บท
ตั้งค่า

หากเธอตบฉันก็จะจูบ (30%)

สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ

มณีญาเลือกใช้บริการสายการบินชั้นนำของโลกอย่างอัลกาโด้แอรไลน์ เหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอต้องเดินทางไปในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะสายการบินสัญชาติฝรั่งเศสนี้ให้ทั้งความปลอดภัยและบริการที่เป็นเลิศ ผู้โดยสารที่ใช้บริการก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีระดับทั้งสิ้น

“ขอโทษนะคะ ที่นั่งฉันอยู่ตรงไหนคะ?” มณีญายื่นตั๋วเครื่องบินให้แอร์โฮสเตสสาวสวย แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“เชิญทางนี้ค่ะ” หลังจากรับตั๋วมาดู แอร์สาวคนสวยก็กล่าวเสียงสุภาพพร้อมทั้งผายมือให้มณีญา ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังที่นั่งที่ปรากฏตามตั๋ว

“ถึงแล้วค่ะคุณผู้หญิง ที่นั่งของคุณ เชิญค่ะ” เมื่อเดินมาถึงที่นั่งตามหมายเลข พนักงานสาวก็ผายมือเชิญลูกค้าด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณนะคะ” มณีญากล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แอร์โฮสเตสสาวค้อมหัวให้อย่างสุภาพ แล้วเดินไปให้บริการลูกค้าท่านอื่น

สาวแว่นจอมอัจฉริยะถึงกับต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเหลือบไปเห็นผู้โดยสารที่นั่งข้างตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าสายการบินนี้จะให้มหาโจรมาใช้บริการ สะบัดศรีษะแรงๆ เลิกมองคนที่กำลังนั่งหลับอย่างสบายอารมณ์ ตั้งใจจะเข้าไปนั่งในที่ของตน แต่ก็ต้องหงุดหงิดเมื่อพ่อมหาโจรร่างยักษ์นั่งขวางทางซะมิด

“คุณคะ ฉันขอทางหน่อยค่ะ” มณีญากล่าวอย่างสุภาพ ที่นั่งของเธออยู่ติดกับหน้าต่างและไม่สะดวกที่จะเบียดเสียดเข้าไป เพราะตัวผู้ชายตรงหน้าสูงใหญ่มาก แต่ดูเหมือนว่าเสียงเรียกของเธอจะไม่กระทบโสตประสาทของเขาเลยสักนิด ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ปฏิกริยาตอบรับก็ยังไม่มีสักกระผีก นายหน้ามหาโจรยังนั่งกอดอกหลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไม่สนใจว่าใครจะเรียก

“อะแฮ่ม…นี่คุณ ฉันขอทางเข้าไปที่นั่งฉันหน่อยจะได้ไหม” เห็นว่าเขาไม่สนใจมณีญาก็แกล้งกระแอมเสียงดัง เพื่อปลุกให้คนหลับตื่นจากภวังค์ แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ เมื่อเขาผงกหัวงัวเงียลืมตาขึ้นมอง แล้วจ้องเธอราวกับเป็นตัวประหลาด

“คุณว่ายังไงนะครับ คุณผู้หญิง” คนตัวโตลอยหน้าถามอย่างยียวน พร้อมใช้สายตาที่อ่านไม่ออกมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของสาวแว่น ที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าตึงค้ำหัวเขาอยู่

“ฉันขอทางหน่อยได้ไหมคะ” ระบายลมหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ เสียงพูดของมณีญาชักจะแข็งขึ้นตามระดับอารมณ์ ไม่ค่อยพอใจที่เขาเอาแต่จ้องเธอด้วยท่าทางแปลกๆ แต่ก็ไม่อาจเห็นแววตาที่ชายหนุ่มใช้มองเธอได้ เพราะนายมหาโจรหนวดเคราเฟิ้มสวมแว่นกันแดดสีดำอันโตปกปิดดวงตาคู่นั้นเอาไว้อย่างมิดชิด

“ย่อมได้อยู่แล้วครับคุณผู้หญิง เชิญคร้าบ…” น้ำเสียงกวนๆ และท่าทางยียวนส่งมาให้หญิงสาว พร้อมกับเปิดทางให้เธอโดยการกระถดตัวให้ร่างใหญ่ของเขาชิดพนักที่นั่ง ไม่ยอมที่จะลุกออกไปเพื่อจะหลีกทางให้เธอเข้ามาได้ง่ายกว่านี้

“ฮึ่ย…ไอ้ฝรั่งบ้า อืดอาดยืดยาดแล้วยังกล้ามารวนเราอีก” พึมพำต่อว่าต่อขานนายหน้าโจร ใบหน้างามบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์

มณีญาต้องจำใจทำตัวลีบค่อยๆ เดินเข้าไปในท่าหันหลังให้คนที่นั่งห่อตัวอยู่บนเก้าอี้ ในเมื่อเขาไม่หลีกทางให้เธอดีๆ เธอก็จะเข้าไปทั้งอย่างนี้แหละ เรื่องอะไรเธอจะต้องลดตัวลงไปขอร้องให้นายมหาโจรลุกออกให้ ไม่มีทางซะหรอก พอขยับเข้าไปได้ถึงช่วงกลางลำตัวของคนร่างยักษ์มณีญาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว

“กรี๊ด…ไอ้บ้า ไอ้คนลามก” กรีดร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาแตะเข้าที่ก้นตัวเอง และคิดว่าสิ่งนั้นมันคงไม่พ้นมือไอ้มหาโจรแน่

“อ้าว…อยู่ๆ คุณมาด่าผมได้ยังไงครับคุณผู้หญิง ผมไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ” คนที่พยายามนั่งตัวลีบหลีกทางได้ยินคำด่าทอแสบแก้วหู ก็โวยลั่นด้วยความไม่พอใจ

“นะ…นายกล้าดียังไง มาแต๊ะอั๋งฉัน” เมื่อรู้สึกว่ามือของเขายังลูบไล้ก้นของตัวเองอยู่ หญิงสาวก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ต่อว่าปากคอสั่นระริก อยากจะกรี๊ดให้คนทั้งเครื่องได้รู้ว่าโจรหน้าหื่นนี่กำลังลวนลามเธอ

“ผมทำอะไรคุณไม่ทราบ ผมเปล่าทำนะคุณอย่ามากล่าวหากันพล่อยๆ” เจ้าของใบหน้าโหดเยี่ยงมหาโจรอย่างที่มณีญาแอบค่อนแคะ ถามหญิงสาวด้วยท่าทางซื่อๆ ซึ่งท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ของเขามันทำให้สาวแว่นถึงกับของขึ้น กำหมัดแน่น แล้วแหวลั่น

“เมื่อกี้นาย เอ่อ…จับก้นฉัน ยังจะกล้ามาปฏิเสธอีกเหรอ” มณีญากระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย ก่อนจะกลั้นใจกล่าวในสิ่งที่กระดากปากออกมา โมโหให้คนชีกอทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำเรื่องบ้าๆ นี้แท้ๆ ยังมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อย่างว่าล่ะนะ พวกโรคจิตเมื่อโดนจับได้ก็มักจะแก้ตัวแบบนี้

“เมื่อกี้หัวเข่าผมโดนก้นคุณไม่ใช่มือ ก็คุณเดินเข้าไปช้าไม่ทันใจ ผมเมื่อยก็เลยไถลตัวลงมา หัวเข่ามันเลยไปกระแทกกับก้นคุณ” มาร์เวลเข้าใจในทันทีที่หญิงสาวโพล่งออกมา รีบเอ่ยแก้ไขความเข้าใจของเธอด้วยท่าทางขบขับ แล้วใช้สายตาเหยียดๆ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของมณีญา จนเธอหน้าร้อนผ่าวกับสายตาเหมือนสื่อความนัยว่า คนอย่างเขาไม่คิดจะแตะต้องเธอให้เสียมือหรอก

“ไอ้บ้า นายจะรอให้ฉันเข้าไปนั่งก่อนไม่ได้หรือไงกัน” เมื่อเห็นเขายังลอยหน้าลอยตายกยิ้มที่มุมปาก ก็แหวลั่นด้วยความเจ็บใจและกลบเกลื่อนความอายที่ไปกล่าวหาว่าเขาลวนลามตน

“นี่คุณจะโกรธอะไรนักหนา ก็แค่หัวเข่าผมสัมผัสกับก้นคุณเฉยๆ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายสักหน่อย ดีซะอีกไม่ใช่เหรอที่ก้นคุณโดนอวัยวะของผู้ชายสัมผัสบ้าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่มือหรืออะไรๆ ที่ใจคุณปรารถนาก็ตามเถอะ เพราะดูจากสารรูปคุณแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติคงหาผู้ชายมาทำอะไรกับก้นแบนๆ ยาก” ได้ทีไอ้มหาโจรแต่มีระดับ ที่สามารถขึ้นมานั่งบนสายการบินชั้นนำของโลกก็ร่ายยาวเหน็บแนมเป็นชุด แถมท้ายด้วยการยิ้มยั่วให้มณีญาได้ปรี๊ดแตก วาจาถากถางแบบนี้เธอเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ

“ไอ้ฝรั่งบ้า! ไอ้คนปากมอม! ไอ้มหาโจรใจทราม!” มณีญาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้างามแดงก่ำ ชี้หน้าด่าทอเขาเสียงดังจนแทบจะเป็นกรี๊ด

“จุ๊ๆๆ คุณผู้หญิง เป็นสาวเป็นนางหัดสำรวมวาจาเสียบ้างนะ คุณไม่อายแต่ผมอาย ดูสิคนมองใหญ่แล้ว เดี๋ยวเขาก็หาว่าผมทำอนาจารหรือปล้นสวาทสาวเชยอย่างคุณหรอก คุณทำอย่างนี้ผมเสียชื่อนะเนี่ย” ยกนิ้วขึ้นปิดปากทำท่าปรามให้เธอลดระดับเสียงลง แต่แววตายังระริกไหวล้อเลียนให้เจ็บใจ

“อ้าว…จะยืนให้เมื่อยตุ้มทำไมล่ะ นั่งลงซิครับคุณเชย” เห็นเธอยังยืนขมุบขมิบอวยพรให้ไม่เลิก ชายหนุ่มก็กล่าวอย่างขันๆ พลางผายมือเป็นเชิงให้เธอนั่งลงข้างๆ ตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงประกาศเตือนให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย ก่อนที่เครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา

“ฉันอุตส่าห์ทำใจให้สบายแล้ว นรกยังไม่วายส่งไอ้บ้านี่มากวนประสาทฉันอีก ให้ตายเถอะ!” มณีญาระบายลมหายใจเสียงดังพรืด สะบัดหน้าหันไปอีกทางจนผมยาวสลวยกระจาย แล้วกระแทกก้นลงนั่งในที่ของตน คว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่เอวอรชรอ้อนแอ้น ปากก็บ่นอุบอย่างหัวเสียไม่หยุดหย่อน

“เอ้า…บ่นเข้าไปแม่คุณ จะโกรธอะไรนักหนา ก็แค่ผมโดนเนื้อโดนตัวนิดเดียว ทำยังกับพวกแม่ชีที่เพิ่งออกมาจากโบสถ์ไปได้ มือผมก็ไม่ได้จับส่วนไหนของคุณสักหน่อย” เขายังตามตอแยไม่เลิก กระแนะกระแหนคนข้างๆ ได้อย่างน่าหมั่นไส้ การลับฝีปากกับเธอทำให้เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“ก็ลองนายจับดูสิ นายได้ตายบนเครื่องบินและเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่” เจ้าของใบหน้าบึ้งตึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อว่าคนที่กวนประสาทเสียงแข็ง ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย มาลอยหน้าลอยตาตอบโต้กับเธอได้อย่างหน้าตาเฉย

“โอ้…ไม่ล่ะครับ ก้นแฟบๆ แบนแต๊ดแต๋แบบนั้น ผมคงไม่ไปจับให้เสียมือหรอก บอกตรงๆ สงสารมือตัวเอง อย่างผมน่ะชอบที่มันงอนงามและนุ่มมือ ไม่ใช่แบนราบหาส่วนเว้าส่วนโค้งไม่เจอแบบนี้” รีบโบกไม้โบกมือการันตีคำพูด สายตาคมมองมาที่ก้นของเธออย่างจงใจ ก่อนจะทำหน้าเหวอเหมือนหวาดผวา

“ไอ้บ้า ไอ้ฝรั่งชีกอ!” มณีญาชี้หน้าบริภาษอย่างไม่ไว้หน้า ตอนนี้เธอไม่สนใจว่าตัวเองจะขายหน้าแล้ว โทสะมันบังตาบังใจเสียหมดสิ้น วาจาของเขามันเหลือรับประทาน จนเธอไม่อาจจะทนฟังต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว ผู้ชายอะไรปากร้ายนัก

“หยุดร้องแว้ดๆ ได้แล้ว รำคาญ หากคุณยังไม่หยุดแหกปาก ผมจะปิดปากคุณด้วยปากผม” เอ็ดเสียงต่ำแกมข่มขู่ ถึงเขาจะรู้สึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอ แต่ก็ไม่ชอบทำตัวให้เป็นจุดสนใจ และที่สำคัญไม่ชอบเสียงร้องแรกแหกกระเชอของผู้หญิงเป็นที่สุด

“ฮึ่ย…ไอ้บ้า นายกล้าดียังไงมาข่มขู่ฉัน” จบถ้อยคำอันน่าสะอิดสะเอียนของไอ้หน้าหนวด มณีญาก็สวนกลับทันควัน

“คนอย่างผมไม่เคยขู่ใคร มีแต่พูดจริงทำจริง จะลองดูไหมล่ะคุณเชย” ตอกย้ำคำพูดด้วยการยื่นหน้ารกครึ้มเยี่ยงมหาโจรเข้ามาใกล้ใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารินรดซอกหูบอบบาง จนหญิงสาวขนลุกซู่ กายสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา

มณีญาเบี่ยงตัวหนีจากการคุกคามของไอ้หน้าหนวด นั่งเชิดหน้านิ่งคอตั้ง เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เขาได้แต่แอบยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้กอดอกแล้วหลับตาลง

“เฮ้อ…ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้บัดซบแบบนี้นะ ชาติที่แล้วแกทำบาปอะไรไว้กันมณีญา ความวุ่นวายมันถึงได้มาเยือนไม่เลิกราแบบนี้” กระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ คล้ายจะให้มันหอบเอาความกลัดกลุ้มที่มีออกไป หญิงสาวรำพึงรำพันกับตัวเองยกใหญ่ แสนจะเป็นกังวลกับเส้นทางชีวิตข้างหน้า ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แค่คิดมณีญาก็ละเหี่ยใจแล้ว

“โอ๊ย…นี่แม่คุณจะบ่นอะไรนักหนา หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง คนจะหลับจะนอน” เสียงพึมพำของมณีญาทำให้คนที่ตั้งใจจะเลิกแกล้งกลับส่งเสียงมายียวนอีกครั้ง ลืมตาที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นสีดำขึ้น แล้วมองหน้าเธอเหมือนรำคาญเสียเต็มประดา

“อยากนอนก็นอนไปสิ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ” มณีญาลอยหน้าลอยตาพูดหน้าตาเฉย แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ตนเผลอไปรบกวนคนข้างๆ แอบนึกสะใจซะด้วยซ้ำที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้

“ก็คุณเล่นบ่นเป็นป้าอยู่แบบนี้ ผมจะนอนได้ยังไงล่ะคร้าบ” ยังคงแกล้งกวนอารมณ์หญิงสาวอยู่ไม่เลิก ตาคมมองปากที่เม้มเข้าหากันแน่น ปากรั้นๆ นั่นมันทำให้เขาอยากจะลงโทษให้หายดื้อนัก ผู้หญิงอะไรเถียงคำไม่ตกฟากแถมยังดื้อได้ใจชะมัด มณีญาได้แต่กำหมัดแน่นเพราะกลัวมันจะเผลอลอยไปกระแทกปากของคนตรงหน้า

“โอ๊ย…นายจะกวนประสาทฉันไปถึงไหนกันห๊ะ” ร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด มองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หรือไม่ก็อยากจะกระซวกไส้ออกมากระทืบเล่นให้สาสมกับวาจาที่เขาพ่นออกมา

“คุณก็เลิกบ่นซะทีสิ บ่นมากๆ ระวังแก่ขึ้นไปอีกนะคุณ ลำพังที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็น่าสงสารอยู่แล้ว แล้วถ้าทั้งแก่และเชย คุณไม่ต้องไปประกาศรับสมัครสามีทางโทรทัศน์หรือครับ” วาจาเหมือนจะว่ากล่าวตักเตือนด้วยความหวังดีนั้น มันไม่ได้มีความจริงใจเจืออยู่เลย มีแต่การค่อนแคะให้คนฟังได้เจ็บใจเล่น

“นั่นปากหรือส้วมกันแน่ยะ” มณีญาเค้นเสียงบริภาษหน้าดำหน้าแดง ไอ้บ้านี่มันจะกวนประสาทเธอไปถึงไหนกันนะ เธออยู่ของเธอดีๆ ยังมาทำให้เธอต้องโมโหอีก

“คุณก็มีตั้งสี่ตา น่าจะรู้นะว่ามันคืออะไร” คนหน้ามึนจงใจยื่นปากหยักมาเฉียดแก้มของสาวแว่น แล้วยอกย้อนพลางยิ้มยั่วให้

“ไอ้คนบ้า ไอ้คนผีทะเล!” มณีญาหายใจเสียงดังด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังประทุ กัดฟันกรอดๆ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอสติแตกได้ขนาดนี้มาก่อน จะมีก็แต่มาร์เวล ดิมิเทียส ไอ้มาเฟียปากดีเท่านั้นที่กล้าทำแบบนี้กับเธอ ชั่วชีวิตนี้มณีญาไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายแบบนั้นอีกแล้ว แต่ความคิดของเธอก็ต้องมีอันเปลี่ยนไป เมื่อได้มาเจอไอ้มหาโจรจอมกวนโอ๊ยในวันนี้

“ขอทางหน่อย ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ” ร่างบางผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าตนจะระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดเอาไว้ไม่อยู่ กลัวว่าจะเผลอไปลงไม้ลงมือกับคนปากดี จึงคิดจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์สักนิด แค่นาทีเดียวก็ยังดี เธอจะได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง

“นี่นายหูหนวกหรือไงห๊ะ ฉันบอกว่าหลบหน่อย ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ” เห็นคนตัวโตยังนิ่งเฉยไม่คิดจะไหวติง มณีญาก็ตะคอกใส่ด้วยความเดือดดาล ในใจได้แต่ภาวนาว่าให้ไปถึงฝรั่งเศสเร็วๆ ทีเถอะ

“เอ้า…เชิญครับเชิญ” ร่างใหญ่ทำการหลีกทางให้เธอโดยใช้วิธีเดิม คราวนี้มณีญาก็เปลี่ยนมาหันหน้าเข้าหาเขาบ้าง เพราะกลัวว่าเขาจะถูกเนื้อต้องตัวอีก

เธอพยายามทำตัวลีบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ไปโดนตัวเขาอีก แต่เครื่องบินดันมาตกหลุมอากาศ ทำให้หญิงสาวเสียการทรงตัว

“อุ๊ย!” มณีญาร้องอุทานเสียงดัง แล้วร่างน้อยก็ร่วงลงไปนั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างพอดิบพอดีราวกับจับวาง ปากทั้งสองประกบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยอารมณ์ตกใจทำให้เจ้าของร่างยักษ์วาดลำแขนไปตระกองกอดร่างแน่งน้อยไว้แนบอก ส่งผลให้ริมฝีปากของทั้งคู่บดขยี้กันมากขึ้น

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตกตะลึงที่โดนมหาโจรหน้าเหี้ยมอย่างเขาขโมยจูบไปดื้อๆ แบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อได้สติมณีญาก็รีบลนลานดันตัวขึ้นจากร่างแกร่ง

“ปล่อยฉันนะ คนฉวยโอกาส ไอ้บ้ากาม ไอ้หน้าหนวดจอมลามก!” ดันอกล่ำออกห่าง แล้วสั่งให้เขาวางมือจากกายตนเสียงสั่นระริก เห็นเขายังนิ่งเฉยและยิ้มยั่วก็ยิ่งขัดเคือง กำปั้นน้อยระดมทุบลงที่ไหล่ทรงพลังไม่ยั้ง

“อยากให้ผมเป็นไอ้บ้ากามเหรอ ได้…” ขาดคำเจ้าของอ้อมกอดรัดรึงก็รั้งลำคอระหงลงมาหา แล้วบดขยี้ริมฝีปากจิมลิ้มอย่างดุดัน

มณีญาเบิกตาโพลง พยายามขบเม้มปากเข้าหากันแน่น เพื่อปิดกั้นปลายลิ้นของผู้ชายกักขฬะไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปภายในได้ แต่ยิ่งเธอทำท่าดื้อดึงมากเท่าไรเขาก็เกิดความอยากเอาชนะมากเท่านั้น คนไม่เคยถูกขัดใจยื่นอุ้งมือใหญ่จับตรึงท้ายทอยสวยไว้มั่น แล้วไล้เลียกลีบปากล่างยั่วเย้า จนสุดท้ายเขาก็สามารถส่งลิ้นร้ายกาจเข้าไปลิ้มรสข้างในกระพุ้งแก้มนุ่ม หญิงสาวหาได้ยอมแพ้ไม่ เธอยังคงพยายามส่ายสะบัดใบหน้าหนีจากการจุมพิตแบบป่าเถื่อน เมื่อเห็นว่าไม่อาจต้านแรงเขาได้ ก็คิดจะใช้ฟันกัดลิ้นร้ายกาจให้หวิ่นแหว่ง แต่เขาก็ไหวตัวทันซะก่อน บีบกระพุ้งแก้มทั้งสองเป็นการลงโทษคนที่คิดจะทำร้ายตนอย่างไม่ปรานี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel