ตอนที่ 3.1 ความน่ารักของเธอ ช่างเย้ายวน
ใครจะรู้ล่ะว่าเพื่อนที่พี่เสือนัดไว้จะเป็นพี่เป้าพี่รหัสรุ่นเดอะของไอ้หมาก แม่งเอ๊ย! บังเอิญเชี่ยๆ
“มึงเป็นอะไรเนี่ย? มีคนเลี้ยงเหล้าไม่ดีหรือไงวะ? ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”
เพราะพี่เป้าบอกจะเลี้ยงเหล้าพวกผมแลกกับการนั่งร่วมโต๊ะด้วยเพราะพวกพี่แกมาดึกไม่มีโต๊ะนั่ง ก็เลยมานั่งเบียดกับพวกผมสองคน
โต๊ะสำหรับสี่คน แต่ต้องนั่งเบียดกันหกคน กูต้องยิ้มมีความสุขสินะ?
ถ้าคนที่เบียดเข้ามาไม่ใช่พี่เสือ ผมก็จะไม่อะไรหรอกนะ และที่ไม่เข้าใจคือ พี่เสือเหลือที่ไว้ให้เพื่อนเยอะมากแล้วมาเบียดเอากับผม
“ขยับออกไปหน่อยไม่ได้เหรอพี่” ผมบอกออกไปเสียงไม่ดังนัก พอให้ได้ยินกันแค่สองคน และอีกอย่างเสียงดนตรีก็ดังมาก คนอื่นก็คงจะไม่ได้ยิน
แต่ผมรู้ว่าพี่เสือได้ยิน แต่แม่งไม่นำพา แทนที่จะขยับออก ดันเบียดผมเข้ามาอีก
ขี่กันเลยไหมล่ะ ห่ามึงเอ๊ย!
ผมสาดเหล้าเข้าคออย่างเซ็งๆ ในขณะที่คนอื่นคุยกันอย่างออกรส ผมไม่สนิทกับพวกพี่กลุ่มนี้เท่าไร อย่างที่บอกแหละว่าไม่ทันกันในมหา’ลัย รู้จักแค่พี่เป้าที่เป็นพี่รหัสไอ้หมาก เพราะพี่แกเรียนหกปี เรียนเหมือนรอน้องรหัสอย่างไอ้หมากอ่ะ ส่วนคนอื่นๆ เพิ่งรู้จักคืนนี้แหละครับ อ้อ ยกเว้นพี่เสืออีกคน
ผมนั่งฟังพวกพี่ๆ คุยกันเรื่องงาน แล้วก็เรื่องหนังสั้นที่จะส่งเข้าประกวด รางวัลชนะเลิศจะได้ทุนไปเรียนต่อคอร์สเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ที่แคลิฟอร์เนียเป็นเวลาหกเดือน ผมหูผึ่งเลยครับ เพราะผมเคยฝันว่าจะไปเทคคอร์สที่นั่น
แต่แล้วพี่เป้าก็สาดเหล้ามาดับฝันผมทันที
“มึงไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย เขาปิดรับสมัครวันนี้แล้วเนี่ย พวกกูกำลังจะเริ่มถ่ายกันแล้ว”
“อ่าว เหรอพี่” จริงอย่างพี่เป้าว่า ผมไปอยู่ที่ไหนมาวะทำไมไม่รู้เรื่องนี้เลย ผมรีบยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา ก็พบว่าเหลือเวลาอีกห้านาทีจะเที่ยงคืน สมัครตอนนี้ก็คงไม่ทัน โคตรเสียดายเลยว่ะ
พี่เสือเอี้ยวใบหน้าหล่อๆ มามองผม ก่อนจะเลิกคิ้วถาม
“มึงอยากประกวดเหรอ?”
ผมพยักหน้ารับ
“แต่ช่างแม่งเหอะพี่ ปีหน้าค่อยสมัครก็ได้” ผมบอกปัด ทั้งๆ ที่เสียดายแทบขาดใจ และปีหน้าก็ไม่รู้ว่ารางวัลจะเหมือนเดิมหรือเปล่า
พี่เสือเงียบไปไม่ได้ว่ายังไงต่อ ผมก็ไม่พูดถึงอีก หันไปสนใจพวกพี่มันคุยโวถึงหนังสั้นของแต่ละคนที่จะเริ่มทำกันแล้ว พลอตของแต่ละคนก็น่าสนใจนะครับ ผมฟังแล้วก็ทึ่ง
“แล้วของมึงล่ะไอ้เสือ ไม่อ่อยเพื่อนหน่อยเหรอวะ?” พี่นัทกระแซะถาม
“ความลับ” สาดเหล้าเข้าปากแล้วก็มีความลับกับเพื่อน โคตรเท่ห์
“มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะส่งหนังโป๊เข้าประกวด” พี่ปั่นยื่นหน้าเข้ามาถาม
ส่วนพี่เสือก็ยกยิ้มน้อยๆ ตามไสตล์ แถมยักไหล่เบาๆ ด้วย “ก็ไม่แน่”
“แล่วๆๆๆๆๆๆ เอาแล้วเว้ย กูรอดูเลยมึง” พี่เป้าแซวอย่างสนุกปาก ยกแก้วเหล้าชนไปรอบโต๊ะ
ผมก็ชนกับแกด้วย แต่ก็แค่จิบๆ เพราะคิดว่าเริ่มเมาแล้ว คืนนี้คงต้องเสียสละให้ไอ้เพื่อนหมากมันเมาเต็มที่ ส่วนผมจะทำหน้าที่ขับรถให้มันเอง
สุดท้ายใกล้เวลาร้านปิดเหลือผู้รอดชีวิตแค่สองคนคือผมกับพี่ปั่น พี่ปั่นลากพี่เป้ากับพี่นัทออกจากร้าน ส่วนผมลากไอ้หมากกับพี่เสือตามออกมาอย่างทุลักทุเล
แต่พอออกมาถึงลานจอดรถ ก็เห็นท้ายรถพี่ปั่นไวๆ ค่อยๆขับออกไป ผมรีบตะโกนเรียกจะบอกว่าพี่แม่งลืมเพื่อนไว้อีกคน แต่ก็ไม่ทัน
ผมหันไปถามไอ้หมากที่พอจะเหลือสติอยู่บ้าง
“เอาไงดีวะมึง?”
“เราก็ไปส่งพี่มันดิวะ” พูดจบมันก็เดินเซไปนอนขวางอยู่เบาะหลัง ผมก็เลยจำต้องพาพี่เสือไปนั่งเบาะหน้า ก่อนจะพาตัวเองไปประจำที่คนขับ
“บ้านพี่เสือมันอยู่ไหนวะ?” ผมหันไปถามเพื่อนที่นอนตายอยู่เบาะหลัง แต่ก็ไร้ซึ่งสัญญาณตอบกลับ พอหันมาหาคนข้างๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน
เออ เอาไงล่ะทีนี้
เบอร์โทรพี่เป้า พี่ปั่น พี่นัท ผมก็ไม่มีเพราะเพิ่งรู้จัก ยังไม่ทันได้ขอไว้เลย ผมก็เลยตัดสินใจพามาห้องของผมกับไอ้หมาก นอนด้วยกันทั้งสามคนนี่แหละ
คอนโดห้องละยี่สิบห้าตารางเมตรของผมกับไอ้หมากเล็กไปถนัดตาเมื่อบนเตียงมีร่างของพี่เสือ ส่วนไอ้หมากก็ทิ้งร่างลงบนโซฟาตัวเล็ก
“ร้อนฉิบหาย” พี่เสือโวยวายพลิกตัวไปมาอย่างอึดอัด ก่อนจะปลดเสื้อผ้าของตัวเองทั้งๆ ที่เปลือกตายังปิดสนิท ผมรีบลดแอร์ให้เพราะไม่อยากให้อุจาดตา
“อาบน้ำไหมพี่?” ผมเสนอ ทั้งๆ ที่คิดว่าพี่เสือคงไม่รู้เรื่อง
แต่เจ้าของร่างใหญ่ลุกขึ้นแล้วเดินเซๆ เข้าห้องน้ำไปเฉย แม่งเมาจริงป่ะเนี่ย?
พอพี่เสือเข้าไปอาบน้ำได้สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของไอ้หมากก็ดังลั่น จนเจ้าของมันสะดุ้งตื่น หมากส่งเสียงงึมงำพูดกับปลายสาย ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมานั่งรวดเร็วอย่างกับโดนของ
“ว่าไงนะแม่?”
มันสร่างเมาทันที เบิกตาโพลง ยกมือขึ้นขยี้โคนผมตรงท้ายทอยอย่างแรง
“เคๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ดูท่าทางงานจะเข้า ผมจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรวะมึง?”
หมากกระแทกลมหายใจออกมา ก่อนจะถอดเสื้อตัวเก่าออก แล้วไปควานหาเสื้อตัวใหม่ในตู้มาใส่ พลางปากก็เล่าด้วยน้ำเสียงกังวล
“มินต์หนีไปเที่ยวกับเพื่อน ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเลย ติดต่อก็ไม่ได้” มันพูดพลางก็ต่อสายหาน้องสาว
“โทรติด แต่ไม่รับ”
“อยู่ในผับเสียงดังไม่ได้ยินป่าววะ” ผมออกความเห็น
“เวลานี้ผับมันปิดหมดแล้วนะมึง”
ผมก้มมองนาฬิกาก็เห็นจริงอย่างที่มันว่า
“แล้วมึงจะไปหาน้องที่ไหน ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่ต้องหรอก มึงอยู่เป็นเพื่อนพี่เสือเหอะ กูรู้ว่ามิ้นต์มันอยู่ไหน มันไม่ได้ไปเที่ยวผับอย่างที่บอกกับแม่หรอก” หมากวางสายแล้วก็คว้ากุญแจรถออกไปทันที