ตอนที่9.ไม่ยอมแพ้(จบ)
ร่างสูงพุ่งเข้าหาคนตัวเล็ก มือแกร่งคว้าลงที่แขนเรียว พนิดาสะบัดมือออก แล้วผลักลงที่อกเขาอย่างแรง ภูริเสียหลักเซไปข้างหลัง
ปัง ปัง ปัง
“ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้ฉันหน่อยค่ะ!” ไม่เพียงแค่ทุบประตู แต่หญิงสาวยังร้องเรียกให้คนข้างนอกเปิดประตู ภูริโมโหหนัก เมื่อเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ารังเกียจเขา
“หยุดโวยวายนะนิด!” คำรามลั่นพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหา เห็นตัวเล็ก ๆ อย่างนี้เถอะ เรี่ยวแรงไม่เล็กตามตัวเลยสักนิด
“ปล่อยฉันนะ! ฉันบอกให้ปล่อย!” พนิดาดิ้นหนี เมื่อถูกกระชากมาชิดอกแกร่ง ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะรังแกเธอตอนไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ ที่ผ่านมาเธอเป็นคนเลือก เขาจึงเข้าถึงตัวเธอได้ ถ้าเธอไม่เลือกก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้เธออีก
“หยุดดิ้นนะนิด!” มือที่โอบอยู่ที่แผ่นหลัง เลื่อนลงมายึดช่วงเอว ล็อกเอวเล็กเอาไว้ แล้วใช้แผงอกดันคนในอ้อมแขนไปจนชิดผนัง พนิดาดิ้นหนีอวัยวะส่วนไหนที่ใช้เป็นอาวุธได้เธอใช้หมด ทุบกำปั้นลงบนอกแกร่งรัว ๆ กางเล็บข่วนใบหน้า จิกมือลงบนศีรษะทุยสวย ดึงทึ้งเส้นผมจนภูริเจ็บแสบไปทั้งหัว แผลที่ถูกข่วนมีเลือดซึมออกมา เมื่อถูกทำร้ายร่างกายหนักเข้า ชายหนุ่มจึงจับแขนเล็กไพล่ไปด้านหลัง ล็อกไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก้มหน้าบึ้งตึงลงมาหา พนิดาสะบัดหน้าหนีเมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร
“นี่แน่ะ!”
“โอ้ย!” ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวงอเป็นกุ้งต้ม เมื่อพนิดากระแทกรองเท้าส้นเข็มลงบนหลังเท้าของเขา ใช้จังหวะที่ภูริเสียหลักวิ่งหนีไปอีกทาง ตากลมโต กวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะฉวยแจกันดอกไม้ขึ้นมา แล้วขว้างใส่เขาโดยไม่สนใจคำห้ามปราม
“อย่านิด!” ร้องห้ามพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบ
เพล้ง
แจกันราคาเรือนแสนแตกกระจายเต็มพื้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ข้าวของบนโต๊ะทำงานก็ร่อนมาตรงหน้า เมื่อคนตัวเล็กเห็นเขาเป็นเป้าบิน อันไหนที่หลบไม่ทันก็โดนเข้าอย่างจังจนหน้าหงาย
“ออกไปให้พ้นนะ ฉันบอกให้ออกไป!”
เพล้ง
ตาคมเข้มมองของที่เธอขว้างปาร่วงลงพื้น ชิ้นไหนที่เป็นแก้วแตกกระจาย บางชิ้นก็พังจนนำกลับมาใช้ไม่ได้
“เปิดประตู! ฉันบอกให้เปิดประตู!”
“อย่านะนิด นั่น...”
เพล้ง
“งานของ...ผม”
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุดแตกกระจายอยู่บนพื้น เมื่อพนิดาขว้างมันใส่เขาสุดแรง ร่างบางหอบหนักพร้อมกับถอยหนี เมื่อหมดอาวุธที่จะทำร้ายเขา
“เอาเลยทูนหัว รื้อออกมาเลย อยากเอาอะไรมาขว้างใส่หัวผมก็เอามา” ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกง พร้อมกับยืดอกรออย่างผึ่งผาย ที่เป็นแบบนี้เพราะเขาเห็นว่าไม่มีอุปกรณ์หรือข้าวของบนโต๊ะ เหลืออยู่เลยสักชิ้น
“ไอ้บ้า! คุณมันโรคจิต!” ด่าออกไปสุดเสียง เมื่อถูกท้าทาย
“ใครกันแน่ที่โรคจิต ดูสิข้าวของพังหมดเลย เงินทั้งนั้นเลยนะ” พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน พร้อมกับประเมินราคาข้าวของที่เสียไป
“รวยนักไม่ใช่เหรอ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ทีนี้จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง”
“ยัง! ทำของผมเสียหายขนาดนี้ ผมไม่แจ้งความจับคุณก็บุญแล้ว”
“ปล่อยฉันไปสิ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้”
“ข้อมูลที่อยู่ในโน๊ตบุ๊คตัวนั้น คุณรู้ไหมว่ามีมูลค่าเท่าไร จะรับผิดชอบยังไงไหว”
“ผู้บริหารเขาไม่ทิ้งข้อมูลสำคัญไว้ในโน๊ตบุ๊คหรอก อย่ามาโกหก”
“นี่มันห้องทำงาน เป็นพื้นที่ส่วนตัว ใครก็เข้ามาไม่ได้ถ้าผมไม่อนุญาต ไม่แปลกถ้าผมจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในของใช้ส่วนตัวของผม ทำแบบนี้อย่าคิดว่าจะได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย คุณต้องอยู่ชดใช้ค่าเสียหายจนกว่าผมจะพอใจ!”
“จะบ้าเหรอ! คุณทำร้ายฉันก่อนนะ”
“ผมทำอะไร ผมแค่จะคุยกับคุณดี ๆ คุณต่างหากที่โวยวาย ไม่ฟังเหตุผลผมเลย”
“หึ! ที่คุณพูดออกมานั่นดีแล้วเหรอคะ คำพูดแต่ละคำของคุณ ผ่านกระบวนการความคิดแล้วเหรอคะ”
“ใช่ ผมคิดแล้วถึงได้พูดออกไป” ภูริยังเถียงแม้จะจนแต้ม
“น่าสงสารสมองนะคะ วัน ๆ เจ้าของคิดเป็นแค่เรื่องเดียว สั่งคนของคุณให้เปิดประตูให้ฉันเถอะค่ะ ฉันมีงานต้องทำต่อ”
“งานที่คุณพูด คือเงินกู้ใช่ไหม คุณมาถูกที่แล้ว ผมไงเจ้าของบริษัทเงินกู้”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันไม่กู้เงินคุณแล้ว”
“ไม่เอาน่านิด ผมก็แค่...”
“แค่อะไรคะ แค่บอกให้ฉันถ่างขาให้คุณเหรอคะ พอเถอะค่ะคุณภูริ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำร้ายคุณ คุณก็อย่ามาทำร้ายฉันเลยนะคะ ต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะ ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ” ภูริกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อน้ำเสียงและท่าทางของเธอบอกให้รู้ว่า เธอเหนื่อยมากจริง ๆ
“ขอตัวนะคะ” พูดจบก็เดินผ่านหน้าเขาไป
หมับ
มือหนาคว้าลงที่แขนเรียว พนิดาทำเพียงแค่มองมัน ไม่สะบัดออกเหมือนอย่างที่เคยทำ
“มีอะไรอีกคะ” ตากลมโตช้อนขึ้นสบกับตาคมเข้มของเขา ที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“ทำแผลให้ผมก่อน แสบไปหมดทั้งหน้าแล้ว”
“เรื่องแค่นี้ คุณให้คนอื่นทำเถอะค่ะ ฉันมีงาน
ต้องทำ”
“คนอื่นมาเกี่ยวอะไรด้วย คุณเป็นคนทำคุณต้องรับผิดชอบ” พนิดาถอนหายใจเมื่อฟังเขาพูดจบประโยค
“ทำแผลเสร็จ คุณให้ฉันกลับใช่ไหมคะ”
“ใช่” รับปากรัวเร็วเพราะอยากอยู่กับเธออีกนิด
“กล่องปฐมพยาบาลอยู่ไหนคะ” เมื่อเขารับปาก พนิดาก็ถามหากล่องยา ภูริเป็นคนเอาแต่ใจ ถ้าขืนเธอยังต่อต้านเขาก็อยากเอาชนะ ทำตามที่เขาต้องการให้จบ จะได้แยกย้าย
ตาคมเข้มมองไปยังประตูห้องนอน ก่อนจะออกแรงลากแขนของเธอ
“อะไรคะ!”
“กล่องยาอยู่ในนั้น” โบ้ยหน้าไปยังประตูห้องนอน
“คิดว่าฉันรู้ไม่ทันคุณเหรอ ถ้าจะให้ทำแผลก็ไปหยิบกล่องยาออกมา ฉันจะรออยู่ตรงนี้”
“เข้าไปในห้องก็จบ”
“ไม่ค่ะ ถ้าจะทำก็ทำตรงนี้ ถ้าไม่ฉันจะกลับเลย”
“ก็ได้ ๆ รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา” พูดจบก็เดินเข้าไปด้านใน ที่แยกออกเป็นห้องพักของเขา พนิดานั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย สุดท้ายเธอก็ต้องยอม เพราะหมดแรงจะสู้กับเขาแล้ว
จริง ๆ
