บทที่ 7 สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนาง
นำไป๋เชียนฟานจัดแจงไว้ที่หลันเยว่เก๋อเป็นความคิดของห่าวผิงก้วน เขาได้ขอคำแนะนำจากโม่หรงก่าน แต่หวางเหย่ไม่พูดอะไรเลย ได้เพียงโบกมือขึ้นไปมา ความหมายคือให้เขาคิดเอาเอง หลันเยว่เก๋อเป็นเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุดดีที่สุด ห่าวผิงก้วนคิดว่ายังไงก็เป็นชายาหลัก ก็เลยจัดแจงไว้ที่นั่นค่อนข้างเหมาะสมกว่า
ไป๋เชียนฟานมีสาวใช้ 4 คนที่ติดตามมาด้วย มามาสองคน ห่าวผิงก้วนก็จัดสาวใช้แรงงานให้อีก 4 คน คิดว่าก็คงจะพอได้แล้ว พาคนเข้าไป เรียกรวมพวกบ่าวรับใช้มาอบรมสักหน่อย ก็ไปรับโทษโบยแล้ว
ไป๋เชียนฟานไม่ได้คุ้นเคยกับสาวใช้และมามาที่ติดตามมาของตนเองเลย นางมีเพียงแม่นมคนเดียวเท่านั้นที่จวนไป๋เซี่ยง หลังจากแม่นมเสียไปก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ร่างและเงาก็อยู่กันอย่างแน่นแฟ้น ไม่มีใครมาสนใจนางอีก หิวแล้วก็หากินเอาเอง กระหายน้ำแล้วก็หาน้ำดื่มเอาเอง ในบ้านมีพี่น้องมากมายเต็มไปหมด ท่านพ่อก็งานยุ่งอีก เดาว่าก็คงจะลืมนางไปนานแล้ว คนที่จำนางได้ก็ไม่ได้ใส่ใจนางเลย แทบอยากจะให้นางเป็นไปตามวิถีของมันเองด้วยซ้ำ
สาวใช้และมามาสองสามคนนี้ส่งมาให้นางอย่างกะทันหัน ชื่อก็ไม่รู้จัก แต่ในจวนฉู่หวาง พวกนางก็เป็นคนที่สนิทที่สุดของนางแล้ว ไป๋เชียนฟานก็เลยตั้งสติขึ้นมาจะผูกสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนาง
สาวใช้สี่คนแบ่งออกเป็นชิงเหมย ชิงจือ ชิงผิงและชิงซิ่ว เมื่อก่อนที่จวนไป๋เซี่ยงเป็นพวกที่ทำงานแรงงาน มาถึงที่จวนฉู่หวางก็เปลี่ยนไปเลย กลายเป็นสาวใช้ข้างกายของหวางเฟยไป รู้สึกเหมือนได้ก้าวไปสู่สวรรค์ในก้าวเดียว แต่พวกนางไม่ได้มีความดีใจแม้แต่นิดเดียว เห็นได้ชัดมากเลย ไป๋เซี่ยงเหย่ให้คุณหนูห้ามาแต่งงานกับมัจจุราชอย่างฉู่หวาง เห็นได้ชัดว่าส่งนางมาตาย! แต่อย่าลากพวกนางต้องมารับผิดชอบด้วยนะ......
สาวใช้มากมายต่างไม่ยอมที่จะรับภารกิจนี้ น่าเสียดายที่ฐานะต่ำต้อย ไม่มีที่พึ่ง ได้เพียงยอมให้คนจัดแจง พวกนางตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าการปรนนิบัติคุณหนูห้าเป็นเรื่องเล็ก การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องใหญ่ เพียงแค่หวังว่าหลังคุณหนูห้าตายไปแล้ว ฉู่หวางจะแสดงความเมตตากรุณาให้พวกนางกลับไปที่จวนไป๋เซี่ยงอีกครั้ง
มามาสองคนยิ่งเป็นคนแก่เจ้าเล่ห์เลย ต่างเป็นคนสนิทของฟูเหรินใหญ่ ที่ตามมาที่นี่ทั้งหมดมาดูว่าคุณหนูห้าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ ฟูเหรินใหญ่ไม่ต้องการให้คุณหนูห้าตายอยู่ในจวน ดังนั้นจึงส่งมาที่จวนฉู่หวาง แน่นอนว่าหวังว่าท่ามกลางที่นางถูกฉู่หวางทรมานจะตายได้ไวมากขึ้นหน่อย
แม้ว่าไป๋เชียนฟานจะแสดงความเป็นมิตรสุภาพต่อพวกนาง แม้กระทั่งค่อนไปทางเอาใจบ้าง แต่พวกนางก็ยังคงใช้สีหน้าวาจาที่จวนไป๋เซี่ยงมาปฏิบัติกับนางอยู่ดี เฉยเมย ได้เพียงทำหน้าที่ให้เสร็จๆ ไปก็เท่านั้นเอง
ในใจของไป๋เชียนฟานก็ทราบดีว่าเพียงแค่นางแล้วจะเป็นอย่างไรอีก? อย่างน้อยก็มีคนมาดูแลนางกินดื่มและสุขอนามัย ข้าวยกมายังร้อนอยู่ น้ำหิ้วมาก็ยังอุ่นอยู่ เมื่อเทียบกับคนไร้ตัวตนที่จวนไป๋เซี่ยงแล้ว การปฏิบัติที่นี่นับว่าไม่เลวเลย
ไป๋เชียนฟานพักอยู่ที่หลันเยว่เก๋อแล้ว นางก็ไม่ได้พบกับโม่หรงก่านอีกเลย คนในจวนหวางก็ไม่มาหานางที่นี่ หลันเยว่เก๋อก็เหมือนกับเกาะที่โดดเดี่ยวเกาะหนึ่ง เงียบสงบโดดเดี่ยว ไม่มีชีวิตชีวา
ไป๋เชียนฟานเคยชินกับการเป็นคนไร้ตัวตนไปแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรเช่นกัน ยังไงมีกินมีดื่มมีสถานที่นอนหลับที่สงบก็พอแล้ว พวกสาวใช้เห็นว่านางเป็นคนใจดี ง่ายๆ ก็ค่อยๆ ขี้เกียจขึ้นมา บวกกับมามาสองคนชักจูง การใช้ชีวิตก็เริ่มกลับไปเป็นแบบของจวนไป๋เซี่ยง ไป๋เชียนฟานมีแค่สาวใช้ข้างกาย 4 คนบวกกับมามา 2 คน แต่กลับเปลี่ยนเป็นคนที่โดดเดี่ยวไปเลยอย่างสิ้นเชิง
ไป๋เชียนฟานก้ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ทราบดีว่าตนเองกำลังน้อยและอ่อนแอ และก็ไม่ไปหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขหรอก ความสามารถในการดำรงอยู่ของนางแข็งแกร่งมาก สามารถพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีเพียงสิ่งเดียวที่เสียดายก็คือ หลังจากวันนั้นผ่านไปนางก็ไม่ได้กินข้าวต้มขาวที่หอมเช่นนั้นอีกเลย
วันนั้นห่าวผิงก้วนส่งนางกลับมา พูดเกี่ยวกับระเบียบของจวนหวางให้นางฟังไปมาระหว่างทาง ในตอนนี้นางจึงได้ทราบว่าหวยหลินเก๋อไม่อาจจะไปได้ตามสบายได้ และก็หมายความว่านางไม่สามารถไปหาชีหงเพื่อเอาข้ามต้นกินได้ตามสบายแล้ว
นางก็ทราบดีว่าตนเองซึ่งในฐานะหวางเฟยคนนี้เป็นได้ฝืนทนมาก ฉู๋อ๋องและท่านพ่อไม่ลงรอยกัน แน่นอนว่าไม่มีทางเห็นนางอยู่ในสายตาเป็นแน่ ไม่แน่ว่ายังจะหาเรื่องนางด้วยซ้ำ ทำให้นางตายไม่ได้ต่างอะไรกับการเหยียบมดตัวหนึ่งให้ตายเลย ดังนั้นนางไม่ออกไปจากหลันเยว่เก๋อ นางจะไม่ให้โอกาสฉู่หวาง