ตอนที่ 5 อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
พี่เสือมารับผมที่ห้องตรงเวลาเป๊ะ แต่คนที่ไม่ตรงเวลากลับเป็นผมเอง
“ก็ปกติผมเห็นพี่เข้ากองสายอ่ะ แล้วทำไมวันนี้มาเช้าได้” ผมแก้ตัวในขณะที่คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้พี่เสือนั่งรออยู่บนโซฟาในห้อง
“กูรีบ ว่างแค่สองวัน มะรืนก็ต้องถ่ายงานต่อ” ได้ยินเสียงแกตะโกนเข้ามา
“เออๆๆ ขอสิบนาที”
ผมอาบน้ำห้านาที แต่งตัวอีกห้านาที ก็พร้อมออกเดินทาง
“ว่าแต่พี่จะไปถ่ายที่ไหนอ่ะ” ผมช่วยพี่เสือถือกล้องตัวเล็ก พากันเดินออกจากคอนโด
พี่เสือไม่ตอบเหมือนเดิมนั่นแหละ ผมจึงทำได้แค่เดินตามต้อยๆ รับปากเขาไว้แล้วนี่ว่าจะช่วย ไปไหนก็ต้องไปแหละวะ
“พี่พาผมมาคอนโดพี่ทำไม?”
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็ถูกพาขึ้นมาบนห้องชุดที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องของผมนิดหน่อย ด้านในซอยแบ่งเป็นห้องนอนกับห้องครัวเล็กๆ แยกจากห้องรับแขกที่แม่งโคตรรก
เวลาพี่เสือทำงานแกจะแต่งตัวเนี้ยบนะ ยิ่งวันไหนต้องไปพบเฮียก็จะเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีน้ำตาลเข้มจะถูกเซ็ตไว้เป็นทรงแบบแทบจะไม่กระดิก เสื้อตัวในอาจจะเป็นเสื้อยืดง่ายๆ แต่เรียบร้อย สวมทับด้วยสูทเท่ห์ๆ อีกชั้น พร้อมกับกางเกงสแล็คสีเดียวกัน รองเท้าหนังเข้ากันกับเข็มขัด หล่อสัดๆ เลยที่ผมเห็นเมื่อวาน
แต่วันนี้พี่แกใส่เสื้อยืดสีขาว มีรอยตามดเล็กๆ ตรงไหล่ กับกางเกงยีนส์สีซีดเข่าขาด เข้ากันฉิบหายกับห้องรกๆ นี่
“มาถ่ายหนังไง” พี่เสือตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะเริ่มเซ็ตกล้อง
“ไหนล่ะนักแสดง?” ผมกวาดสายตามองหาไปทั่วก็ยังไม่เห็นหัวใครสักคน มีแค่ผมกับพี่เสือเท่านั้น
แล้วจู่ๆ พี่เสือก็ถอดเสื้อ
“นี่พี่อย่าบอกนะว่าพี่จะทำหนังโป๊จริงๆ อ่ะ”
ซิกแพ็คแน่นๆ มันทำให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากว่าพี่เสือจะถ่ายหนังโป๊โดยมีตัวเองเป็นนักแสดงนำ แล้วจะเล่นกับใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม
“ไม่นะพี่” ผมรีบส่ายหน้าปฎิเสธ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดตัวเอง
พี่เสือเริ่มเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ผมถอยเท้าหนีจนไปชนกับโซฟาแล้วล้มหงายลงไป พี่มันแม่งก็ตามมาคร่อมผมอย่างไว
ผมหรี่ตาไม่กล้ามองแผงอกล่ำๆ พยายามจะเบือนหน้าหนี ฮือ… กูเสร็จแน่
“ในหัวมึงนี่มีแต่เรื่องทะลึ่งนะ” พี่เสือผลักหัวผมโยกไปมา แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน
ผมลุกขึ้นมานั่งอย่างงงๆ ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากด้านใน
“เอากล้องเข้ามา”
ผมรีบทำตามคำสั่ง กระชับกล้องในมือแล้วเดินตามเข้าไป
พี่เสือเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์สีซีดที่ใส่ไปรับผม เป็นบ็อกเซอร์สีขาว แล้วก็ยังเปลือยอก
“ให้ผมถ่ายอะไร?” ผมถามออกไปอย่างงงๆ ก็พี่มันยืนยันว่าไม่ใช่หนังโป๊ แต่ตัวเองกลับแก้ผ้าเกือบหมดแล้วไปนั่งอยู่บนเตียง
“ถ่ายกูไง”
นั่นไง แล้วจะให้ผมคิดดีได้ไง?
หน้าของผมคงออกอาการอีหลักอีเหลื่อ พี่เสือก็เลยปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“It’s real me” พี่เสือสบตาผม ก่อนจะค่อยๆ ถ่ายทอดความคิดของตัวเองออกมา “ชื่อหนังของกู ชีวิตกู ชีวิตผู้กำกับหนังโป๊ กูอยากถ่ายทอดเบื้องหลังของคนทำหนังตลาดๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครสนใจอ่านเครดิตตอนจบด้วยซ้ำ”
“พี่จะถ่ายทอดในมุมไหนเหรอ?” ผมขยับเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างสนใจ
“ความรัก”
ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของพี่เสือในขณะที่เจ้าของมันกำลังมองเลยไปที่โปสเตอร์หนังฮอลลีวูดเรื่องหนึ่งที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง
“พี่หมายถึงเซ็กส์เหรอ?” ผมถามอย่างที่เข้าใจนั่นแหละ พี่เสืออยู่แต่ในสตูฯ ที่คละคลุ้งไปด้วยคาวเซ็กส์ ผมเคยได้ยินทีมงานพูดกันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เห็นกันจนชินตา บางทีถ่ายๆ กันอยู่บางคนทนไม่ไหวแอบไปเอากันก็มี พี่เสือก็เหมือนกัน
“มึงแยกความรักกับเซ็กส์ไม่ออกจริงๆ เหรอเวน?” พี่เสือหันมาสบตาผม จนผมเห็นแววบางอย่างที่มันทำให้ผมใจสั่น ผมรีบหลบตา ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้ามองมัน
“อะๆๆๆ พี่จะให้ผมถ่ายอะไรก็บอกมาแล้วกัน” ผมรีบลุกขึ้นมายืนตั้งท่าจะเริ่มถ่ายเพื่อเปลี่ยนเรื่อง พอหันกลับไปอีกทีก็เห็นพี่เสือกำลังล้มลงนอนไปบนเตียง
“ถ่ายตั้งแต่กูตื่นนั่นแหละ” สั่งแล้วก็นอนหลับตา
“หน้าพี่มันหล่อเกินไปนะ” ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมของพี่เสือให้มันยุ่งๆ อย่างลืมตัว พอเห็นสายตาของเจ้าของมันนั่นแหละถึงได้ร้องแหะๆ
“ขอโทษพี่”
เพราะวันนี้เป็นวันหยุด พี่เสือจึงไม่ได้เข้าสตูฯ It’s real me จึงเป็นการถ่ายกิจวัตรในวันหยุดของพี่เสือ
ตื่นขึ้นมาพี่แกก็ล้างหน้า แปรงฟัน และอาบน้ำ ผมต้องตามถ่ายทุกอย่างนั่นแหละ และใช่! ผมต้องถ่ายตอนพี่มันอาบน้ำ
มันเรียลมากจริงๆ เพราะพี่มันแม่งเสือกถอดเสื้อผ้าอาบน้ำจริงๆ
“จะถ่ายยังไงก็แล้วแต่มึง”
หืมมม กูจะแพนกล้องต่ำๆ เลย
แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้าหรอกครับ พอแพนลงไปถึงแนวสะดือผมก็มือสั่นแล้ว ผมจึงค่อยๆ แพนกล้องกลับขึ้นด้านบน โฟกัสรอนซิกแพ็คและแผงอก แต่พอจะถึงใบหน้าหล่อๆ พี่เสือก็หันหลังให้ สรุปตั้งแต่ผมถ่ายมายังไม่เห็นหน้านักแสดงเลย
แต่แค่หุ่นก็แซ่บพอแล้วอย่างอื่นช่างแม่งเหอะ มิน่าพี่แซน ถึงได้มองตาเป็นมัน
พี่เสือพาผมลงมากินข้าวร้านอาหารตามสั่งข้างคอนโด แต่พอผมตั้งกล้องจะถ่ายก็โดนดุ
“It’s real me ไม่ใช่เรียลลิตี้ตามติดชีวิตซุป’ตาร์นะไอ้เวร มึงไม่ต้องถ่ายตลอดเวลาก็ได้”
“เอ้า! ก็พี่บอกให้ถ่ายชีวิตพี่อ่ะ”
“โฟกัสแค่หลักๆ ก็พอ ข้าวเนี่ยต้องแดกกันทุกคนอยู่แล้ว”
“น้ำก็ต้องอาบทุกคน แล้วพี่ให้ผมถ่ายทำไม” ผมเถียงข้างๆ คูๆ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง
“ก็มันน่าสนใจ” ผมช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ “หรือมึงไม่สนใจ?”
“หลงตัวเองฉิบหาย” ผมแอบบ่นเบาๆ พี่เสือก็ได้ยินแหละ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรผม ก้มหน้าลงตักข้าวผัดกระเพราะกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมแอบยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพตอนพี่เสือคุยเล่นกับป้าคนขายข้าวอย่างคุ้นเคย เป็นพี่เสืออีกคนที่ผมไม่มีทางได้เห็นในกองถ่าย
พอใกล้เพลพี่เสือก็พาผมเข้ามาไหว้พระในวัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหา’ลัยเก่าของพวกเรามากนัก และแน่นอนผมตามจับภาพทั้งหมด
“กูนอนนี่ตอนเรียนมหา’ลัย” แกก็เล่าของแกไปเรื่อยๆ “เดินตามหลวงตาไปบิณฑบาตรเสร็จก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไปเรียน”
“จริงป่ะเนี่ย ผมคิดว่าพี่เป็นลูกคนรวยซะอีก” ผมออกความเห็นตามที่เห็น ก็ดูหน้าตาผิวพรรณพี่แม่งดิ ดีกว่ากูอีก
“เคยรวยน่ะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ล้มละลาย พ่อแม่ฆ่าตัวตาย กูก็เลยมาอยู่กับหลวงตา”
“ดาร์กสัด!” ผมอึ้งไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ ท่าทางคูลๆ ของพี่เสือแม่งซ่อนอะไรไว้เยอะเลย
“แล้วญาติพี่ล่ะ?”
“ไม่มี”
เป็นคำตอบสั้นๆ แต่แม่งโคตรเจ็บ ทำไมมันฟังดูหดหู่จังวะ ผมวางกล้องลงแล้วก้มลงกราบพระบ้าง ระหว่างนั้นพี่เสือก็ลุกเดินออกไป
“ที่เล่านั่นไม่เกี่ยวกับเรื่องหนัง ตอนตัดต่ออย่าลืมตัดออกล่ะ” แล้วก็สั่งทิ้งท้ายเอาไว้
ตอนบ่ายพี่เสือพาผมไปชมนิทรรศการที่หอศิลป์ เราฝังตัวกันอยู่ในนั้นตลอดช่วงบ่าย มันทำให้ผมได้รู้จักอีกมุมของผู้ชายคนนี้ มุมที่ไม่มีเรื่องของเซ็กส์อย่างที่ผมเคยเข้าใจเลยสักนิด
มีหลายครั้งที่พี่เสือสบตากับผมผ่านเลนส์กล้อง แววตาคู่นั้นมันบอกว่าเขาโหยหาอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ผมยังไม่รู้ว่าคืออะไร และผมไม่รู้ว่าพี่เสือต้องการมันจากกรรมการที่ตัดสินหนังสั้น หรือพี่เสือต้องการมันจากผมกันแน่
ตกเย็นเราก็ไปเดินสตรีทฟู้ดแถวเยาวราช ผมอยากกินก๋วยจั๊บแต่พี่เสือแม่งอยากกินหอยทอด แล้วคิดว่าใครจะชนะล่ะครับ
ผมนั่งเขี่ยหอยทอดที่ใครต่อใครบอกว่าอร่อยนักหนา เลือกกินแต่แป้งกับถั่วงอก
“ไม่ชอบกินหอย?”
“ผมแพ้อาหารทะเล”
“แล้วทำไมไม่บอกล่ะ”
“ก็บอกแล้วว่าอยากกินก๋วยจั๊บ”
“มึงไม่ได้บอกว่าแพ้อาหารทะเล”
“ถ้ากินก๋วยจั๊บก็ไม่ต้องกินอาหารทะเล”
เราเถียงกันผ่านกล้องที่พี่เสือบอกว่าไม่ต้องถ่าย แต่ผมก็ยังถ่ายเก็บไว้ ถ้าไม่เอาก็ค่อยตัดทิ้งทีหลัง
หลังจากออกมาจากร้านหอยทอด พี่เสือก็ใจดีพาไปกินก๋วยจั๊บ ผมสั่งสองชามเลยเพราะอยากกินมาก
“เออ รองท้องเยอะๆ จะได้ไม่เมา” พี่เสือนั่งมองผมกินแล้วก็แย่งกล้องไปถ่าย
“เมา? อย่าบอกนะว่าพี่จะไปผับต่อ” ผมดักคอพลางก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ได้เวลาผับเปิดพอดี
“นัดพวกไอ้เป้าไว้น่ะ”
“เทาฉิบหาย วัดก็เข้า เหล้าก็แดก” ผมต่อว่า ก่อนจะตักก๋วยจั๊บเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับ พี่เสือแพนกล้องมาใกล้แล้วก็หมุนเลนส์ซูม
“อ่าอูม(อย่าซูม)” ผมร้องห้ามทั้งๆ ที่ก๋วยจั๊บยังเต็มปาก พี่เสือลากกล้องกลับหลบมือผมที่ผลักออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
เวลาทำงานไม่ค่อยเห็นพี่เสือยิ้มเท่าไรนักหรอก ยิ่งหัวเราะแบบนี้ล่ะก็ไม่มีทาง แต่วันนี้พี่มันหัวเราะบ่อยมาก บางทีแค่มองกล้องก็หัวเราะแล้ว
คงแค่การแสดงแหละ ไม่มีไรหรอก