ตอนที่ 1
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่มากพอจะจุคนได้กว่ายี่สิบคน ร่างองอาจของชายชรานั่งอยู่หัวมุมของโต๊ะประชุมตัวยาวโดยมีหนุ่มสาวไล่ลำดับตามอายุนั่งไล่กันไปจนถึงหางโต๊ะซึ่งก็คือเฌอลิน
มิสเตอร์ ไมเคิล ซี หรือที่บรรดาลูกๆ เรียกกันติดปากว่า ‘แด๊ด’ เป็นนักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัทประมูลวัตถุโบราณชาวไต้หวัน ทว่าเบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้คือ เขาเป็นสมาชิกขององค์กรลับองค์กรหนึ่ง ซึ่งมีหัวหน้าคือมิสเตอร์หว่อง ฉิน องค์กรลับนี้มีชื่อว่า ‘ดาร์กไดมอน’ มีภารกิจสำคัญคือ การรับจ้างปลิดชีพคนสำคัญๆ ตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง โดยมีไมเคิล ซี เป็นเสมือนหัวหน้าที่ต้องคอยหาเด็กๆ สายเลือดใหม่เข้าสู่องค์กรเพื่อรับการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวเป็นนักฆ่ามืออาชีพ
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ไมเคิล ซี ชายชราผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งยากที่จะคาดเดาความรู้สึกจึงมีลูกกว่ายี่สิบคน และกำลังนั่งลายล้อมเขาอยู่ หนุ่มสาวกลุ่มนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา ทว่าแต่ละคนมีประวัติเป็นเด็กกำพร้า เด็กจรจัดหลากหลายเชื้อชาติที่เขาเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และฝึกสอนการเป็นนักฆ่าให้แก่ทุกคน แต่กระนั้นนักฆ่าเหล่านี้ก็ถือว่าต้องเดิมพันกับภารกิจต่างๆ ด้วยชีวิต เนื่องจากหากปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ นักฆ่าคนนั้นก็จะต้องถูกสังหารตามกฎขององค์กรที่มิสเตอร์หว่อง ฉิน ตั้งขึ้น
“ไลลา รายงานผลมาซิ” เสียงห้าวลึกของไมเคิล เอ่ยถามลูกบุญธรรมคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้เขา เนื่องจากเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่าคนอื่นๆ และมีประสบการณ์ในการลงสนามจริงมากกว่าใคร
“นายปีเตอร์ บราวน์ นักธุรกิจทางการเงินชาวอังกฤษ โต้โผใหญ่ในการก่อตั้งกลุ่มสถาบันทางการเงินบียูเอ็นที่มีสมาชิกทั้งหมดห้าประเทศ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2014 เวลา ตีสองสิบนาทีค่ะ” เสียงแหลมสูงทว่าหนักแน่นของไลลารายงาน สายตาสีฟ้าสดใสของเธอมองไปยังจอโปรเจกเตอร์ ซึ่งปรากฏรูปของนักธุรกิจการเงินวัยกลางคนอยู่บนหน้าจอ ชายที่เธอได้ลงมือสังหารเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
“ดีมาก คนต่อมา เนลสัน” ไมเคิลหันไปหาลูกชายบุญธรรมผิวสีที่นั่งถัดจากไลลาไปสองช่วงคนพลางคลิกเมาธ์ให้หน้าจอเปลี่ยนเป็นรูปนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส ซึ่งเนลสันก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคนละเมอ หรือบางทีเขาก็ดูเหมือนคนที่ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยพฤติกรรมแบบนี้แหละที่ทำให้เขาสามารถปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว
“นายฟร็องตัวร์ ลาโซเลส นักธุรกิจการเงิน เป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในฝรั่งเศส หนึ่งในสมาชิกของบียูเอ็น เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2014 เวลาบ่ายสามโมงเย็น” เนลสันว่าจบก็อ้าปากหาวหวอดใหญ่ และเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ ซึ่งก็เป็นที่เอ็นดูและขบขันของใครหลายคน แม้แต่ไมเคิลยังส่ายหน้าอย่างระอา ในขณะที่ลินดาได้แต่เบ้ปากอย่างรังเกียจและดูแคลน
“ลินดา รายงานผลของเธอซิ” เสียงของไมเคิลดึงสายตาของลินดาให้กลับมาอยู่ที่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ก่อนจะกระแอมตั้งหลัง ดวงตาคมดุราวกับเหยี่ยวสาวจ้องมองใบหน้านักธุรกิจที่ปรากฏอยู่หน้าจอและยิ้มน้อยๆ รายงานผลด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ
“นายเจสัน มิวเนอร์ นักธุรกิจการเงิน ผู้มีอิทธิพลที่สุดในเยอรมนี หนึ่งในสมาชิกบียูเอ็น เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2015 ในตอนเช้าแปดโมงสามสิบนาทีค่ะ”
“ไซมอน” ไมเคิลเรียกชื่อลูกบุญธรรมชาวญี่ปุ่นสั้นๆ ซึ่งชายหนุ่มก็ยืดตัวตรงและจ้องขม็งไปยังจอโปรเจกเตอร์ซึ่งกำลังปรากฏรูปของนักธุรกิจชาวสวิสเซอร์แลนด์ และรายงานผมด้วยเสียงห้าวลึก บ่งบอกถึงความโหดเหี้ยมของเขาที่มีในน้ำเสียง
“นายลูเซิร์ส อองลาโน นักธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในสมาชิกบียูเอ็น เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2015 เวลาสองทุ่มสิบนาทีครับ” เมื่อสิ้นเสียงรายงานของไซมอน ก็บังเกิดเสียงปรบมืออย่างชื่นชมของไมเคิล ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของชายชราจะผุดลุกจากเก้าอี้กวาดสายตามองลูกบุญธรรมทุกคนผ่านแสงไฟดวงเล็กๆ ในความมืดสลัวของห้องประชุมก่อนจะกระตุกยิ้มน้อยๆ อย่างภาคภูมิใจในฝีมือของลูกๆ ที่เขาเฝ้าอบรมฝึกสอนจนเป็นนักฆ่าฝีมือฉกาจ
“ภารกิจนี้ถือว่าทุกคนปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะไซมอน ที่สามารถเสร็จสิ้นภารกิจได้อย่างรวดเร็วภายในหนึ่งอาทิตย์” ไมเคิลผายมือไปทางไซมอนที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้โค้งศีรษะรับคำชมและเสียงปรบมือของพี่น้องทุกคน “เอาล่ะ...เป็นที่ทราบกันดีว่า กลุ่มสมาชิกองค์กรบียูเอ็น เป็นกลุ่มที่มีนักธุรกิจทางการเงินที่มีอำนาจที่สุดในแต่ละประเทศมารวมตัวกัน และตอนนี้เราก็สามารถกำจัดไปได้แล้วสี่ราย เหลือรายสุดท้าย”
ไมเคิลคลิกเมาธ์ให้หน้าจอเปลี่ยนจากรูปของนักธุรกิจชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นใบหน้าของนักธุรกิจอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่เขาจะต้องเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้ลงมือสังหาร
ภาพเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำข้าว เส้นผมลากไซสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับเครื่องหน้าที่พระเจ้าปั่นแต่งมาได้อย่างลงตัว ริมฝีปากนั้นหยักลึก ตาสีฟ้านั้นก็คมกริบ คิ้วหนารับกับจมูกที่โด่งเป็นสันปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เป็นภาพของนักธุรกิจซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไป และเป็นคนสุดท้ายก่อนที่ภารกิจสังหารบุคคลที่รวมตัวกันก่อตั้งองค์กรบียูเอ็นจะจบสิ้นลง
สายตาทุกคู่เพ่งมองไปที่ภาพบนหน้าจอ มือก็เปิดสมุดบันทึกเพื่อจดข้อมูลที่พ่อบุญธรรมกำลังจะให้รายละเอียดก่อนจะคัดเลือกตัวแทนไปปฏิบัติการ
“คนคนนี้คือนายเซน ลิโอนาส เป็นนักธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในสกอตแลนด์ เป็นอีกหนึ่งคนที่สนับสนุนให้มีการตั้งองค์กรบียูเอ็นขึ้น และถ้าเกิดองค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นมาสำเร็จ นายคนนี้ก็จะเปรียบเสมือนมือขวาของนายปีเตอร์ บราวน์เลยทีเดียว ที่สำคัญนายเซน เป็นคนที่เข้าถึงยากที่สุด เพราะมีบอดี้การ์ดฝีมือเยี่ยมคอยคุ้มกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“แด๊ดคะ แล้วนายเซนนี่ มีจุดอ่อนอะไรมั้ยคะ” ลินดาถามอย่างผู้ชำนาญในการลงสนามจริง การรู้จุดอ่อนของเป้าหมายจะสามารถทำให้การทำงานสำเร็จเร็วขึ้น แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้บรรดาลูกบุญธรรมต่างมองหน้ากัน
“ไม่มี”
“ขออนุญาตค่ะแด๊ด” จู่ๆ เฌอลินที่นั่งเงียบมาตลอดเพราะคิดว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับภารกิจน้อยที่สุด เนื่องจากเธอยังไม่เคยลงสนามจริงมาก่อน ก็ยกมือขึ้นพลางเอ่ยความคิดเห็นของตนออกมา “เท่าที่รู้เป้าหมายที่ผ่านๆ มาก็มีบอดี้การ์ดคุมกันอย่างแน่นหนาไม่ต่างจากนายคนนี้ แต่ทุกคนก็มีช่องโหว่ให้เราจัดการได้ นายคนนี้ก็น่าจะมีบ้างนะคะ”
“ไม่มีจริงๆ เฌอลิน คนคนนี้เป็นประเภทไม่สุงสิงกับใครและไม่ชอบเข้าสังคม” ไมเคิลยืนยันกับลูกสาวคนโปรดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าพูดกับคนอื่นๆ ก่อนที่เสียงนั้นจะเข้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเอ่ยกับลูกทุกคน “งานนี้เลยต้องหาคนที่ฝีมือดีจริงๆ ไปจัดการ คนที่สามารถเด็ดชีวิตเหยื่อในระยะไกลได้ เพราะโอกาสในการเข้าถึงตัวเหยื่อรายนี้มีไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“เฌอลิน!” เสียงหนึ่งดังแหวกอากาศออกมา ก่อนที่สายตาทุกคู่จะจับต้องที่เจ้าของเสียงซึ่งทำหน้าตาราวกับจะถามว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือ
“พี่ว่าอะไรนะ พี่ลินดา” ชีลินเอ่ยถามเสียงขุ่น
“ก็เฌอลินไง ว่องไว ยิงปืนแม่นทั้งระยะใกล้และระยะไกล” ลินดาว่าเสียงสูงพลางส่งยิ้มที่คนมองรู้สึกว่ามันเคลือบด้วยยาพิษไปให้เฌอลินที่ตาเบิกกว้างมองพี่สาวทีมองพ่อบุญธรรมที
“พี่ก็รู้ว่าเคสนี้อันตรายมาก จะให้เฌอลินที่ไม่เคยลงสนามจริงไปได้ยังไง ฉันว่าเคสนี้ต้องพี่ไซมอนเท่านั้น” ชีลินยังคงเถียงแทนน้องเล็กที่กำลังนั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“พี่ไซมอนเพิ่งจะสังหารนายลูเซิร์นไปนะ ใจคอจะไม่ให้พักให้ผ่อนกันเลยหรือไง” ลินดาถลึงตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ลินดา เฌอลินยังไม่เคยลงสนามจริง จะให้ทำภารกิจใหญ่อย่างนี้ได้ยังไง” ไมเคิลเถียงแทนลูกสาวคนโปรดที่ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ายังไม่พร้อม...ลูกทุกคนเมื่อต้องเริ่มปฏิบัติการจริง มโนสำนึกและความหวาดกลัวมักจะตามหลอกหลอน ต้องรอจนกระทั่งมือเปื้อนเลือดสักสามสี่ครั้งก่อนจึงจะคุ้นเคยและทำใจยอมรับได้ แถมเป้าหมายที่จะต้องกำจัดรายนี้ก็ถือว่าหินมากสำหรับเฌอลินที่ไม่เคยลงมือ ‘ฆ่า’
“แต่เฌอลินก็ผ่านการทดสอบด้วยคะแนนดีเยี่ยม แถมยังทำเวลาได้ดีกว่าพี่ๆ ทุกคน” ลินดาว่าด้วยรอยยิ้มคงเส้นคงวาที่ทำเอาน้องเล็กถึงกับหนาวยะเยือก
“ใช่ครับแด๊ด...เฌอลินมาอยู่กับเราตั้งแต่อายุแปดขวบ จนถึงตอนนี้ก็ร่วมสิบห้าปี ผมว่าถึงเวลาที่น้องต้องพิสูจน์ฝีมือให้พี่ๆ เห็นแล้วนะครับเพราะถ้าเทียบกับคนอื่นๆ เฌอลินถือว่าได้รับการฝึกนานกว่าทุกคน และผมเชื่อว่าถ้าเสนอชื่อเฌอลินให้มิสเตอร์หว่อง ท่านจะต้องเห็นด้วยแน่นอน” ไซมอนสนับสนุนลินดา เสียงของเขาทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็มีหลายคนที่เป็นห่วงน้องนุชสุดท้อง แต่ที่ทุกคนรู้ดีที่สุดคือเวลานี้ ‘แด๊ด’ กำลังทำใจลำบาก
เฌอลินกวาดสายตามองบรรดาพี่ๆ ทุกคนที่เวลานี้กำลังมองเธอเป็นตาเดียว บางคนมีสีหน้าเป็นห่วงและแสดงความไม่พอใจไซมอนกับลินดาอย่างชัดเจน บางคนก็มองเธอเหมือนต้องการบอกให้เธอรับอาสา แต่ไซมอนกับลินดามองเธอเหมือนต้องการท้าทาย เธอรู้...พี่ชายและพี่สาวของเธอคู่นี้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอสักเท่าไหร่ สำหรับลินดาเหตุผลก็คงเหมือนที่คนอื่นๆ รู้ดี หลายคนก็หมั่นไส้เธอเรื่องนี้ เรื่องที่แด๊ดรักและประคบประหงมเธอกว่าใคร ส่วนไซมอนเขาโกรธเคืองเธอด้วยเหตุผลส่วนตัว...แต่สิ่งที่ลินดาและไซมอนทำมันบอกชัดเจน พวกเขาต้องการเห็นเธอล้มเหลว และตามกฎขององค์กร หากนักฆ่าคนใดทำงานพลาด ก็จะถูกฆ่าทิ้งทันที และแน่นอนว่าคนที่จะฆ่าเธอก็คือ มิสเตอร์ไมเคิล ซี พ่อบุญธรรมของเธอเอง
“ว่าไงล่ะเฌอลิน แด๊ดทุ่มฝึกสอนเธอกับมือมากกว่าลูกๆ ทุกคน ถึงเวลาที่เธอควรจะทำให้แด๊ดเห็นว่าสิ่งที่ท่านสอนมันสัมฤทธิ์ผลนะ ได้ระดับปรมาจารย์อย่างแด๊ดเป็นเทรนเนอร์ เธอจะกลัวอะไรกับแค่นายเซนคนนี้ จริงมั้ย” เมื่อเห็นว่าเฌอลินยังเงียบ ลินดาก็จุดไฟในใจให้น้องบุญธรรมเริ่มเต้นเร่าๆ โดยการเอาไมเคิลมาอ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นการกดดันพ่อบุญธรรมไปในตัว และเพื่อรักษาเกียรติของพ่อไว้ เฌอลินจึงยืนขึ้นและประกาศก้องด้วยแววตามุ่งมั่น
“ได้ค่ะ หนูจะรับหน้าที่นี้เอง!”