ความซวยของสาวเชยจอมอัจฉริยะ (100%)
ใบหน้าที่ดูผ่อนคลายจากการออกกำลังกายเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นเครียดเขม็ง ก่อนที่จะเอ่ยถามลูกน้องถึงยาเสพติดมูลค่ามหาศาลที่เขาลำเลียงจากฝรั่งเศสมายังไทย แต่พลาดท่าเสียทีโดนตำรวจรู้ระแคะระคาย กระนั้นเขายังให้ลูกน้องเฝ้าสืบหาตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่ายังไงตำรวจก็ยังไม่ได้ไป แต่โชคก็เหมือนจะไม่เข้าข้างคนเลวอย่างตาเฒ่าเสมอไป เมื่อสิ่งที่เขาหวังไว้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
“สายของเราที่อยู่ในคุก บอกว่ายาอยู่ในมือตำรวจแล้วครับนายท่าน” ฮิเดกิผู้เป็นทั้งมือขวาและเลขาตอบเจ้านายเสียงเรียบ
“ระยำเอ๊ย…แล้วมันไปอยู่ในมือตำรวจได้ยังไงวะ” สบถลั่นด้วยความคั่งแค้น คำตอบของลูกน้องคนสนิท ทำให้มาซาโตะถึงกับทำหน้าถมึงทึงดวงตาวาวโรจน์
“คนของเราไปช้ากว่าตำรวจครับนายท่าน” คนที่เขาพูดถึงก็คือตำรวจที่เป็นพรรคพวกของแก๊งในไทย วันนั้นตำรวจนอกเครื่องแบบซึ่งเป็นคนละหน่วยกับคนของแก๊งเข้าไปบุกที่พักยา ก่อนที่ตำรวจที่เป็นคนของพวกเขาจะไปถึง ทำให้ของไปตกอยู่ในมือตำรวจในที่สุด
“ติดต่อไปที่ตำรวจเจ้าของคดี เสนอเงินให้มัน เราต้องนำของมาส่งให้ลูกค้าตามกำหนดให้ได้” มาซาโตะสั่งลูกน้องให้ทำตามวิธีที่ตนทำทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหากับตำรวจ
“เห็นทีคราวนี้มันจะไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิครับนายท่าน” ฮิเดกิทำหน้าลำบากใจเมื่อได้ฟังคำสั่งของนาย หากเป็นครั้งก่อนๆ เขาคงน้อมรับและรีบทำตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่ครั้งนี้เจอตอเข้าเต็มๆ
“แล้วมันยังมีอะไรอีกวะไอ้ฮิเดกิ” มาซาโตะถามอย่างหัวเสีย แสนจะสงสัยว่าจะยังมีอะไรมาขวางทางเขาอีกในเมื่ออำนาจของเงินมันอยู่เหนือทุกอย่างแม้กระทั่งความยุติธรรม สำหรับเขาแล้วเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างถ้ามันมากพอมันก็สามารถยั่วน้ำลายให้คนมีความโลภเป็นทุนเดิมเกิดกิเลศได้
“เจ้าของคดีนี้คือสารวัตรภาคินัย อัศวโพคิน ครับ” กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบนายเสียงเรียบ จากนั้นก็กลั้นใจรอฟังเสียงสบถที่จะตามมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด
“ห่าเอ๊ย…มันอีกแล้วเหรอวะ ไอ้เวรตะไลนี่มันจะตามจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหนกัน” มาซาโตะแผดเสียงสบถลั่น ด้วยความขุ่นแค้นให้นายตำรวจคู่อริของตนที่ลูกน้องกล่าวถึง ทุกครั้งที่งานของเขามีปัญหา มันจะต้องเกิดจากฝีมือของภาคินัยอยู่ร่ำไป
“แล้วนายท่านจะให้ผมทำยังไงต่อไปครับ” เมื่อเห็นนายเอ็ดตะโรก็ชักไม่แน่ใจว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะดูจากรูปการณ์เรื่องมันคงจะไม่ง่ายอย่างที่แล้วมา
“ลองให้คนของเราในกรมตำรวจไปเจรจากับมันดู หากยุ่งยากนักก็หาทางกำจัดมันซะ” มาซาโตะไม่ขอทนกับตัวขัดเส้นทางการทำมาหากิน ท้ายประโยคจึงสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม การฆ่าคนสำหรับเขาถือเป็นเรื่องปกติ หากจะกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซากตามวิถียากูซ่าก็คงจะเป็นวิธีนี้แหละที่เหมาะสมที่สุด
ทุกครั้งมาซาโตะจะปล่อยให้ผ่านเลยไป หากรู้ว่าของไปตกในมือนายตำรวจผู้ตรงฉินอย่างภาคินัย อัศวโพคิน แต่ครั้งนี้เขายอมไม่ได้จริงๆ เพราะของล็อตนี้เป็นของที่จะต้องนำไปส่งให้ลูกค้ารายสำคัญ มันมีมูลค่ามหาศาลและที่สำคัญมันจะถูกส่งไปยังตะวันออกกลาง เพื่อตีตลาดใหม่ในแถบนั้น
“ได้ครับนายท่าน ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยครับ” ชายมาดเหี้ยมรับคำน้ำเสียงแข็งขัน แต่ก็ยังแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หนักใจเพราะงานที่ได้รับมอบหมาย อาจจะไม่สำเร็จอย่างที่นายอยากจะให้เป็นเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“แล้วไอ้มาซากิมันหายหัวไปไหน ทำไมไม่มากับพวกมึง” ถามถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทน และวันนี้ก็ให้ไปทำงานร่วมกับมือขวาของตน แทนที่มาซากิจะกลับมารายงานด้วยตนเองกลับหายหน้า
“นายน้อยแวะเข้าไปที่ไนท์คลับครับนายท่าน เห็นบอกว่าเซ็งๆ” รายงานตามที่ได้เห็นกริยาของมาซากิตั้งแต่ลงจากเครื่อง เพราะรายนั้นแสนจะเบื่อหน่ายกับแผนการที่ผู้เป็นพ่อให้ทำ
“เออ…ให้มันได้อย่างนี้สิวะ วันๆ กินแต่เหล้าเคล้านารี บอกมันด้วยว่าให้ทำตามแผนเดิม และอย่าให้พลาดอีกล่ะ เพราะของที่จะเอาเข้าไปในไทยครั้งนี้มีมูลค่ามหาศาล อย่าให้ตำรวจตามกลิ่นเจอเป็นอันขาด เข้าใจไหม!” สั่งด้วยน้ำเสียเฉียบขาด
“ครับนายท่าน” ค้อมหัวให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะหันหลังเดินออกไปโทรศัพท์สั่งให้คนจองตั๋วเครื่องบินให้นายน้อยของตนกลับไปสานต่อภารกิจที่ประเทศไทยอีกครั้ง
คล้อยหลังคนสนิท มาซาโตะก็หันไปเรียกลูกน้องกลับมาต่อสู้กันอีกสักยกสองยก เพราะตอนนี้เขาทั้งหงุดหงิดและโมโหจนต้องระบายออกโดยใช้การประลองดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย
บ่ายนี้มณีญา อัศวโพคิน ด็อกเตอร์สาวจอมอัจฉริยะ สาวน้อยหน้าใสวัยยี่สิบห้าย่างยี่สิบหก ผู้ที่แอบซ่อนความสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้ม ไว้ภายใต้แว่นตาหนาเตอะและเสื้อผ้าแสนเชย ออกมาซื้อของสดในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ย่านสาทรเพียงลำพัง เพราะไม่โดนพวกแก๊งยากูซ่าตามรังควานมาได้สองอาทิตย์แล้ว มันหายไปหลังจากที่มาก่อกวนที่บ้านอัศวโพคิน จนมารดาของเธอต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะช็อก จากนั้นเธอก็ไม่เห็นหน้าเหลี่ยมๆ ของพวกมันอีกเลย วันนี้แม่สาวจอมอัจฉริยะจึงกล้าที่จะออกไปไหนมาไหนคนเดียว โดยไม่ต้องได้รับการคุ้มครองจากตำรวจซึ่งเป็นลูกน้องของภาคินัย อัศวโพคิน อาหนุ่มของเธอ
เหตุที่ทำให้คนไม่พิสมัยในการทำอาหาร และไม่คิดจะจับตะหลิวมากไปกว่าหลอดทดลอง ต้องออกมาจ่ายตลาดทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนในวันนี้ ก็เพราะว่าอยากจะทำยำผักบุ้งกรอบไปฝากมารดาที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ไปเยี่ยมท่านทีไรคนป่วยก็จะแอบกระซิบกระซาบว่าอยากจะกินยำผักบุ้งกรอบ เอาที่น้ำยำรสแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ มณีญาเลยตั้งใจว่าจะซื้อวัตถุดิบกลับไปให้แม่บ้านสอนทำ แล้วเอาไปฝากมารดาของเธอในวันพรุ่งนี้
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมเบาๆ ทำให้คนที่กำลังเดินฮัมเพลงไปพร้อมกับการล้วงหากุญแจรถถึงกับหยุดชะงักลงนิดนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงทักอย่างไม่เป็นทางการนั้น
“เฮ้ย…ไอ้บ้านี่มันยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเหรอวะเนี่ย” มณีญาขมุบขมิบปากพึมพำกับตัวเองเบาๆ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ แต่ก็พยายามตั้งสติเอาไว้ให้มั่น พลางสอดส่ายสายตาหาทางหนีทีไล่
“ว่าไงจ๊ะคนสวย เห็นหน้าว่าที่สามีถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ หึๆ” มาซากิแสร้งยิ้มหวาน แล้วเอ่ยทักทายด้วยท่าทางขี้เล่น แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด
“ไอ้บ้า อย่ามาพูดจาพล่อยๆ นะ ใครเขาจะยอมเป็นเมียนักเลงหัวโตอย่างแกไม่ทราบ” ทั้งที่กลัวจนฉี่จะราด แต่คนไม่เคยยอมใครอย่างมณีญา ก็โต้ตอบไปทันควันชนิดที่ว่าสั่นสู้กันเลยทีเดียว
“คนอย่างมาซากิ อยากได้อะไรก็ต้องได้นะสาวน้อย” ร่างเตี้ยล่ำของลูกชายยากูซ่าเดินเข้าหาสาวแว่นอย่างคุกคาม แสยะยิ้มให้เมื่อพูดจบ เหมือนเป็นการข่มขวัญว่าอย่าขัดใจเขาถ้าไม่อยากเดือดร้อน
“ฝันไปเถอะ ไอ้หน้าเหลี่ยม!” มณีญาตะโกนลั่น แค่คิดว่าจะต้องร่วมหอลงโลงกับไอ้เตี้ยหน้าเหลี่ยมที่ดีแต่ขู่ เธอก็สะอิดสะเอียนจนอยากจะสำรอกออกมาแล้ว
“เล่นตัวแบบนี้ อยากให้พ่อกับแม่เธอเดือดร้อนใช่ไหม” เมื่อมาซากิเห็นว่าเรื่องชักจะไม่ง่าย ไม่นึกว่าผู้หญิงเฉิ่มเชยจะฝีปากกล้า แถมยังทันคนได้มากขนาดนี้ เขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดออกมาข่มขู่ให้เธอกลัวเกรง
“แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ ทำไมต้องไปรังแกคนแก่ด้วย” มณีญาพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยท้าออกไปด้วยท่าทางอวดดี
“แหม…ว่าที่เมียฉันเก่งซะด้วย แบบนี้แหละพี่ชอบ” มาซากิเอ่ยล้อเลียนด้วยท่าทางขบขัน แอบแสยะยิ้มที่มุมปาก แม่นี่คงคิดสินะว่าคนอย่างเขาจะหลงเสน่ห์พิศวาสผู้หญิงแปลกอย่างเธอเข้าจริงๆ
“ถ้าแกยังกล้าไปรังควานพ่อกับแม่ฉันอีกล่ะก็ ฉันจะเอาแกเข้าคุกแน่” มณีญาประกาศกร้าว ปกป้องบุพการีอันเป็นที่รักทั้งสองอย่างเต็มที่
“อย่าพูดมาก ไปกับฉันซะดีๆ” ทายาทยากูซ่าถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ผู้หญิงอะไรไม่สวยแล้วยังทำตัวน่ารำคาญ พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าของร่างเตี้ยล่ำตรงเข้ามากระชากแขนเรียวเร็วไว จนมณีญาไม่ทันระวัง จึงไม่อาจเหนี่ยวรั้งตัวเองเอาไว้ได้
“ไม่ ปล่อยนะ ฉันไม่ไปไหนกับอันธพาลอย่างแกทั้งนั้น ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ไอ้บ้านี่มันจะฉุดฉัน” สะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมเร่าๆ ปากก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไม่หยุดหย่อน พลเมืองดีคนหนึ่งเดินเข้ามาถามไถ่ทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงโวยวายของมณีญา
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” ชายคนนั้นถามด้วยความสุภาพ ทำให้มาซากิหยุดฉุดกระชากลากดึงมณีญาแต่ก็ยังกำข้อมือบางแน่น หันกลับไปตวัดหางตามองคนที่แส่หาเรื่อง
“เรื่องของผัวเมีย มึงอย่าเสือก ถ้าไม่อยากคอขาด” เสียงดุกระด้างตะคอกใส่คนที่เข้ามายุ่งเรื่องของตนอย่างโมโห วาจาที่พ่นออกมาจากปากล้วนหยาบคายเกินจะทน
“เอ่อ…ขอโทษครับ” คนที่เห็นว่าตนจะเข้ามาผิดคิว เอ่ยขอโทษขอโพยด้วยท่าทางสุภาพ ยิ่งเห็นปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวของลูกน้องของคนที่กำลังฉุดผู้หญิงตรงหน้า เขายิ่งผวาและไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป
“ขอโทษเสร็จแล้ว จะมายืนทำซากอะไรวะ ไสหัวไป!” มาซากิไล่ตะเพิดอย่างเดือดดาลและรำคาญใจ ที่มีคนเข้ามาเป็นตัวถ่วงในแผนการครั้งนี้ เขาไม่อยากจะเสียเวลากับยัยเชยนี่ให้นานเกินควร
“ไปแล้วครับ ไปแล้ว” ชายผู้นั้นละล่ำละลักรับคำปากคอสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเผือด รีบลนลานก้าวขายาวๆ ออกไปจากลานจอดรถทันที
“เดี๋ยวคุณอย่าเพิ่งไป ผู้ชายคนนี้เขาโกหก ฉันไม่ใช่เมียเขานะ” เมื่อมณีญาเห็นว่าตัวช่วยเดินหน้าตั้งจากไป ก็รีบตะโกนไล่หลังไปยับยั้งไว้
“หึๆ คิดว่ามันจะกลับมาช่วยเธอเหรอคนสวย ฝันไปเถอะ” เสียงหัวเราะน่ากลัวอยู่เหนือศรีษะ ทำให้มณีญาขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัวลึกลงไปในจิตใจ แต่เธอก็พยายามใช้สมองอันชาญฉลาดคิดหาทางเอาตัวรอดตลอดเวลา
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า!” บิดข้อมือออกจากอุ้งมือใหญ่ ปากก็ออกคำสั่งให้เขาปล่อยตน ยิ่งอยู่ใกล้ไอ้บ้านี่มากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าประสาทจะกิน
“ไปกับฉันดีๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มาซากิฉุดกระชากให้มณีญาเดินตามไปขึ้นรถ แต่หญิงสาวก็พยายามขืนตัวไว้ เมื่อคิดสิ่งที่จะสามารถทำให้ตนหลุดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมได้ก็ไม่รอช้า
“คุณตำรวจคะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย” มณีญาทำทีเป็นร้องตะโกนเสียงดัง กระโดดตัวลอย โบกมือไหวๆ แล้วหันไปมองข้างหลัง ทำเหมือนมีตำรวจอยู่บริเวณนั้นจริงๆ
“เฮ้ย…เวรแล้วไง พ่อมึงมา” มาซากิสบถลั่นด้วยความไม่ชอบใจ ถึงแม้เขาจะมีอิทธิพลมากล้นจนตำรวจไม่สามารถเอาผิดได้ แต่นั่นมันในญี่ปุ่นหาใช่ประเทศไทยไม่ มณีญาเห็นท่าทางตื่นๆ ของไอ้ยากูซ่าหน้าเหลี่ยมเธอก็รีบฉวยโอกาสสะบัดแขนออกจากอุ้งมืออันน่ารังเกียจของมัน
“ไหนครับตำรวจ ไม่เห็นมี” ลูกน้องที่ยืนขนาบข้างผู้เป็นนาย หันซ้ายแลขวาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของตำรวจตามที่หญิงสาวกล่าวอ้างสักคน
“นี่ไงล่ะ นี่แน่ะ” จบคำพูดมณีญาก็ยกเท้าขึ้นถีบที่หน้าแข้งของไอ้หน้าเหลี่ยมจนร่างเตี้ยล่ำเซไม่เป็นขบวน หลังจากนั้นก็ประเคนกระเป๋าทุบตีลูกน้องของมันอย่างไม่ออมแรงคนละตุ้บ แล้วจึงซอยเท้าวิ่งหน้าตั้งจากมาอย่างไม่คิดชีวิต
“โอ๊ย…ยัยบ้า เธอกล้าหลอกฉันเหรอ” เสียงอาฆาตแค้นส่งไล่หลังมาติดๆ มณีญาผ่อนฝีเท้าลง เมื่อคิดว่าพวกมันคงจะไม่กล้าตาม เพราะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยของทางซูเปอร์มาเก็ตเดินมาทางนี้พอดี ครั้งนี้ถือว่าสวรรค์บันดาลให้โชคเข้าข้างเธอ
“ทำไมฉันจะไม่กล้า ไอ้อันธพาล!” ลอยหน้าลอยตายิ้มยั่วด้วยท่าทางนางมารร้ายสุดๆ แล้วสะบัดหน้าเดินจากมาอย่างสบายอารมณ์
“เป็นไงล่ะไอ้ยากูซ่าหน้าเหลี่ยม ถ้าแกยังไม่เลิกตอแยฉัน ครั้งหน้าแกจะเจอจระเข้ฟาดหาง ฮึ…รู้จักมณีญาน้อยไปซะแล้ว” ระหว่างไขกุญแจรถ สาวแว่นจอมอัจฉริยะก็พูดกับตัวเองคนเดียวด้วยท่าทางก๋ากั่น
“ฮึ่ย…ฝากไว้ก่อนเถอะยัยขี้เหร่เอ๊ย ถ้าพ่อฉันไม่สั่งอย่าหวังเลยว่าคนอย่างฉันจะลงมายุ่งกับเธอ” มาซากิเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความโมโห
คนที่โดนทำร้ายร่างกายจากผู้หญิงที่เขาคิดว่าไม่มีพิษสง ซึ่งพ่อเขาคิดจะใช้เธอให้เป็นหมากโง่ๆ ในเกมถึงกับสบถลั่นด้วยความเดือดดาล ทั้งยั้งรู้สึกเสียหน้าที่ปล่อยให้ยัยเชยมาตะโกนด่าปาวๆ โดยที่เขาไม่ได้หักคอหรือลงโทษเธอ ให้สาสมกับความสามหาว กล้าดียังไงมาด่าเขาฉอดๆ หากไม่กลัวเสียแผนเขาคงตบหน้าถือดีนั่นให้คว่ำไปแล้ว นี่แม่นั่นคงเผลอคิดไปแล้วมั้งว่าตัวเองสวยหยาดฟ้ามาดินจนเขาต้องตามตื้อ
“จะให้ตามไหมครับนายน้อย” เห็นนายเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองตามหญิงสาวไปด้วยความคั่งแค้น ลูกน้องก็ถามไถ่เจ้านายอย่างเอาใจ
“ไม่ต้อง ฉันสะอิดสะเอียนสีหน้าไร้อารมณ์ของแม่นั่นเต็มทน ปล่อยไปก่อน แค่นี้มันก็แทบอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ” รีบบอกปัดความหวังดีของลูกน้อง คิดว่าแค่นี้ครอบครัวของเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้วล่ะ ดีไม่ดียัยแว่วนั่นคงวิ่งแจ้นไปฟ้องอาของมันทันทีที่กลับถึงบ้าน แค่คิดว่าไอ้สารวัตรภาคินัยจะป่วนมากแค่ไหนที่รู้ว่ายากูซ่ามาตามตอแยหลานสาว มาซากิก็รู้สึกอารมณ์ดี แสยะยิ้มร้ายกาจออกมา
“แต่นายท่านสั่งว่า…” คนเป็นลูกน้องทำทีเหมือนจะทวนความจำนายน้อย โดยการยกเอาคำพูดของนายใหญ่ขึ้นมาอ้าง แต่โดนเขาโบกมือสกัดไว้เสียก่อน
“หยุด ฉันสั่งอะไรก็ว่าตามนั้น” มาซากิสั่งเสียงเรียบ ชักจะนึกรำคาญลูกน้องที่เอะอะอะไรก็ยกเอาคำพูดของพ่อเขาขึ้นมาอ้าง แค่เขายอมทำตามแผนของพ่อมันก็ดีเท่าไรแล้ว ให้ทำอะไรไม่ให้แต่ดันให้ทำเหมือนคลั่งสาวแว่นสุดเชย ที่เหมือนหลุดออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ต่างอะไรจากไดโนเสาร์ เต่าล้านปี บอกตรงๆ ว่าคนอย่างเขารับไม่ได้จริงๆ ให้ตายเถอะ!
“ครับนายน้อย” ชายหน้าเหี้ยมค้อมหัวรับคำอย่างไม่มีข้อแม้