02 ตุ๊กตาหน้าสวย
หลังจากที่สถานการณ์สงบลงเมนิลาค่อยๆโผล่ออกมาจากห้องน้ำ แต่พอเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังตึกบอกเวลา 08.10 น. เธอก็รีบวิ่งแจ้นไปที่ห้องเรียนทันที
กึก!
แต่พอมาถึงห้องเรียนก็ต้องชะงักเพราะเหลือบไปเห็นชายร่างสูงผมยาวประบ่ายืนอยู่หน้าห้องคู่กับอาจารย์ ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้คือนักศึกษาใหม่ที่บรรดาผู้หญิงยืนกรี๊ดอยู่หน้าห้องน้ำ
ดวงตากลมโตเหลือบมองสักพักแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วหันไปคร่อมตัวให้อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”
“เธอหายไปไหนมาเมนิลา! รู้ตัวหรือเปล่าว่ามาสาย”
“พอดีหนูท้องเสียกะทันหันค่ะอาจารย์” เธอยิ้มแห้งๆให้อาจารย์ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าชายร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าห้องกำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ จนรู้สึกแปลกๆ
“เด็กทุนอย่างเธอถ้ามาสายอีกระวังจะถูกใบเตือนนะ”
“ค่ะอาจารย์ คราวหน้าหนูจะไม่มาสายอีกแล้วค่ะ”
“ไปนั่งได้แล้ว” อาจารย์บอกเสียงดุ
เมนิลาคร่อมร่างให้อย่างเคารพก่อนจะเดินผ่านหน้าชายร่างสูงไป แต่ก็สัมผัสได้ว่าสายตาคมคู่นั้นกำลังมองตาม แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจ เดินไปนั่งประจำที่ของตัวเองแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
สายตาคมคู่นั้นเหลือบมองไปที่ร่างบางเป็นระยะๆ
“ชินอิจิเชิญเลือกที่นั่งได้เลยนะ อยากนั่งตรงไหนเดี๋ยวอาจารย์ให้แม่บ้านมาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะให้” เสียงของอาจารย์เปลี่ยนไปจากตอนที่คุยกับเมนิลา
“ครับ” ร่างสูงขานรับเสียงเบาด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะกวาดตามองหาโต๊ะว่าง จนกระทั่งเจอเป้าหมายนั่นก็คือโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่าง
ทุกสายตาจับจ้องไปยังนักศึกษาคนใหม่ก่อนที่ทุกคนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะเขาหยุดอยู่ที่โต๊ะของเมนิลา ทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสือค่อยๆเงยหน้าขึ้น จนทั้งสองเผลอสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันจะนั่งตรงนี้”
“ว่าไงนะ!”
“ฉันเลือกตรงนี้” เขาพูดเสียงเบาก่อนจะหันไปบอกอาจารย์ ทำให้ท่านถึงกับหน้าถอดสี “ผมขอนั่งตรงนี้ครับ”
“แต่ว่าโต๊ะนั้นเมนิลานั่งแล้วนะชินอิจิ อาจารย์ว่า...เอ่อ...เปลี่ยนไปนั่งกลางห้องดีกว่าไหม”
“ผมเลือกตรงนี้แล้ว เพราะผมชอบนั่งริมหน้าต่าง"
“เอางั้นเลยหรอ” อาจารย์ยิ้มแห้งๆทำอะไรไม่ถูกก่อนจะหันไปสั่งเมนิลา “เมนิลาลุกขึ้น! ที่ตรงนั้นเป็นของชินอิจิ เธอเปลี่ยนมานั่งกลางห้องก็แล้วกัน”
“ว่ายังไงนะคะ หนูนั่งตรงนี้มาตั้งนาน ก็ให้เขาไปนั่งที่อื่นสิคะ”
“เด็กทุนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เถียง รู้หรือเปล่าว่าชินอิจิคือลูกชายของผู้บริหาร ถ้าไม่อยากมีปัญหา ก็ทำตามที่อาจารย์สั่งซะ!”
“แต่แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ ถึงหนูจะเป็นเด็กทุน แต่หนูก็ทำประโยชน์เพื่อมหา'ลัยก็แล้วกัน” เมนิลาตวัดดวงตากลมโตกลับมาที่ชายร่างสูงด้วยความโกรธจัด “ที่อื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมนายไม่เลือก!”
“...” ไร้เสียงตอบกลับจากเขา
แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อชินอิจิกระชากร่างของเมนิลาขึ้น แล้วแทรกตัวนั่งลงอย่างหน้าตาเฉย ทำให้เมนิลากัดฟันกร๊อดด้วยความไม่พอใจ ยืนอึ้ง ทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน
“นายลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่มันที่ของฉัน!”
“ที่ของเธองั้นหรอ....” เสียงเบาหวิวเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป
แต่สักพักทุกคนในห้องก็ต้องร้องเสียงหลงเป็นครั้งที่สอง เพราะชินอิจิกระชากร่างบางให้นั่งลงบนตักพร้อมกับใช้ท่อนแขนรัดเอวคอดกิ่วเอาไว้ ทำให้เธอดิ้นขลุกๆพยายามดันตัวออก
“ถ้าเธอไม่ยอม งั้นเราก็คงต้องนั่งโต๊ะเดียวกัน”
“ปล่อยนะไอ้บ้า! ทำแบบนี้ได้ยังไง” พอตั้งสติได้เมนิลาก็รีบดันตัวออก ใบหน้าแดงก่ำเพราะกำลังโกรธ
กล้าดียังไงถึงมากอดเธอ!
“อะ...เอ่อ....เมนิลา อาจารย์ว่าเธอเปลี่ยนมานั่งกลางห้องดีกว่านะ” อาจารย์เองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ส่วนเพื่อนในห้องก็นั่งอึ้งไปตามๆกัน
เมนิลาตัดปัญหาด้วยการย้ายที่นั่ง แต่ก็ยังใกล้คนโรคจิตอยู่ดี และในระหว่างที่เธอกำลังนั่งเรียนอยู่ก็รู้สึกว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นคอยมองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา จนแทบไม่เป็นอันร่ำอันเรียน ทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียนเริ่มอึดอัด
นอกจากชินอิจิจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือแล้ว เขายังเล่นเกมส์ในระหว่างที่มีการเรียนการสอนอีกด้วย แต่ก็ไม่มีอาจารย์คนกล้าตักเตือนเพราะทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
กริ๊งงงง!!
เมนิลารีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋าทันทีที่เสียงกริ๊งดังขึ้น แต่ก่อนกลับเธอก็เหลือบไปมองชายนั่งสูงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พบว่าตอนนี้เขากำลังนอนหลับอยู่
ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อถึงส่งมาดัดนิสัย
ที่หญิงสาวเลือกปั่นจักรยานไป-กลับเพราะบ้านของเธอไม่ได้ห่างจากมหาวิทยาลัยมาก หลังเลิกเรียนก็ต้องไปแจกใบปลิวต่อที่สวนสนุกต่อ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบหนึ่งทุ่ม
เธอทำแบบนี้เป็นประจำ เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินประทังชีวิต
เดิมทีครอบครัวของเธออยู่ด้วยกัน 4 คนพ่อ แม่ และลูกอีกสองคน แต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วพ่อกับแม่ของเธอดันเกิดอุบติเหตุทางรถยนต์และจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้ภาระต่างๆตกมาอยู่ที่เธอเพียงคนเดียวเพราะน้องสาวป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด ต้องไปพบหมอเป็นประจำทุกเดือน
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเดินไปยังโรงเก็บรถหลังมหาวิทยาลัย ปรากฏว่าจักรยานคันเก่าคู่ใจของเธอดันหายไป!
“เป็นไปได้ยังไง เมื่อเช้าฉันก็จอดไว้ตรงนี้ไม่ใช่หรอ!”
หญิงสาวเดินหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ อุตส่าห์ล่ามโซ่ไว้อย่างดี แล้วใครกันที่เอาจักรยานของเธอไป
ในระหว่างที่กำลังเดินหาจนวุ่น จู่ๆก็มีรถลีมูซีนคันหรูวิ่งเข้ามาขวางหน้าพร้อมกับคนที่นั่งอยู่ข้างหลังค่อยๆลดกระจกลง
เธอจำได้...รถคันนี้คือรถที่เธอขับชนเมื่อเช้า
“หาเศษเหล็กอยู่หรอ”
“นาย!” ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนายชินอิจิลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัย
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรนักหนา หรือว่า...เป็นเพราะเมื่อเช้าเธอขับรถชนรถของเขา!
“นายเอาจักรยานฉันไปใช่ไหม”
“แบบนี้ที่บ้านฉันเรียกเศษเหล็ก”
“จะเรียกอะไรก็ชั่งนายเถอะ คืนจักรยานมาให้ฉันได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานต่อ!”
“ทำงานหรอ งานอะไร?”
”ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย คืนจักรยานมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าจำไม่ผิด เมื่อเช้าเธอขับรถชนรถของฉันใช่ไหม”
“อะ...เอ่อ....ใช่! แต่เรื่องมันจบไปแล้วไม่ใช่หรอ”
“เปล่าหรอก เรื่องนี้ยังไม่จบ....แต่มันเพิ่งเริ่มต่างหาก”
แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อ แต่เธอก็ไม่เหลือเวลาให้ต่อปากต่อคำ เพราะถ้าไปสายจะถูกหักเงินนาทีละสิบบาท นี่ก็ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้ว
“คืนจักรยานมาให้ฉันเถอะ ส่วนเรื่องรถเราค่อยคุยกันทีหลังนะ เพราะฉันไม่มีเวลาแล้ว!” เธออ้อนวอนทางสายตา
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม มองหน้าสวยที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเจอผ่านกรอบแว่นสีชา ก่อนจะหันไปสั่งให้คนขับรถนำจักรยานคันเก่าไปคืนเธอ
ไม่คิดว่าการที่บิดาส่งมาเรียนภาษาไทยที่เมืองไทยจะทำให้เขาได้เจอ...ตุ๊กตาหน้าสวย
ชักจะไม่อยากกลับญี่ปุ่นแล้วสิ!