12 อย่าพูดถึงคนอื่น
“ปล่อยฉันนะชินอิจิ ฉันจะกลับบ้าน!”
“จะรีบไปไหน ฝนยังตกอยู่เลย” ชินอิจิโน้มตัวลงไปเบียดร่างเล็กชิดกับประตู
ไม่คิดว่าแค่นอนอยู่เฉยๆเธอก็เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหา
“ฉันจะรีบกลับบ้าน ยัยน้ำอยู่บ้านคนเดียว”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เผื่อไอ้พวกนั้นมันดักรออยู่ที่หลังมหา’ลัยล่ะ”
เมนิลาเงียบ ยอมสงบศึกแล้วผลักคนตัวสูงออกพรางกวาดตามองรอบๆห้อง ถ้าจำไม่ผิดตึกนี้น่าจะเป็นห้องรับรองของผู้บริหาร ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าครบครัน รวมไปถึงเตียงนอนขนาดคิงไซส์ตั้งอยู่กลางห้อง
“นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่”
“แค่เปลี่ยนที่เฉยๆ ขี่เกียจขับรถกลับคอนโด”
“ถ้าจำไม่ผิด เมื่อก่อนตึกนี้เป็นห้องรับรองสำหรับผู้บริหารไม่ใช่หรอ”
“นานๆทีพ่อฉันจะมา ฉันก็เลยยึดห้องนี้ซะเลย”
“แล้วนั่น...นายกำลังทำอะไร” เมนิลาชะเง้อคอมองไปทางด้านหลัง เห็นหนังสือภาษาไทยวางอยู่บนโซฟา
“ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ยังเขียนภาษาไทยไม่ค่อยคล่อง พ่อของฉันก็เลยส่งมาที่นี่”
“นาย...เอ่อ...ถูกพ่อส่งมาเรียนที่นี่เพื่อดัดนิสัยไม่ใช่หรอ”
“ห้ะ!! ฉันเนี่ยนะดัดนิสัย?”
“อะ...อืม ก็ฉันได้ยินเพื่อนๆเขาคุยกัน”
“ฉันไม่ใช่คนเหลวแหลกอะไรขนาดนั้นทำไมต้องถูกส่งมาดัดนิสัย ที่พ่อฉันส่งมาเพราะอยากให้มาเรียนภาษาไทยเพิ่มไง ฉันพูดไทยได้แต่ยังเขียนไทยไม่คล่อง”
“แล้วทำไมนายถึงไม่จ้างครูสอนภาษาไทยส่วนตัวล่ะ”
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่านักศึกษาไทยเขาใช้ชีวิตกันยังไงก็แค่นั้น ต่างจากที่ฉันเรียนเยอะเลย”
เป็นครั้งแรกที่เมนิลากับชินอิจิเปิดใจคุยกัน เพิ่งรู้ว่าเขาถูกส่งมาเรียนภาษาไทยเพิ่ม ตอนแรกก็นึกว่าเขาทำตัวเหลวแหลกจนพ่อทนนิสัยไม่ไหวซะอีก
“นายเองก็...ทำตัวแปลกๆเนอะ”
“พูดกับฉันให้มีหางเสียงหน่อย อย่าลืมนะว่าฉันเป็นพี่เธอตั้งสองปีนะ”
“แล้วไงอ่ะ ก็นายอยากมาเรียนพร้อมฉันทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่าพ่อฉันส่งมาเรียนภาษาไทย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านสั่งมา คิดหรอว่าฉันจะกลับมาเมืองไทย”
“มิน่าล่ะ ทำไมนายถึงไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลย ก็เห็นนั่งเล่นมือถือทั้งวัน”
“เธอไม่ใช่ฉันจะไปรู้อะไร ฉันมีหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบนะ ไม่ใช่วันๆเอาแต่นั่งหาวนอน”
“นะ...นี่นายว่าใคร!”
“ก็ว่าเธอนั่นแหละ แอบงีบในห้องเรียนคิดว่าฉันไม่เห็นหรอ”
“งีบแค่สิบนาทีเอง ถึงยังไงฉันก็คือที่หนึ่งของคณะอยู่แล้ว” เธอยู่ปากเข้าหากัน เชิดหน้าขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหลุดขำกับท่าทางมั่นอกมั่นใจ
“งั้นวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจระหว่างประเทศ ก็ขอให้เธอได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งก็แล้วกัน” ชินอิจิเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มเยาะให้อีกฝ่าย
“เด็กทุนอย่างฉัน ไม่เคยตกจากบัลลังก์อันดับหนึ่งหรอก”
“ฉันจะรอดูก็แล้วกัน...แม่คนเก่ง”
เมนิลาชักจะรู้สึกหมั่นไส้สายตาคู่นั้นเหลือเกิน เขาไม่รู้หรือไงว่าเธอเป็นเด็กทุน มีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งของคณะ และทั้งมหาวิทยาลัยก็มีนักเรียนทุนแค่ไม่กี่คน ถ้าไม่ใช่ระดับหัวกะทิจริงๆก็คงสอบชิงทุนเข้ามาเรียนที่นี่ไม่ได้เพราะมีโควต้าแค่คณะละหนึ่งคนเท่านั้น
“ตอนนี้ฝนเริ่มซาแล้ว ฉันกลับบ้านดีกว่า ป่านนี้ยัยน้ำคงรอแย่เลย”
“เธอจะกลับไปในสภาพนี้เนี่ยนะ” ชินอิจิเบ้ปากมองอีกฝ่าย ทำให้เมนิลาเพิ่งนึกได้ว่าเสื้อนักศึกษาที่เธอสวมใส่ขาดหวิ่นจนเห็นชุดชั้นในสีดำ
มิน่าล่ะ! ทำไมชินอิจิถึงมองแต่หน้าอกเธอ
“จะปิดทำไม มากกว่านี้ฉันก็เห็นมาแล้ว”
“เลิกลามกสักทีได้ไหม เรื่องวันก่อนก็ยังไม่เคลียร์เลยนะ”
“ทำไมจะไม่เคลียร์ เรายังเหลืออีกตั้งสี่ครั้งไม่ใช่หรอ”
“นี่ฉันถามตรงๆเถอะ นายมีความสุขมากใช่ไหมที่ได้แกล้งฉัน มีความสุขมากใช่ไหมที่เห็นฉันเจ็บปวดเพราะการกระทำบ้าๆของนาย”
“ฉันไม่ได้แกล้งเพื่อความสะใจ”
“นายทำเพื่อความสะใจ หลอกล่อให้ฉันมีอะไรกับนาย นี่ถ้าพ่อกับแม่ฉันยังอยู่ ท่านคงเสียใจมากที่ฉันกลายเป็นของเล่นพวกคนรวย”
“เธอฟังฉันนะ” ชินอิจิดึงร่างเล็กเข้าหาตัว สบตากับเธอด้วยสีหน้าตึงเครียด “การที่คนเราแกล้งกันไม่ใช่เพราะความสะใจอย่างเดียว แต่มันอาจจะมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่”
“อะไรล่ะ นายก็พูดมาสิ”
“...ฉันพูดไม่ได้”
“งั้นก็ปล่อย ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
“ไม่ได้ เรายังเหลืออีกตั้งสี่ครั้งนะ มาเริ่มครั้งที่สองกันเถอะ”
“วันนี้ฉันยังไม่พร้อม ฉะ...ฉันยังเจ็บอยู่เลย” พอพูดถึงเรื่องนี้เมนิลาก็รีบเบี่ยงหน้าหนี จู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ
“ครั้งแรกใครๆก็เจ็บกันทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็ชินเอง”
“ฉันไม่มีทางชินหรอก เพราะความบริสุทธิ์ที่ฉันเก็บไว้ให้ผู้ชายที่ฉันชอบ ถูกนายพรากไปหมดแล้ว จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไง”
ฉับพลันสีหน้าของชินอิจิก็เปลี่ยนไปเมื่อเมนิลาพูดถึงอีกคน เหมือนเขากำลังโกรธ
“เสียใจมากใช่ไหมที่ผู้ชายคนแรกของเธอเป็นฉัน” น้ำเสียงของชินอิจิเปลี่ยนไปจนเมนิลาเริ่มกลัว
กลัวว่าจะเป็นเหมือนวันนั้น
“ชะ...ชินอิจิ”
“อยู่กับฉันแต่ดันพูดถึงคนอื่น อย่าลืมนะว่าเธอเป็นลูกหนี้ฉันอยู่ และตอนนี้ฉันก็คือเจ้าชีวิตของเธอ”
“นายไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน และฉันจะพูดถึงใครนายก็ไม่มีสิทธิ์โกรธ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน!”
“ให้พูดอีกที”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน...อ้ะ!!” มือแข็งป่านคีมเหล็กตะปบเข้าที่แก้มใส กระชากใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ๆ ดวงตาคมกริบฉายแวววาวโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บ!”
“ปากดีกับฉันอีกแล้วนะ รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงอวดดี”
คนตัวสูงดันร่างเล็กไปติดกับกำแพงห้อง มือหนาบีบไหล่เล็กทั้งสองข้างไม่ให้เธอดิ้นหลุดไปไหน ริมฝีปากร้อนแรงรีบก้มลงมาประกบทันทีทำให้คนตัวเล็กออกแรงดิ้นยกใหญ่ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นหลั่งไหลเข้ามาจนร่างสั่นระริก และยิ่งไปกว่านั้นเขายังสอดลิ้นอุ่นๆเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นเรียวเล็ก ยิ่งต่อต้าน เขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจนเจ็บแสบไปทั้งริมฝีปาก
ไม่นานเสื้อนักศึกษาก็ถูกกระชากออกเผยให้เห็นหน้าอกอวบใหญ่ภายใต้บราเซียสีดำตัดกับผิวขาวเนียน สองมือบีบเค้นหน้าอกอวบอย่างรุนแรงก่อนจะชิมความหอมหวานด้วยริมฝีปากร้อน
ดูดดึง...ขบเม้มจนเกิดรอยแดง
และสัมผัสก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอไม่ยอมคล้อยตามสักที
“ฉะ...ฉันเจ็บ~”
“บอกแล้วไงว่าอย่าต่อต้าน”
“แต่ฉันไม่พร้อม”
“จะพร้อมก็ต่อเมื่อ....เป็นผู้ชายคนนั้นใช่ไหม” เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ ทำให้เมนิลานิ่งเพราะอีกฝ่ายกำลังประชดประชัน
แต่สุดท้ายเมนิลาก็เลือกที่จะท้าทายอีกฝ่ายเพราะอยากให้เขารู้ไว้ว่า เธอไม่ใช่ของเล่นของใคร และเขาก็ไม่ใช่เจ้าชีวิตของเธอ
“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”
กึก!
ร่างสูงหยุดการกระทำทันที ตวัดตาดุจัดมองอีกฝ่าย ทำให้เมนิลาเริ่มรู้สึกหายใจไม่เต็มอิ่ม
“...ก็ถ้าเธอไม่โบ๋ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปเด็ดขาด!”
แคว่กกก!!