เหยียดหยาม
ตอนที่6
รถสปอร์ตสุดหรูได้เลี้ยวเข้ามาจอดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร
พยัคฆ์รีบลงจากรถก่อนจะวิ่งมาอีกฝั่งของรถอย่างรีบร้อนเพื่อมาเปิดประตูรถให้กับผู้เป็นเจ้านาย
“ให้ผมช่วยไหมครับนายน้อย” พยัคฆ์ถามเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเขา เมื่อเห็นเจไดอุ้มเด็กสาวลงจากรถเพื่อที่จะขึ้นไปยังห้อง ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง มึงแค่ไปกดลิฟต์ให้กูก็พอ!” เจไดออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง ก่อนพยัคฆ์จะรีบกุลีกุจอไปกดลิฟต์ให้ผู้เป็นเจ้านายตามที่สั่งทันที
ติ๊งงง!~~
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกมายังชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องของเจได ชายหนุ่มก็อุ้มหญิงสาวไปยังห้องนอนของตนเองทันที และวางเธอลงบนเตียงนอนเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กพร้อมกับชามใบเล็ก ๆ ชายหนุ่มไปเตรียมน้ำเพื่อที่จะได้เช็ดหน้าให้เด็กสาว เผื่อเธอจะได้สดชื่นและรู้สึกตัว เจไดเช็ดหน้าให้กับลูกหว้าอย่างเบามือ และมองใบหน้าซีดเซียวของเธอ พลางนึกไปถึงบทจูบอันเร่าร้อนเมื่อก่อนหน้านี้แล้วสะแหยะยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย
“หึ!เจอแค่บทจูบแค่นี้ก็ทำมาเป็นหมดสติ ถ้าเจออย่างอื่น เธอจะไม่ร้องขอชีวิตฉันเลยเหรอ” เจไดบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนที่จะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายของตัวเอง
หลังจากอาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอว ทันใดนั้นเสียงกรี้ดด้วยความตกใจของเด็กสาวก็ดังขึ้น เขาจึงต้องรีบเดินปรี่เข้าไปเพื่อเอามือปิดปากของต้นเสียงน่ารำคาญนั่น
“กรี้ดดดด!!! อุ๊บ!!!”
“หุบปากของเธอเดี๋ยวนี้นะ ฉันแสบแก้วหูไปหมดแล้ว!!” เจไดขึ้นเสียงออกคำสั่ง
“อุนอ้ออ๋อยอู๋อิ” (คุณก็ปล่อยหนูสิ) ลูกหว้าตอบกลับไปแบบหวั่น ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลูกหว้าได้แต่นึกคิดและ เกิดคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด เธอพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำได้ว่าล่าสุดเธออยู่หน้าห้องน้ำที่ผับ และไอ้ผู้ชายใจร้ายคนนี้ก็เข้ามาพูดจาบ้า ๆ และทำร้ายเธอ ที่สำคัญตอนนั้นเขาจูบเธอจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ หลังจากนั้นสติเธอก็ดับวูบจนเธอมาโผล่ที่นี่และอยู่ในห้องกับผู้ชายคนนี้ นี่มันอะไรกัน ลูกหว้าได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง
“ถ้าเธอกรี้ดขึ้นมาอีก ฉันจะไม่ใช่แค่เอามือปิดปาก แต่ฉันจะเอาอย่างอื่นปิดปากเธอแทน!!!” เจไดปล่อยมือที่ปิดปากเด็กสาวออก และพูดขู่ให้เธอกลัวจะได้ไม่ร้องเสียงแสบแก้วหูขึ้นมาอีก
“คุณพาหนูมาที่นี่ทำไม??” ลูกหว้าถามและรอคำตอบจากชายหนุ่มที่ตอนนี้เธอรู้สึกเกลียดและกลัวเขามาก ผิดกับก่อนหน้านี้ที่เธอคิดว่าเขาคือผู้ชายที่ใจดี สุภาพ มีน้ำใจต่อเด็กต่างจังหวัดที่ไม่รู้ประสีประสาแบบพวกเธอ แต่ตอนนี้ เขาในตอนนั้นกับเขา ณ เวลานี้มันช่างแตกต่างกันราวกับคนละคน…
“เธอคิดว่าฉันพาเธอมานอนตากแอร์เล่นในคอนโดหรู ๆ เฉย ๆ งั้นหรอ?” เจไดพูดจาท่าทางยียวนกวนประสาท ก่อนจะพูดประโยคถัดมาที่ทำให้ลูกหว้าถึงกับต้องอ้าปากค้าง
“ฉันก็จะพาเธอมาเอาน่ะสิ!” เจไดตอบหน้าตายแต่สายตาของเขาบ่งบอกว่าจริงจังกับสิ่งที่พูดออกมาทุกประโยค
“เอา เอาอะไร!!..?? คุณอย่ามาพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้นะ ถึงหนูจะเป็นแค่เด็กต่างหวัด แต่ไม่ได้แปลว่าหนูจะไม่รู้อะไรในสิ่งที่คุณพูดออกมา!” ลูกหว้าตอบกลับไปอย่างหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
“ก็คงจะอย่างงั้น เพราะเด็กอย่างเธอมันก็คงไม่ต่างอะไรกับเด็กเหลือขอทั่วไปหรอก ทำท่าทางไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่เอาเข้าจริง ๆ ผ่านผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้วล่ะ!!” เจไดพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห เมื่อนึกไปถึงภาพที่ลูกหว้าอยู่กับผู้ชายคนนั้นที่ดูกระหนุงกระหนิงพลอดรักกันกลางผับ
“คุณหยุดพูดจาดูถูกหนูเดี๋ยวนี้นะ หนูไม่ได้เป็นแบบที่คุณพูด!!” ลูกหว้าดวงตาร้อนผ่าวเมื่อเจอคำพูดดูถูกดูแคลน และเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเธอออกจากปากผู้ชายคนนี้
“ทำไมฉันต้องฟังเด็กใจแตกอย่างเธอ และฉันก็จะไม่หยุด ต่อหน้าฉันทำเป็นไร้เดียงสา แต่อยู่กับผู้ชายคนอื่นกลับดูกระหนุงกระหนิงดี๊ด๊าให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวไปทั่ว!!” เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเมื่อนึกถึงหน้าไอ้ตี๋นั่น
“หนูไปทำแบบที่คุณว่ากับผู้ชายคนไหน!?” ลูกหว้าตั้งคำถาม เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาหมายถึงใคร
“ก็ไอ้ผู้ชายที่เธอมากับมันไง ทำตัวสนิทสนมพลอดรักกันกลางผับ หน้าไม่อาย!!!”
“ถ้าคุณหมายถึงพี่บิ๊กแล้วล่ะก็ เขาเป็นเจ้านายของหนู พี่บิ๊กเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่หนูไปสมัครงาน และพี่เขาแค่พาพวกหนูมาเลี้ยงฉลองต้อนรับพนักงานใหม่แค่นั้นเอง” ลูกหว้าพยายามอธิบายในสิ่งที่ชายหนุ่มเข้าใจผิด แต่เหมือนยิ่งอธิบายเขาก็ยิ่งหาเหตุผลมาต่อว่าและดูถูกเธอสารพัด
“หึ! เจ้านายที่หวังจะเอาลูกน้องทำเมียน่ะสิ!” เจไดพูดอย่างเหยียด ๆ
“ถ้าอย่างงั้นคุณจะคิดยังไงมันก็เรื่องของคุณ แต่ตอนนี้หนูจะกลับหอ ป่านนี้เพื่อนหนูคงเป็นห่วงหนูมากแล้ว” ลูกหว้าพูดตัดบทขึ้นเพราะไม่อยากจะเสวนากับคนที่มีแต่อคติอย่างเขา
“ใครอนุญาตให้เธอกลับ..?? เพราะถ้าฉันยังไม่อนุญาตเธอก็ไปไหนไม่ได้!!!” เจไดขึ้นเสียงพร้อมกับกระชากแขนของเธอจนเซถลาไปปะทะแผงอกแกร่งของเขาที่ข้างบนไม่มีแม้แต่อาภรณ์ปกปิด มีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวสอบอยู่หมิ่นเหม่เท่านั้น
“แต่หนูจะกลับ! ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้นะ!!” ลูกหว้าพยายามผลักและแกะมือเจไดออก ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะล้มลงไปบนเตียงนอนและมีเจไดทาบทับลงมาด้วย