บทที่3.อยากมีเวทมนต์เพื่อสาปใครบางคนชะมัด..
คริสเตียน ทรงตัวยืน เขามองเลยไปที่เพื่อนสนิท รอยยิ้มแบบนั้นของไฮน์เนอร์ คริสเตียน เลยก้มหน้าหลบแววตารู้ทันนั่นเสีย แววตาไฮน์เนอร์ทิ่มแทงใจดำของเขาดังจึกๆ
“ขอบคุณค่ะ” ญาณินพึมพำขอบคุณ
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขา เป็นการเสียหน้าครั้งแรกที่ต้องจำจนตาย ครั้งต่อไปเอกสารทุกชิ้นที่เกี่ยวกับยูเนี่ยนฟู๊ด เธอคงต้องตรวจทานดีๆ จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก
“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวผมสักมื้อสิ คงดีกว่าคำขอบคุณเฉยๆ”
ญาณินตัวแข็งทื่อ ปฏิเสธตอนนี้ก็คงเสียมารยาทน่าดู เธอฝืนยิ้ม “ได้สิคะ ที่ไหนดีละคะ”
ผลัดวันประกันพรุ่งไปก็ไม่มีทางแก้อะไรได้ ในเมื่อตกปากรับคำไปแล้ว ก็รีบทำให้จบๆ ไป จะไม่มีอะไรติดค้าง
“ตามมาสิ ผมกำลังออกไปหาอะไรกินกับไฮน์เนอร์อยู่พอดี”
“ถ้าคุณไม่สะดวก เปลี่ยนเป็นวันอื่นก็ได้นะคะ”
“วันนี้แหละที่ผมสะดวก ผมยุ่งช่วงนี้ คุณเองก็น่าจะรู้”
ญาณินถอนใจ “ผมจะส่งเอกสารที่เรียบร้อยแล้วไปให้ที่บริษัทของคุณญาณินครับ” ชายชาญกระซิบบอก
“ขอบคณค่ะ” ญาณินตอบกลับ แล้วรีบเดินตามชายผู้นั้นไปติดๆ
ไฮน์เนอร์เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง มองผ่านไหล่คริสเตียน ไป “คิดจะทำอะไรวะคริสเตียน ?”
“เปล่า แค่อยากกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวสักหน่อย” ไฮน์เนอร์ไม่ได้ท้วง เขาไหวไหล่เดินนำหน้า “ตกลงไปไหนแน่ครับ?
“ที่เดิมนั่นแหละไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก” คริสเตียน ตอบและหมุนตัวไปบอกคนที่เดินตามมาห่างๆ “เจอกันที่...” เขาเดินนำไม่รอคำตอบ
ญาณินเบ้ปาก กลอกตามองบน สถานที่ที่ชายผู้นั้นเอ่ยถึงคือแหล่งส่องสุมของผู้ชายโสดแต่ร่ำรวย เธอพลาดท่าหลวมตัวอาสาเอง มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แต่...คิดเหรอว่าเธอจะยอมให้เขาถล่มใส่ฟรีๆ
สองหนุ่มมาถึงก่อน เขาสั่งเครื่องดื่มมารอและดื่มกันไปพลางๆ คริสเตียน ดื่มบรั่นดีเพรียวๆ ไปถึงสองแก้ว คนที่กำลังรอก็ยังไม่โผล่หน้ามาสักที เขาชักสีหน้าตอนที่สายตาไปสะดุดเข้ากับใครบางคน พร้อมกับที่ไฮน์เนอร์เอียงตัวมากระซิบใกล้ๆ
“พี่เมียนายนี่แอบร้ายนะ”
คริสเตียน กดมุมปาก หลุบเปลือกตาลง “พี่ณินละคะ” พัฐสุดาทิ้งตัวนั่งพยายามเบียดใส่คริสเตรียนให้ได้มากที่สุด แล้วรีบยกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาหา
ไฮน์เนอร์เป็นคนตอบ “ยังมาไม่ถึงเลยครับ คุณญาณินชวนคุณดามาเหรอครับ”
“ค่ะ...พี่ณินคงไม่สะดวกใจหากต้องมาคนเดียวน่ะค่ะ เลยขอให้ดามาด้วย คุณคริสเตียน ไปลองชุดมาหรือยังคะ ของดาเกือบเสร็จแล้วค่ะ” พัฐสุดาตอบไฮน์เนอร์แล้วหันไปถามคริสเตียน
“ยังเลย ไม่ว่าง” เขาตอบเสียงแข็ง ฉวยขวดบรั่นดีมารินใส่แก้วแล้วดื่มต่อ
“เหลือเวลาไม่เท่าไหร่แล้วนะคะ ถ้าจวนเจียนจะแก้ไม่ทัน”
“ว่างๆ จะเข้าไป ความจริงรูปร่างฉันไม่เคยเปลี่ยน ร้านนั้นฉันตัดสูทประจำ ไม่น่ามีอะไรให้แก้” ท่าทางไม่กระตือรือร้นเหมือนกับว่าที่จ้าบ่าวคนอื่น พัฐสุดาเลยแก้เก้อด้วยการพูดเสริมขึ้นมา
“ดาตื่นเต้นเองนะคะ ดาอยากให้งานครั้งนี้ออกมาดีไม่มีที่ติอะไรเลย”
คริสเตียน ไหวไหล่แล้วรินบรั่นดีใส่แก้วและดื่มต่อ
ญาณินเดินยิ้มกร่อยๆ เข้ามา เธอออกตัวก่อนที่จะถูกใครบางคนต่อว่า “คงไม่ว่าอะไรนะคะที่ณินชวนยัยดามาด้วย”
ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งหน้าตึง “พี่ณินทำถูกแล้วค่ะ ดาไม่ชอบข่าวก็อตซิปเท่าไหร่หรอก ช่วงนี้ยิ่งใกล้วันงานแล้ว ข่าวแย่ๆ พวกนั้นอาจทำให้ผู้ใหญ่คิดมากค่ะ”
ญาณินทรุดนั่ง “สั่งอาหารหรือยังคะ ดาล่ะอยากกินอะไร วันนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง” ญาณินฝืนพูด หางตามองยี่ห้อบรั่นดีที่ชายผู้นั้นดื่ม เธอคำนวณราคาในใจ รู้สึกขนลุกขนพองกับราคาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จำพวกนี้
“น่าเกลียดตายเลยค่ะพี่ณิน”
“ไม่หรอก พี่อยากตอบแทนที่แฟนเธอที่อนุโลมให้กับความผิดพลาดของบริษัทพี่น่ะ”
“อ้อ...ดาขอบคุณแทนพี่ณินด้วยนะคะคุณคริสเตียน ”
คริสเตียน ไม่ได้ตอบ เขาดื่มและดื่มด้วยสีหน้าตึงๆ จนเพื่อนร่วมโต๊ะรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะญาณิน มีพัฐสุดาคนเดียวที่ร่าเริงสุดขีด ญาณินแอบเบ้ปากหลายครั้ง แทบทุกครั้งที่น้องสาวตัวเองพะเน้าพะน้อคริสเตียน เหมือนดั่งเขาเป็นเจ้าชีวิต เธอมองภาพที่เห็นพร้อมกับความรู้สึกชนิดหนึ่งในใจ หากเธอเป็นแม่มดเธออยากสาปผู้ชายจำพวกนี้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นแรงขับเคลื่อนแกนโลกหรือยังไงนะ คนรอบตัวของเขาเลยจำเป็นต้องหมุนตาม
ไฮน์เนอร์อมยิ้ม ชำเลืองมองทั้งเพื่อนและพี่สาวว่าที่เมีย