บท
ตั้งค่า

01 แรกพบ

@มหาวิทยาลัยอินเตอร์เนชั่นแนล M

ปรี๊ดด!!ปรี๊ดด!!

เสียงบีบแตรรถดังไม่หยุดเพราะวันนี้การจราจรหน้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างติดขัด สักพักก็มีรถลีมูซีนจำนวน 3 คันเลี้ยวผ่านประตูเข้ามา ซึ่งที่นี่ถูกจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีค่าเทอมแพงที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 อีกด้วย ดังนั้นนักศึกษาที่เข้ามาเรียนล้วนเป็นลูกของผู้มีอันจะกินกันทั้งนั้น ทั้งลูกนักธุรกิจพันล้านเอย ลูกนักการเมืองเอย รวมไปถึงลูกของเหล่าดาราเซเลบเอย ต่างก็ถูกส่งมาเรียนที่นี่

แต่จะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่เป็นแกะดำแตกต่างจากคนอื่น

เมนิลา หรือ ลูกหมี สาวน้อยหน้าใสวัย 22 ปี ที่สามารถสอบชิงทุนและเข้ามาเรียนที่นี่ได้เพราะความเฉลียวฉลาด และเธอยังเป็นบุคคลที่มีคะแนนสอบสูงที่สุดในคณะอีกด้วย

แต่ด้วยความที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น เมนิลาจึงเลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียวเพราะไม่อยากสุงสิงกับใคร และก็ไม่มีใครอยากสุงสิงกับเธอเหมือนกัน

เธออดทนทำงานส่งตัวเองเรียนจนกระทั่งเหลืออีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น ความฝันก็จะเป็นจริงแล้ว

“ทำไมวันนี้รถติดจังนะ” เสียงบ่นดังออกมาจากริมฝีปากบาง หญิงสาวรูปร่างอรชรอยู่ในชุดนักศึกษากลางเก่ากลางใหม่ ควบจักรยานคู่ใจคันเก่าที่พ่อทิ้งไว้ให้ พอชะโงกหน้าออกมามองก็เห็นรถหรูหลายคันจอดติดไฟแดงอยู่

ด้วยความที่มีเวลาไม่มากเพราะวันนี้มาสาย เธอจึงปั่นจักรยานแซงขวาขึ้นไปก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยความรีบทำให้เธอไม่รู้ว่ามีรถลูมูซีนจอดอยู่ข้างหน้า จักรยานคันเก่าจึงเฉี่ยวชนท้ายรถเข้าอย่างจัง

โคร่มม!!

“เฮ้ยยย!!” เสียงของคนขับสบถดังออกมาข้างนอก

เมนิลาพอรู้ตัวว่าเผลอไปเฉี่ยวท้ายรถหรูราคาหลายสิบล้านเข้า ถึงกับหน้าถอดสี ถ้าประเมินจากสายตา รอยแค่นี้น่าจะหมดหลายแสน  

สักพักคนขับรถก็เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด ก่อนจะเดินมาดูร่องรอยที่เพิ่งถูกเฉี่ยวชน ทำให้เมนิลาตัวสั่นระริกเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่แค่สองร้อย

“ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้ไหมว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่!” คนขับรถตวาดลั่นจนคนแถวนั้นหยุดมอง

เมนิลากลัวจนทำตัวไม่ถูก เพราะผู้ชายคนนี้ท่าทางน่ากลัวมาก เหมือนลูกน้องมาเฟียยังไงก็ไม่รู้ แล้วถ้าเกิดเขาให้เธอรับผิดชอบ จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย ขายไตสองข้างก็ยังไม่พอเลย

“นะ...หนูขอโทษค่ะ หนูไม่รู้ว่ารถของคุณจอดอยู่ตรงนี้”

“จะรีบไปหาแม่เธอหรอ รู้หรือเปล่าว่ารถคันนี้เป็นรถของใคร!”

“มะ...ไม่รู้ค่ะ”

“รถคันนี้เป็นรถของผู้บริหารมหาลัยที่เธอเรียนอยู่นี่ไง รู้แบบนี้แล้วจะมีปัญญาจ่ายค่าเสียหายหรือเปล่า”

“ว่าไงนะคะ! ระ...รถผู้บริหารงั้นหรอ” เมนิลาเบิกตาโพลง หน้าซีดเข้าไปทุกที

ซวยแล้วไงเมนิลาเอ้ย! แบบนี้ต้องโดนไล่ออกแน่ๆ

“ตอบมาว่าเธอจะชดใช้ค่าเสียหายยังไง รอยแค่นี้น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าแสน”

“ห้าแสนเลยหรอคะ! คือว่า...เอ่อ...หนูไม่มีเงินเลยค่ะ ตอนนี้มีติดตัวแค่สองร้อย”

“กระจอกแบบนี้ทำไมถึงกล้ามาเรียนที่นี่ล่ะ แล้วแบบนี้จะมีปัญญาจ่ายค่าเสียหายหรือเปล่า”

“งั้นหนูขอผ่อนจ่ายเดือนละร้อยได้ไหมคะ”

“เหอะ! ผ่อนจ่ายเดือนละร้อย แล้วชาติไหนจะหมด”

“หนูมีแค่นี้จริงๆค่ะ ลำพังรายได้จากการแจกใบปลิวก็แค่วันละสามร้อยเอง หนูยังต้องหาเงินไปจ่ายค่ายาให้น้อง....”

“สตอรี่บ้านจนมาอีกแล้ว” เสียงหลุดขำดังออกมา ไล่มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหน้าไปมา “ดูจากสภาพแล้วคงไม่มีปัญญาจ่าย งั้นฉันคงต้องไปคุยกับผู้บริหารแล้วแหละ”

“อย่าให้เรื่องถึงผู้บริหารเลยนะคะ ถือว่าหนูขอร้อง เห็นใจหนูเถอะนะ อีกเทอมเดียวก็จะจบแล้ว หลังจากนั้นหนูจะหางานทำแล้วหาเงินมาใช้หนี้ ได้โปรดเถอะค่ะ~” เมนิลายกมือไหว้อ้อนวอน ร้องขอความเห็นใจ เพราะลำพังเงินที่ได้จากการแจกใบปลิวยังแทบไม่พอกินเลย

เงินห้าแสนสำหรับคนรวยอาจจะฟังดูน้อย แต่สำหรับเธอมันมากพอที่จะประทังชีวิตได้หลายปีเลยแหละ

“เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด งั้นวันนี้ฉันคงโดนไล่ออกสิถ้า.…” คนขับรถสาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเมนิลารีบถอยหลังกรู่ด้วยความกลัว จนกระทั่งมีเสียงเข้มของคนที่นั่งอยู่ในรถดังแทรกขึ้นมา

“ขึ้นรถได้แล้ว ชักช้าอยู่ได้!”

เสียงนั้นทำให้คนขับรถที่กำลังมุ่งร้ายชะงัก แล้วหันหลังเดินกลับเข้ารถ เมนิลาถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างโล่งอก

ขอบคุณเสียงสวรรค์ที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ ไม่งั้นวันนี้คงแย่แน่ๆ

แต่คนขับรถก็ไม่วายเปิดกระจกลงแล้วพูดกับเธอ

“ถือว่าเป็นโชคดีของเธอที่นายน้อยไม่เอาเรื่อง”

เมนิลารู้สึกอยากขอบคุณเหลือเกินที่ผู้ชายคนนั้นไม่เอาเรื่อง รวยแล้วยังใจดีแบบนี้ค่อยน่าส่งเสริมหน่อย

ในจังหวะที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเป็นจังหวะเดียวกับที่เมนิลากำลังดึงจักรยานคันเก่าขึ้นมาจากพื้น ชายหนุ่มใบหน้าหวานฉ่ำ ผิวขาวเนียนละเอียดผิดแผกชายไทย ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยประบ่ารับกับใบหน้าเรียวยาวได้รูป ดวงตาคมเข้มคู่นั้นถูกปกปิดด้วยแว่นสีชา มองการกระทำของคนตัวเล็กไม่วางตา

คนข้างนอกไม่มีทางรู้ว่ากำลังถูกสายตาคมเข้มของใครบางคนจ้องมองอยู่ จนกระทั่งตัวรถเคลื่อนห่างออกไปเรื่อยๆแต่เขาก็ยังไม่หยุดมอง

เมนิลากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนกระทั่งมาถึงตัวอาคารก่อนเวลาเข้าเรียนสิบนาที แต่เธอก็ต้องพบกับความแปลกใจเพราะมีบรรดากลุ่มนักศึกษายืนออกันอยู่ตรงทางเดินจนไม่มีที่ให้แทรกไป ก่อนที่หูจะแว่วได้ยินเสียงเพื่อนๆคุยกัน

“ได้ยินข่าวว่ามีนักศึกษาใหม่ย้ายเข้ามาเรียนที่คณะเราด้วยแหละ เป็นถึงลูกชายเพียงคนเดียวของผู้บริหาร หล่อรวยเพอร์เฟ็ค ครบสูตรเลย”

“วันก่อนเพื่อนคณะบัญชีแอบไปส่องไอจีของเขามา บอกเลยว่าหล่อมาก หล่อยังกะดาราเกาหลี ผิวเนี่ยนะ เราสองคนรวมกันยังไม่ขาวเท่าเขาเลย”

“นี่แหละหนาลูกมหาเศรษฐี ใช้แต่ของแบรนด์เนม ชีวิตดี๊ดีอ่ะแก รวยกว่าลูกเจ้าสัวอีก”

“แต่บางคนก็บอกว่าเขาอายุเยอะกว่าเราสองปี แต่ที่ต้องมาเรียนเพราะพ่อส่งมาดัดนิสัย ไม่แน่นะ อาจจะมีรักแท้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยก็ได้”

“สาธุ ขอให้คนคนนั้น เป็นฉันด้วยเถ้อ!”

เมนิลาถึงกับทนฟังต่อไม่ไหว นึกว่าเรื่องอะไร ก็แค่นักศึกษาใหม่ย้ายเข้ามา จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น

หญิงสาวเลือกที่จะเข้าไปหลบในห้องน้ำ รอให้นักศึกษาที่ยืนออกันอยู่ตรงทางเดินออกไปหมดเสียก่อน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังจนแสบแก้วหู พอชะโงกหน้าออกมาจากประตูก็เห็นแค่แผ่นหลังของใครบางคนกำลังถูกรุมล้อมด้วยกลุ่มผู้หญิง แถมยังมีบอดิการ์ดเดินตามหลังอีกสามคน

นี่มันลูกชายมาเฟียชัดๆ

แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ มองจากข้างหลังยังรู้ว่าผิวของเขาต้องขาวออร่ามากแน่ๆ และที่สำคัญเขาดูตัวสูงมากน่าจะเกือบๆ 190 เซนติเมตร

แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาประเมินใครแล้วเพราะข้าศึกกำลังจะโจมตี คงเป็นเพราะข้าวต้มค้างคืนที่อุ่นกินเมื่อเช้าแน่ๆ

ทำไงได้ล่ะ ก็ของมันเหลือเลยเสียดาย...สุดท้ายก็ออกหมดไส้หมดพุง

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel