บทที่ 2 สาวใช้จอมจุ้น (2)
มือใหญ่ที่จับปากกาด้ามสีทองไว้ในมือหมุนไปมาบนโต๊ะอย่างขบคิดระหว่างที่อ่านตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนแฟ้มหนาสีน้ำเงินเข้ม คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อกวาดตาอ่านจนจบบรรทัดสุดท้ายก่อนที่เขาจะตวัดปลายปากกาแหลมเล็กเซ็นชื่อตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจออกมาเมื่อปิดแฟ้มลงแล้ววางปากกาลงบนโต๊ะทำงาน หลังกว้างพิงกับพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ ดวงตาคู่คมมองไปที่หน้าบานประตูห้องที่ปิดสนิทแต่ความคิดกลับล่องลอยไปหาใครบางคน
ท่าทางเฉิ่มๆแต่งตัวเชยๆของสาวใช้คนใหม่ลอยเข้ามาในห้วงนึก ตัวนิ่มๆหุ่นบางๆที่ล้มลงใส่ตัวเขาเมื่อเช้านี้ และเรียวปากจิ้มลิ้มแต่หวานฉ่ำ
แล้วทำไมเขาจะต้องไปนึกถึงเธอด้วย!
คอยดูก็แล้วกันนะยัยสาวใช้คนใหม่ เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอออกไปจากชีวิตเขาให้ได้
รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ในขณะที่ดวงตาคู่คมสว่างวาบอย่างมั่นใจว่าเขาจะต้องกำจัดเธอให้ออกไปจากทางเดินชีวิตของเขาได้อย่างแน่นอน ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆจางหายไปเมื่อประตูห้องทำงานส่วนตัวของเขาเปิดผ่างออกพร้อมกับร่างบางของลันตาที่ถลันเข้ามา
“มาทำไม” เขาถามเสียงเครียดทันที ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เลขาสาวสวยหน้าห้องรีบวิ่งตามหลังลันตาเข้ามา
“ขอ ขอโทษค่ะ” เอรินรีบขอโทษขอโพยเสียงสั่น “ดิฉันห้ามเขาแล้ว แต่เขายืนยันว่าจะขอพบคุณให้ได้น่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเอริน คุณออกไปก่อน” ธนัตพูดเสียงเรียบ ดวงตาคู่คมจ้องมองร่างบางที่สวมกางเกงขาสั้นแค่คืบสีตุ่นๆกับเสื้อยืดตัวเล็กสีม่วงเข้ม
“ค่ะๆ” เอรินก้มหน้าก่อนจะปรายตามาทางลันตานิดหนึ่งแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะงับประตูปิดไว้เหมือนเดิมด้วย
“มาทำไม” เขาถามห้วนๆเมื่อได้อยู่ตามลำพังกับเธอแล้ว
“มาเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณค่ะ ต้องการอะไรก็เรียกใช้ได้ทุกเวลา” ลันตาตอบเสียงดังฟังชัด ในขณะที่ชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูง
“งั้นก็เชิญเธอกลับไปได้ เพราะถ้าไม่มีเธอ ฉันจะสะดวกมากกว่านี้” เขาสะบัดมือไล่อย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจ เล่นเอาลันตาชักจะโมโหขึ้นมาบ้าง
“ฉันไม่ไป”
“ออกไป”
“คุณอย่ามาไล่ฉันนะ”
“ฉันมีสิทธิ์”
“คนที่จะไล่ฉันได้ มีเพียงคุณทัศนีย์เท่านั้น” หญิงสาวยืนกรานเสียงแข็ง ในหัวมีแต่เงินแบงค์พันปลิวว่อนเต็มหัว และเพราะเหตุนี้นี่เองเธอถึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆจนกว่าจะได้เงินห้าหมื่นมาครอบครอง
“เหรอ” ดวงตาสีสนิมเหล็กหรี่ลงอย่างครุ่นคิด แต่พอเห็นคนตัวเล็กยังคงยืนกอดอกทำหน้าเชิดไม่สนใจต่อคำไล่ของเขา เขาก็ชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ค่ะ”
“งั้นเธอไปเอากาแฟมาให้ฉันหน่อย”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างแข็งขันก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องเขาโดยมีสายตาคู่คมมองตามหลังเธอไปด้วยแววตาแปลกประหลาดก่อนที่ชายหนุ่มจะถอยหลังเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมพร้อมเปิดแฟ้มเอกสารแฟ้มใหม่ขึ้นมาอ่านโดยพยายามปัดใบหน้าของลันตาออกไปจากความคิดแล้วตั้งสมาธิให้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
จนเวลาผ่านไปเกือบ20นาทีนั่นแหละ ประตูห้องทำงานของเขาถึงได้เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าจืดๆของสาวใช้คนใหม่ที่โผล่เข้ามา
“เกือบลืมไปแล้วว่าฉันสั่งให้เธอเอากาแฟมาให้” ชายหนุ่มประชดก่อนจะนึกขันในใจเมื่อเห็นลันตาค้อนควักให้เขา
“เชิญค่ะ เจ้านาย” เธอพูดเสียงกระแทกก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“มียาแก้ท้องเสียมาให้ฉันด้วยหรือเปล่า” เขาถาม
“ไม่มีค่ะ แต่ถ้าคุณท้องเสียเพราะกาแฟขึ้นมาจริงๆเดี๋ยวฉันจะออกไปหาซื้อแพมเพิสให้”
“ปากดี” ธนัตพูดเสียงหนักพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้ววางแก้วลงตามเดิม
“ไม่ได้เรื่อง” เขาตำหนิออกมาตรงๆ
“ไม่ได้เรื่องอะไรกันคะ ก็เลขาของคุณเป็นคนบอกฉันเองว่าคุณชอบกาแฟเข้มๆขมๆแบบนี้”
“ขมเกิน ฉันไม่ชอบ”
“ไม่จริงค่ะ ก็เลขา..” เธออ้าปากจะเถียงต่อ แต่แล้วก็ต้องหุบปากลงเมื่อเห็นเขาตวัดสายตามามองอย่างไม่พอใจ
“ฉันบอกว่าขมเกินไง แบบนี้ใครจะไปกินได้ ไม่เชื่อเธอก็ลองกินดูสิ” เขาลุกขึ้นยืนพร้อมชี้นิ้วไปที่ถ้วยกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ไม่ค่ะ”
“ฉันบอกให้เธอดื่มมันไง แล้วก็ต้องดื่มให้หมดด้วย” เขาทำเสียงเข้มแกมบังคับ
“ฉันไม่ชอบดื่มกาแฟค่ะ”
“แต่ฉันสั่งให้เธอดื่ม”
“ฉันไม่ดื่ม”