บทที่ 2 การมาถึงของเสี่ยวเสวี่ย - 1
หลังจากกราบไหว้สักการบูชาเทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ในเทวาลัยบนเขาในเมืองอี๋เสร็จเรียบร้อย บรรดาสตรีจวนตระกูลจ้าวก็พากันลงจากเขา พวกนางพากันออกเดินทางกลับเมืองหลวงทันทีโดยไม่ได้อยู่พักค้างคืนต่อ ด้วยเพราะต้องเดินทางอีกราวสามวันกว่าที่พวกนางจะพากันถึงเมืองหลวง
โชคดีที่ตลอดระยะเวลาที่พวกนางพากันไปสักการะเทวรูปที่เมืองอี๋นั้น จ้าวเสวี่ยไม่อยู่ที่เมืองหลวง เนื่องด้วยอีกฝ่ายตามเสด็จฮ่องเต้ไปยังแดนใต้ของแคว้นอันเพื่อออกเยี่ยมราษฎร ทำให้เป็นโอกาสดีที่พวกนางจะพากันออกจากจวนกันได้ทุกคน ทั้งยังไม่ต้องพากันห่วงหน้าพะวงหลังอีกด้วย
“โชคดีที่ท่านพี่ยังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้พากันถูกตำหนิอีกเป็นแน่ ที่ยกโขยงกันไปโดยไม่มีใครเฝ้าจวนสักคน” หม่าชิงจูเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก
อู๋เยว่ฉินไม่ได้เอ่ยอะไรตอบอีกฝ่าย แต่สั่งการให้อนุทุกนางกลับไปพักผ่อนยังเรือนของตนเอง รวมไปถึงหม่าชิงจูด้วย
“เจ้าค่ะ ฮูหยินก็พักผ่อนดีๆ นะเจ้าคะ ข้าขอตัวก่อน”
“อืม...ไปเถอะ”
คล้อยหลังเมื่ออีกฝ่ายจากไป อู๋เยว่ฉินก็เดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวของตนเองภายในเรือนหลังใหญ่ทางปีกซ้ายของจวน
ร่างงามนั่งลงหน้าที่กระจกก่อนหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเบาๆ ที่นิ้วมือของตนเองตรงรอยแผลที่ได้มาเมื่อสามวันก่อน
ไม่น่าเชื่อเลยว่าลำพังแค่ก้านธูปบาดจะทำให้เกิดแผลลึกได้ถึงเพียงนี้
“ฮูหยิน กลับมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เป็นแม่นมโม่ที่เอ่ยถามขึ้น อีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ที่ติดตามอู๋เยว่ฉินมาจากตระกูลเดิม
“ก็ดี...ลำบากดี เดินขึ้นเขาจนนับก้าวได้ไม่ถ้วนเชียวล่ะ” อู๋เยว่ฉินเอ่ยตอบโดยไม่ได้เงยหน้ามองผู้เป็นแม่นม
ความลำบากนี้ของนางหากจะโทษก็ต้องโทษที่จ้าวเสวี่ยไร้น้ำยาทำให้ไร้บุตร เดือดร้อนนางต้องเที่ยววิ่งหากราบไหว้รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากจะสาวความขึ้นไปอีกก็ต้องโทษที่สกุลอู๋ต้องการอำนาจของสกุลจ้าวเพื่อผลักดันพี่ชายของนางจนทำให้นางต้องแต่งให้กับบุรุษไร้น้ำยาผู้นั้น และถ้าจะสาวหาต้นตอขึ้นไปอีกนิดก็คงต้องโทษที่นางเกิดมาเป็นสตรีหาใช่บุรุษ
“เช่นนั้นบ่าวจะให้สาวใช้นำน้ำอุ่นมาให้แช่เท้านะเจ้าคะ”
“อืม” อู๋เยว่ฉินตอบสั้นๆ และไม่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น จนเมื่อสาวใช้สองนางนำน้ำอุ่นมาให้แช่เท้าพร้อมๆ กับการมาขอพบนางของพ่อบ้านจาง
พ่อบ้านจางเป็นพ่อบ้านของตระกูลจ้าว หน้าที่ทำบัญชีของร้านค้าต่างๆ ของตระกูลรวมไปถึงบัญชีของจวน นอกจากนางแล้วก็มีพ่อบ้านจางช่วยดูแล
“ขออภัยที่ข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของฮูหยิน”
“ไม่เป็นไร พ่อบ้านจางเชิญว่าธุระมาเถิด” อู๋เยว่ฉินเอ่ยบอกก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ภายในโถงรับรองของเรือนหลัก
“ขอรับ”
จากนั้นพ่อบ้านจางก็เอ่ยพูดคุยกับจ้าวฮูหยินเกี่ยวกับเรื่องบัญชีต่างๆ ก่อนจะตบท้ายด้วยการแจ้งข่าวให้ทราบว่าอีกประมาณสี่วันขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็จะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว นั่นก็หมายความว่าจ้าวเสวี่ยก็จะเดินทางกลับมาแล้วเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านจางที่แจ้งข่าว”
“เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ” คนเป็นพ่อบ้านรับคำ “เช่นนั้นหากฮูหยินไม่มีอะไรจะสั่งงาน ข้าน้อยขอตัวก่อน”
“ไปเถอะ”
อู๋เยว่ฉินลอบถอนหายใจออกเบาๆ การได้ยินว่าสามีผู้แก่กว่านางถึงยี่สิบสามปีผู้นั้นกำลังจะกลับมาเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสร้างความรื่นรมย์ให้กับนางเท่าไหร่นัก
สาบานต่อสวรรค์ นางไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ที่ได้สามีแก่กว่าตนเองถึงยี่สิบสามปี สำหรับนางอายุเป็นเพียงตัวเลขที่บ่งบอกว่าคนเราผ่านร้อนผ่านหนาวมานานแค่ไหนแล้วเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของความรู้สึกเลยสักนิด
คนเราหากรักใคร่กันจริงแท้ ไฉนเลยจะสนใจเรื่องอายุ
แต่นรกมันเถอะ!