวแรกแย้มก็พองโตขึ้นเรื่อย ๆ เธอถึงขั้นคิดไปถึงอนาคตระหว่างเขาและเธอไม่ได้ ผ่านจินตนาการในหนังสือ...
…....
ทางด้านนายพีรพัฒน์ หลังจากมีเรื่องชกต่อยกับเสือน้อยไปคราวก่อน
ซึ่งโดนอีกฝ่ายซัดหมอบเหมือนหมาข้างถนน มันจึงทำให้เขาโกรธแค้นอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก หากแต่ครอบครัวของเขาเอง ก็โดนพ่อของไอ้หมอนั่นกับทนายความบีบบังคับ รวมไปถึงทั้ง ผอ. ก็เข้าข้างฝ่ายนั้นด้วย
จึงได้ทำข้อตกลงห้ามยุ่งเกี่ยวห้ามมาหาเรื่องกันอีก อีกฝ่ายถึงจะหยุดดำเนินคดี พร้อมเรียกค่าทำขวัญ พ่อแม่ของเขาเมื่อได้ดูหลักฐานที่ทางโรงเรียนให้มา ทั้งกล้องวงจรปิด ทั้งพยานบุคคล ก็ทำเอาอึ้งพูดไม่ออก
และพ่อแม่ของเขาจึงยอมจ่ายเงินฟาดเคราะห์ เห็นว่าจ่ายไปเยอะมาก…เขาถึงได้โดนตำหนิจากครอบครัวอย่างรุนแรง
พ่อ : ไอ้พี…ไอ้ลูกโง่ขนาดมึงไปรุมเขามึงยังแพ้ แพ้ไม่พอเสือกให้เขาเอาหลักฐานมาจับอีก เจริญจริง ๆ ไอ้ลูกโง่เอ๊ย! (พ่อด่าเขาอยู่อย่างนี้เป็นวันๆ)
แม่ : คุณก็อย่าไปว่าลูกนักเลยดูสิ ลูกก็เจ็บตัวมามากพอแล้ว
พี : ใช่ ๆ ความจริงพ่อควรเอาเรื่องมันด้วยซ้ำ ที่มันเล่นงานผมสาหัสเนี่ย!
พ่อ : ยังจะเถียงอีก…นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมึงทำอะไรไม่คิด ไม่ดูตาม้าตาเรือ มึงคิดว่าอยู่ในป่าในดงหรือไงจะกระทืบใครก็ไม่ต้องสนใจ…แต่นี่อะไรกล้องวงจรปิดเต็มโรงเรียนมึงดูสิ! จะไปเอาเรื่องมัน แต่มึงพาเพื่อนไปรุมมัน ขึ้นศาลไหนก็แพ้…แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ กลายเป็นขี้ปากอับอายขายขี้หน้าคนอื่นเขาอีก
“ลูกของไอ้สจ.พาทียกพวกไปรุมกระทืบ มิวายโดนสวนคืน หมดกันชื่อเสียงที่กูสั่งสมมา!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว ส่วนเด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้ายอมรับสภาพ
สจ.พาที : ตั้งแต่นี้ไปเป็นไปได้ก็อย่าไปหาเรื่องมัน เข้าใจมั้ย!!
พี : แล้วถ้ามันมาหาเรื่องผมละพ่อ?
พาที : มึงก็ดูไปตามสถานการณ์สิวะ แค่ช่วงนี้เลี่ยง ๆ มันไปก่อนผ่านไปหลาย ๆ เดือนค่อยไปยุ่มย่ามกับมันใหม่
ความจริงแล้วพาทีพ่อของพีก็รู้สึกเจ็บใจแทนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่เหมือนกัน ภายในใจอยากจะเอาคืนแทนลูกเสียด้วยซ้ำทันทีที่ได้ข่าว…หากแต่พอดูกล้องวงจรปิดเห็นภาพทั้งหมด “มันควรเป็นอีกฝ่ายต่างหากที่จะจองเวรลูกชายเขา ถึงจะถูก!”
พาที : ไอ้พวกไก่อ่อนเอ๊ย! พาพวกไปรุมเขาเสือกโดนเล่นงานยับกลับมา...
จากวันนั้นพีรพัฒน์ก็พยายามหลีกเลี่ยงเสือน้อย ไม่มีการปะทะตรง ๆ เขาจำต้องเก็บกดอารมณ์โกรธเคืองทั้งหมดไปก่อน รอเรื่องนี้ค่อย ๆ ซาลง และหาโอกาสเด็ด ๆ เล่นงานมันอีกรอบ
สำหรับเขาเองที่พอเห็นไอ้ลูกแมว มันมาจีบเหมือนฝันแข่งกับเขาก็ทำเอาหัวร้อนขึ้นมา ทว่าก็ได้แต่อยู่ดูห่าง ๆ ไม่ไปหาเรื่อง…
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขารู้ว่าเหมือนฝันปฏิเสธเสือน้อยก็ดีใจยกใหญ่ และพอรู้ว่าไอ้ลูกแมวหันไปคบมะปรางแทนเขาก็เตรียมแผนการ ไว้เล่นงานมันทันที
“ตัวเขาเองลงมือไม่ได้…แต่นั่นมันไม่ได้หมายความว่า…คนอื่นลงมือไม่ได้นี่หว่า!?” พอเขาคิดได้ดังนั้นก็หัวเราะชอบใจอยู่นานสองนาน
“จึงฝากรุ่นพี่คนสนิทในกลุ่ม…ให้ไปจีบมะปรางแย่งเธอมาให้จงได้” และพอพวกรุ่นพี่รู้ก็รับคำโดยง่ายเด็กสาวเอ๊าะ ๆ น่ารักขนาดนี้มีหรือจะปล่อยผ่านไปได้
พีจึงเริ่มแอบสืบผ่านเหมือนฝันว่ามะปรางชอบอะไรบ้าง และพอได้ข้อมูลมาก็นำเอาไปบอกรุ่นพี่คนสนิทให้ลงมือ
……
ในวันวาเลนไทน์
ขณะที่เสือน้อยกำลังให้มาลัยข้อมือกับมะปรางอยู่ พีรพัฒน์ก็หัวเราะร่าอยู่ในมุมมืด “หญิงมึงน่ะเสร็จพี่กูแล้วไอ้ลูกแมวเอ๊ย!”
ตอนบ่ายแก่ ๆ พีได้ข่าวมาจากกลุ่มเพื่อนของเหมือนฝันว่า “มะปรางจะโทรนัดเสือน้อยมาบอกเลิก” พอได้ยินดังนั้น…เขาจึงไม่อยากพลาดช็อตเด็ด จึงพาเพื่อนแก๊งที่ไปรุมกระทืบเสือน้อยมาชมเหตุการณ์ด้วย
เพราะรู้อยู่ก่อนแล้วเขาจึงให้ไอ้ธรเพื่อนรุ่นพี่แถวบ้านมาเตี๊ยมยืนดักรอไว้ทำให้ ไอ้ลูกแมว…มันเห็นภาพบาดตาบาดใจ หลังจากทั้งสองคุยกันได้ไม่นาน ยัยมะปรางก็เดินจากไปส่วนไอ้ลูกแมวก็นั่งหงอย จนถือสมุดวิ่งตามเอาไปคืน
พวกตนที่ซุ่มอยู่เห็นไอ้ลูกแมว…วิ่งตามไปเขาก็ไม่ชักช้ารีรอ พาเพื่อนฝูงตามไปด้วยทันทีพวกเขาแอบอยู่ในมุมเงียบ ๆ กลั้นขำอยู่แทบจะแย่
ก่อนที่จะเห็นสีหน้าหม่นหมองของเสือน้อย
ทำให้พวกเขาหัวเราะร่า รู้สึกราวกับประสบความสำเร็จได้เหรียญทองโอลิมปิกก็ไม่ปาน
และหากมันเป็นเพียงเท่านั้นก็ว่าไปอย่าง ก่อนที่จะปิดฉากด้วยเรื่องที่ชวนฮาจนน้ำตาเล็ด “โดยที่ไอ้พี่ธรมันได้โทรศัพท์มาบอก ‘เรื่องรจนาเลือกคู่’ ซึ่งทำให้ทั้งกลุ่มหัวเราะไม่หยุด” พวกเขาหลายคนต่างลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่กับพื้นนานสองนาน
“แม่งซื้อพวงมาลัยข้อมือมาให้แฟนตัวเอง แต่ฝ่ายหญิงดันเอาพวงมาลัยไปให้ชายคนอื่นวะ เฮ้ย! พวกมึงนี่แม่งโคตรเป็นตำนานเลยนะโว้ย!” พีหัวเราะร่าในชัยชนะ ออกปากเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนังเพื่อน ๆ ให้มันหนำใจไปเลย
ส่วนทางด้านมะปราง หลังจากคบกับรุ่นพี่คนนั้นก็สนิทชิดเชื้อจนถึงขั้นไหนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ คงมีเพียงแค่สองคนที่รู้ความจริงเท่านั้น เพราะคนอื่นไม่ได้ไปมุดอยู่ใต้เตียงเสียหน่อย…
-------------------
ไอ้นี่มันร้าย!