17 ไปทำอะไรมาถึงหมดแรง
เพราะกลัวว่าตัวเองจะตื่นไม่ทันเที่ยวบินแรก อีวานจึงไม่ยอมนอน ชายหนุ่มนั่งทำงานจนกระทั่งเช้า จากนั้นก็เรียกรถให้ไปส่งที่สนามบิน
เขาถึงสนามปิดก่อนเวลาเป็นชั่วโมง จึงมีเวลาเหลือก่อนขึ้นเครื่องอีวานจึงเดินซื้อของฝากในดิวตี้ฟรี ชานหนุ่มเลือกน้ำหอมกลิ่นที่ธันยมัยชอบใช้ เครื่องสำอาง รวมไปถึงครีมบำรุงผิวอีกอย่างละชุด และก็นับว่าอีวานยังพอมีโชคอยู่บ้างเมื่อมีกระเป๋าสะพายไหล่สีดำขนาดพอเหมาะที่พนักงานบอกว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดพึ่งมาถึงเมื่อวาน ชายหนุ่มจึงตอบตกลงซื้อทันที เดินฆ่าเวลาอยู่พักใหญ่อีวานก็ได้ของฝากอีกหลายอย่างทั้งรองเท้าผ้าใบที่เธอบอกว่าชอบใส่ นาฬิกาที่เหมือนกันกับของเขาแต่ขนาดเล็กกว่า สุดท้ายก็ไปสะดุดตากับชุดนอนที่แสนจะเซ็กซี่ขณะกำลังคิดว่าควรจะซื้อไปฝากเธอดีหรือเปล่า พนักงานก็เขามาคุยด้วย สุดท้ายอีวานได้ชุดนอนและชุดชั้นในที่เข้าเซ็ตกันอีกอย่างละโหล ของที่คิดว่าซื้อนิดเดียวก็กลายเป็นว่าเยอะกว่าที่คิดไว้มากอีวานจึงต้องซื้อกระเป๋าเดินทางอีกใบ
พอรับสายจากอีวานที่โทรมาบอกว่ากำลังจะขึ้นเครื่องธันยมัยก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่ได้เจอกันถึง 10 วัน มันนานกว่าที่คิดไว้มาก เธอไม่เคยรู้สึกคิดถึงใครมากมายแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าอีวานจะคิดเหมือนกับเธอหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดถึงเขาสุดหัวใจ
“พี่แหวนว่าคุณขิงหยุดเดินก่อนดีไหมคะ พี่เวียนหัวแล้วนะคะ”
“เมื่อกี้ขิงก็หยุดแล้วนะคะ”
“นั่นไม่เรียกว่าหยุดนะคะ เขาเรียกว่ายืนดูโทรศัพท์แล้วมันก็ไม่ถึง 10 วินาทีด้วย”
“พี่แหวนจับเวลาด้วยเหรอคะ”
“พี่ก็กะเวลาเอาสิคะ เอ๊ะ! นั้นใช่เสียงรถหรือเปล่า”
พี่แหวนยังพูดไม่จบธันยมัยก็วิ่งออกจากประตูไปเสียแล้ว
พอเห็นว่าเป็นรถที่ลุงพวงขับไปรับอีวาน หญิงสาวก็รีบเดินเข้าไปทันทีก่อนที่รถจะจอดสนิท พอประตูเปิดออกเธอก็โผเข้ากอดอีวานจนเขาตั้งตัวไม่ทันแต่ยังที่มีรถขวางอยู่ถ้าไม่อย่างนั้นคงได้พากันล้มกลิ้งไปตามพื้นแน่
อีวานกอดกระชับร่างเล็กที่โผเข้าใส่ มือใหญ่ลูบไปตามศีรษะและแผ่นหลังอย่างรักใครและห่วงแหน ไม่คิดเลยว่าการกลับบ้านแล้วมีคนรอรับพร้อมอ้อมกอดนั้นจะมีความสุขมากขนาดนี้ หัวใจชายหนุ่มรู้สึกพองโต เป้าหมายในชีวิตชัดเจนขึ้น
“คิดถึงขิงจัง” เขากระซิบ
“ขิงก็คิดถึงพี่” ธันยมัยยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดทำให้คนตัวโตยิ้มกว้าง ตอนนี้ทั้งสองคนยังยืนกอดกันอยู่ที่รถ ขณะที่กระเป๋าสัมภาระนั้นถูกนำเข้าไปเก็บในบ้านเรียบร้อย
“เข้าบ้านกันก่อนดีไหม ตรงนี้แดดร้อน” เพราะเป็นเวลาเที่ยงตรงอีวานกลัวว่าผิวสวยๆ ของเธอจะคล้ำเสีย แต่ไม่ว่าเธอจะผิวคล้ำหรือกระด่างกระดำยังไงเขาก็ยังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ค่ะ พี่เอชหิวไหม ขิงให้พี่แหวนทำต้มยำกุ้ง กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา คะน้าน้ำมันหอยแล้วก็หมึกไข่นึ่งมะนาว”
“ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลยครับ แค่พูดท้องพี่ก็ร้องแล้ว”
ธันยมัยเดินควงแขนชายหนุ่มเข้าไปในบ้านราวกับว่าถ้าปล่อยแขนแล้วเขาจะหายไปนาน ๆ แบบนี้อีก
หลังอาหารกลางวันอีวานก็เรียกพี่แหวนและลุงพวงเข้ามาเอาของฝากและเงินค่าจ้างพิเศษที่ทั้งสองคนอยู่เป็นเพื่อนธันยมัยขณะที่เขาไม่อยู่ ก่อนจะอนุญาตให้ทั้งคู่กลับไปพักยังบ้านของตนเองแล้วค่อยกลับมาเริ่มงานใหม่อีก 2 วันข้างหน้า
“พี่เอชดูเหนื่อย ๆ นะคะ ขิงว่านอนพักสักหน่อยดีไหม”
“แค่ได้เจอขิงพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว ไปดูกันไหมว่าพี่มีอะไรมาฝากขิงบ้าง”
ธันยมัยมองกระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้ว พอเปิดออกมาก็ต้องตกใจเพราะด้านในเต็มไปด้วยของฝาก
“ไหนว่าไม่มีเวลาไงคะ”
“พี่ซื้อที่ดิวตี้ฟรีระหว่างรอขึ้นเครื่องครับ ขิงชอบไหม”
“ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“พี่อยากเห็นขิงใส่ชุดที่พี่ซื้อมาจัง”
“ขิงว่ามันแทบไม่ใช่ชุดแล้วดูสิคะ บางจนเห็นไปไหนต่อไหน ขิงไม่กล้าใส่หรอกค่ะ”
“ไม่กลัวคนซื้อจะเสียใจเหรอครับ” เสียงนั้นแฟงความออดอ้อนและระคนผิดหวัง
“พี่เอชอะ ขิงใส่ก็ได้แต่ต้องซักก่อนนะคะ งั้นเดี๋ยวขิงขอไปซักก่อน พรุ่งนี้คงได้ใส่ พี่เอชพักสายตาสักนิดนะคะ” ธันยมัยเห็นว่าท่าทางของอีวานนั้นดูเหนื่อยเอามาก ๆ เธอจึงไม่อยากให้เขาต้องหัวเสียกับเรื่องเล็กน้อย อีกอย่างก็คิดแล้วว่าชุดแบบนั้นจะใส่แค่เวลาที่อยู่กับอีวานเท่านั้น
แดดบนเกาะค่อนข้างแรงธันยมันจึงไม่ต้องเอาผ้าเข้าเครื่องอบ ผึ่งแค่ไม่ถึงชั่วโมงชุดทั้งหมดก็แห้ง เธอเลือกชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสีครีมกับชุดชั้นในสีเดียวกัน จากนั้นก็พับที่เหลือทั้งหมดเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อยคิดว่าเย็นนี้หลังอาบน้ำคงจะได้ใส่ตามที่แฟนหนุ่มขอ
ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงอาทิตย์ธันยมัยเข้าไปยังห้องนอนของอีวานเพื่อจะถามว่าเย็นนี้จะทานอะไรเพราะพี่แหวนไม่อยู่เธอจึงต้องรับหน้าที่แม่ครัวจำเป็น ตอนที่เขาไม่อยู่นั้นธันยมัยได้ฝึกทำอาหารง่ายๆ หลายอย่างที่ชายหนุ่มชอบโดยมีพี่แหวนสอนในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
หญิงสาวยืนมองท่ามกลางแสงสลัวของเวลาเย็น อีวานยังคงนอนหลับสนิทคงเพราะที่ผ่านมาเขาทำงานหนักติดกันมาตลอด ธันยมัยไม่อยากปลุกให้เขาตื่น เธอจึงออกมาอย่างเงียบ ๆ รอเวลาให้เขาตื่นมาเอง แต่หญิงสาวก็รอจนกระทั่ง 4 ทุ่มก็ไม่เห็นแม้เงาของคนตัวโตออกมาจากห้อง ธันยมัยจึงปิดไฟห้องนั่งเล่นแล้วก็เข้าไปยังห้องนอนตัวเอง
อีวานหลับไปตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย พอตื่นมาดูนาฬิกาอีกทีก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยวของอีกวัน เป็นครั้งแรกที่เขาหลับไปนานขนาดนี้ ชายหนุ่มรีบเด้งตัวออกจากที่นอน แล้วอาบน้ำสระผมด้วยความรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าธันยมัยจะโกรธหรือเปล่าที่กลับมาถึงก็เอาแต่นอนไม่ได้สนใจเธออย่างที่ควร
ชายหนุ่มเดินหาธันยมัยทั่วบ้านก็ไม่เจอโทรศัพท์ไปหญิงสาวก็ไม่รับสาย ในใจเริ่มกระวนกระวายคิดว่าเธอคงจะโกรธแล้วหนีเขาไปแล้วหรือเปล่า อีวานเดินไปหากุญแจรถก็ยิ่งหน้าเสียเมื่อมันไม่อยู่ที่เดิม เขาวิ่งออกมาดูที่โรงรถก็ยิ่งใจหายเข้าไปใหญ่ ขณะกำลังจะโทรศัพท์ไปหาพี่แหวนเผื่อว่าหญิงสาวจะไปหาแต่มือใหญ่ก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถ
อีวานวิ่งหน้าตื่นออกมาทันที ทำเอาหญิงสาวต้องเหยียบเบรกตัวโก่งเกือบจะชนเข้ากับร่างเจ้าของรถที่เธอยืมไปใช้
“ขิงไปไหนมา พี่เป็นห่วงรู้ไหม ทำไมไปไหนไม่ยอมบอก” อีวานทั้งเป็นห่วงทั้งโมโห เขาทำเสียงดุจนธันยมัยหน้าเสีย
“ขอโทษค่ะ ขิงคิดว่าไปแค่แป๊บเดียว พี่คงยังไม่ตื่น” อันที่จริงเธอรอให้เขาตื่นตั้งแต่เช้า อยากคุยกับเขา อยากถามว่าที่เขาไปพบหมอนั้นผลเป็นยังไงบ้าง
เธอเปิดประตูห้องเขาไปก็ตั้งหลายรอบแต่คนตัวโตก็เอาแต่หลับ ธันยมัยจึงขับรถออกไปร้านขายยาที่เธอเคยให้ลุงพวงพาไป หญิงสาวซื้อพวกวิตามินมาให้ เพราะช่วงนี้เห็นว่าเขาทำงานหนักก็กลัวว่าจะไม่สบาย ไม่คิดว่าจะทำให้เขาโมโหถึงขั้นขึ้นเสียงแบบนี้ เธอน้อยใจจนแทบอยากจะร้องไห้ เขาไม่ถามสักนิดว่าไปทำอะไรมา พอมาถึงก็ทำเสียงเข้มใส่ทันที หญิงสาวพยายามจะไม่ร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อย
อีวานมองธันยมัยที่ยืนตัวลีบทำตาแดงๆ เหมือนคนจะร้องไห้แล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“ขิงไหนมาครับ พี่เป็นห่วง” เขาปรับน้ำเสียงให้เย็นลง
“ไปร้านขายยามาค่ะ” น้ำเสียงแบบนี้อีวานรู้เลยว่าเธอกำลังไม่พอใจอย่างแน่นอน
“ขิงไม่สบายเหรอ พี่ไม่รู้ พี่ขอโทษ แล้วขิงเป็นอะไรมากไหม เข้าบ้านก่อนนะครับ”
เธอเดินตามเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงที่ห้องรับแขก มองคนตัวโตข้างหน้าที่นั่งประชิดแล้ว มือหนาแตะหน้าผาก เธอรีบจับมือเขาออกแล้วรีบบอกก่อนที่จะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
“ขิงไปซื้อยาให้พี่” เธอส่งถุงยาให้กับชายหนุ่ม
อีวานเปิดดูแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดไปอีกหลายเท่าตัว ในถุงมีวิตามินหลากหลายชนิด เธอคงตั้งใจออกไปซื้อให้เขา แต่พอกลับมาถึงบ้านเขากลับทำเสียงดุใส่ เป็นใครก็ต้องโกรธแล้วอีวานก็ไม่รู้ว่าจะต้องง้อยังเพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลยสักครั้ง
“ขิงจ๋า พี่ขอโทษ พี่ตื่นมาไม่เจอขิงพี่ก็เป็นห่วง โทรไปขิงก็ไม่รับ คิดว่าขิงหนีพี่ไปแล้ว”
“ขิงจะหนีทำไมคะ หรือว่าพี่ไปทำอะไรผิดมาก็เลยคิดว่าขิงจะหนีไป”
“ไม่ใช่แบบนั้น พี่คิดว่าขิงอาจจะโกรธที่พี่เอาแต่นอนไม่สนใจขิงเลย”
“ขิงไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วงก็เลยออกไปซื้อวิตามินพวกนี้ให้พี่” คนไม่โกรธแต่ท่าทางมันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด
“พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ พี่ยอมรับว่าใจร้อน ก็ขิงสวยทั้งน่ารักแบบนี้พี่ก็เป็นห่วง กลัวจะมีใครมาฉุดไป”
“ไม่ต้องมาทำปากหวานเลย ขิงไม่โกรธแต่ยังงอนอยู่”
“คนอะไรยิ่งงอนก็ยิ่งน่ารัก” อีวานอดที่จะแหย่คนตัวเล็กได้ก็ดูท่าทางของเธอสิจะไม่ไห้เขาหลงยังไงไหว
ธันยมัยรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามง้อ และเขาก็ทำสำเร็จแล้ว เธอเองก็ไม่อยากจะงอนเขานาน เพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ
“ขิงซื้อให้แล้วก็ต้องกินด้วยนะคะ”
“ได้สิ แต่พี่ว่าก่อนกินยาพี่กินข้าวก่อนได้ไหม” เสียงท้องของอีวานร้องทำทั้งสองคนพากันหัวเราะ
หญิงสาวอุ่นอาหารที่ทำไว้ตั้งแต่เช้าแล้วโดยมีอีวานเป็นผู้ช่วยอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นเขาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็ยิ้มอย่างภูมิใจ เธอไม่บอกว่าเขาว่าอาหารทั้งหมดนั้นทำเองปล่อยให้เขาคิดว่าเป็นฝีมือของพี่แหวนอย่างเดิม
“พี่เอชขา ขิงว่าพี่ขยับไปหน่อยได้ไหม นั่งติดอย่างนี้ขิงทำงานไม่ถนัดเลย” ธันยมัยยังคงทำหน้าที่อ่านอีเมลให้เขาฟังอย่างเคย แต่วันนี้อีวานเอาแต่นั่งเบียดจนเธอไม่มีสมาธิ
“ก็พี่คิดถึง อยากอยู่ใกล้ ผิดด้วยเหรอครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างเอาแต่ใจ ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เธออ่านเลยสักนิด อีเมลพวกนั้นเดี๋ยวค่อยอ่านก็ได้ คนตรงหน้ามากกว่าที่เขากำลังสนใจ ธันยมัยยังคงทำหน้าที่ของเธออย่างที่เคยทำ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นกำลังถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องจะเล่นงานตัวเองอยู่
“มันใกล้เกินไปแล้ว”
เขาเบียดจนเธอขยับไปชนกับพนักโซฟาอีกด้าน
“ขิงทำเหมือนรังเกียจพี่ ไหนบอกว่าคิดถึง” คนตัวโตแกล้งทำเสียงให้ฟังดูน่าสงสาร
ธันยมัยวางไอแพดลงแล้วหันมามองหน้าอีวานที่ห่างออกไปเพียงนิด
“ขิงไม่คิดอย่างนั้นเลยนะคะ ขิงคิดถึงพี่” เสียงแผ่วออกมาจากปากอวบอิ่ม ใบหน้าก้มต่ำไม่กล้าสบตาคมกล้าของเขา
“พี่ก็คิดถึงขิง คิดถึงที่สุด” เสียงของอีวานไม่อาจปิดบังความรู้สึกของเขาได้เลยสักนิด