เกริ่นนำ
ท่ามกลางการศึกเดือดระอุ จอมทัพเด่นตระหง่าน สู้ศึกอย่างอหังการต้านทานศัตรูที่แปรผัน ท้ายที่สุดก็สงบลง คงเหลือเพียงพื้นดินสีแดงฉานมิต่างจากทะเลเลือด กองศพทับถมที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
แคว้นศัตรูพ่ายแพ้ยับเยินมิยืนยงจีรัง แคว้นต้าเจิ้งได้รับชัยชนะอีกครั้ง เสียงแซ่ซ้องกล่าวสรรเสริญแด่จอมทัพแห่งมังกรดังต่อเนื่องจากนักรบของเขาไม่ขาดสาย
บนเชิงเขา เหนือทุ่งราบ ใต้แสงตะวัน จอมทัพหนุ่มในอาภรณ์สีดำสวมชุดเกราะเหล็กโลหิตหลั่งไหลอาบไล้ไปทั่วเรือนกายเพียงยืนนิ่งอย่างมั่นคงดุจหินผา
สายตาคมปลาบดำสนิทลึกล้ำดุจห้วงรัตติกาลค่อยๆ กวาดมองทุกสิ่งช้าๆ อย่างเฉยชา
ภาพเบื้องหน้าคือผืนพสุธากว้างใหญ่เวิ้งว้าง ใบหน้าคมคายที่เผยเพียงดวงตาเพราะสวมหน้ากากสีดำนิลอำพรางเอาไว้จนมิดยังคงเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์อันใด
ริมฝีปากสีแดงสดยิ่งไม่เปล่งแม้ครึ่งวาจา
ท่าทางเรียบนิ่งน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงกดข่มผู้คนอย่างรุนแรง ทั้งน่าเกรงขามในคราเดียวกัน
รอบเรือนกายที่แผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารยิ่งกำจายอำนาจที่แฝงมหันตภัยคืบคลานทว่าเปี่ยมบารมีแผ่ไพศาล
เนิ่นนานให้หลังชายหนุ่มเพียงเบี่ยงตัวกลับมาเนิบช้า ทุกกิริยาล้วนเย็นเยียบเฉียบขาดดุจมีดดาบอาบน้ำแข็ง
นิ้วเรียวยาวในถุงมือสีดำสนิทกระชับทวนเหล็กไหลก่อนสะบัดชายชุดคลุมเสียงดังพึ่บ พริบตาพาร่างสูงขึ้นนั่งเหยียดหลังตรงสง่าบนหลังอาชาสีดำพ่วงพี หางตาปรายมองเหล่าทหารทางด้านหลัง อันเป็นสัญญาณให้ถอนทัพ เดินทางกลับหลังสิ้นศึกหนัก
ทุกคนที่ยังรอดชีวิตต่างพร้อมพรักติดตามอย่างภักดี
อดีตเป็นเช่นนั้น ปัจจุบันล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
ทุกครั้งที่เจิ้งจื่อหมิง องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ต้าเจิ้งผู้นี้นำทัพเคลื่อนพลออกรบยังไม่เคยประสบคำว่าแพ้เลยสักครา
หลายปีแล้วที่ต้าเจิ้งมีสงครามรายล้อม ทั้งภายนอกและภายใน
พวกต่างแคว้นเหิมเกริมยกขบวนรุกรานไม่ขาดสาย ภายในเองก็วุ่นวายไม่น้อย การบริหารจัดการบ้านเมืองจึงหนักหน่วงใช่ย่อย เหตุเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายรัชศกจากอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกะทันหัน เสด็จพ่อจำต้องสืบราชบัลลังก์ต่อจากเสด็จลุงอย่างมิคาดฝัน โดยมีพี่ชายฝ่ายบุ๋นทั้งสามช่วยงานราชกิจในเมืองหลวง คอยสั่งการและระวังหลังให้จากด้านในพระราชวัง
ส่วนเขามีหน้าที่หลักคือปราบศัตรูรอบทิศจนได้รับฉายาจอมทัพทมิฬ
ยามเจิ้งจื่อหมิงนำกองพลพาเหล่านักรบเคลื่อนทัพเยียบย่างไปทางใด โจรชั่วทุกหัวระแหงย่อมเว้นทางเดินให้ด้วยหวั่นเกรงในฝีมือฉกาจและอำนาจ
ผู้คนล้วนกล่าวขานว่าเจ้าของฉายาจอมทัพทมิฬผู้นี้ทั้งบ้าบิ่นเหี้ยมโหดไม่เคยยั้งมือไว้ไมตรีต่อผู้ใด
เขามั่นคงมิสั่นคลอนดุจหินผากลางเหมันต์ยากต่อกรหรือโค่นล้ม ทำใต้หล้าสั่นสะท้านแค่ย่างกรายก้าวผ่าน แววตาเฉยชาบนใบหน้าราบเรียบที่ฉายแววเยียบเย็นคู่นั้น ไร้ความรู้สึกตลอดเวลา
ชายหนุ่มเป็นบุรุษที่ไม่มีใครก้าวล่วงทะลวงจิตใจได้
ยกเว้นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง...
เจ้าของธนูไฟบนเชิงเขาไป๋ซานที่ลอบปลิดชีพศัตรูจนเขาสามารถฝ่าวงล้อมออกมา