บท
ตั้งค่า

บทที่ 9.2 ออกจากมิติแล้ว

ว่าด้วยเรื่องระดับพลังในโลกลมปราณ ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรใช้ระดับขั้นเดียวกัน มีทั้งหมด 12 ระดับ (แบ่งขั้นย่อยเป็น ต่ำ กลาง สูง) ประกอบไปด้วย ระดับเริ่มต้น หลอมรวม นักรบ แม่ทัพ จอมยุทธ์ ปราชญ์ จักรพรรดิ ราชัน ราชันจักรพรรดิ เซียน เทพ และเทพบรรพกาล

ระดับพลังของดินแดนเบื้องล่างพบเห็นเพียง 7 ระดับเท่านั้น คือระดับเริ่มต้นถึงระดับปราชญ์ ด้วยทรัพยากรที่จำกัดทำให้ยากนักจะเลื่อนขั้นพลังได้ ดังนั้นตั้งแต่ระดับจักรพรรดิเป็นต้นไป ในสายตาคนของดินแดนเบื้องล่างถือได้ว่าเป็นระดับตำนาน เพราะมันนานมากแล้วที่ไม่มีระดับจักรพรรดิปรากฏกายออกมา

ไม่ต้องพูดถึงระดับเทพ เพราะต่อให้เป็นดินแดนเบื้องบนก็ยังนับว่าเป็นขั้นระดับตำนานเหนือตำนาน เนื่องจากยังไม่เคยมีใครไปถึงระดับเทพเลยนั่นเอง แม้แต่ขั้นเซียนยังมีน้อยที่จะเลื่อนระดับพลังไปถึงได้

การที่เว่ยซือหงปกปิดระดับพลังของตนในครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะหากนางไม่ปกปิดระดับพลัง เกรงว่ายุทธภพได้วุ่นวายครั้งใหญ่แน่ ทั้งนี้หากนางไม่ปกปิดอาจนำมาซึ่งปัญหา และก่อให้เกิดอันตรายกับครอบครัวของนางได้อีกด้วย

ถึงนางจะเด็กแต่นางก็ไม่ได้โง่นะ!

“เอาละ ไปข้างนอกกันเถอะ อยู่ในนี้มาตั้งสามวัน อาหงคิดถึงทุกคนที่สุดเลย! ออกจากมิติ”

วาบ!

ด้านนอกภายในเรือนนอนของเว่ยซือหง นับตั้งแต่เกิดการปะทุขึ้นของพลังปราณ เวลาเพิ่งผ่านมาเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ครอบครัวตระกูลเว่ยรวมตัวกันที่ห้องนอนของเจ้าตัวน้อย สายตาจับจ้องไปยังร่างเล็กบนเตียง ที่นอนหลับตาพริ้มลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

“นี่ก็ผ่านมาสองชั่วยามแล้วนะเจ้าคะ หงเอ๋อร์ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย” หลิวลี่หงกังวลมาก นางห่วงบุตรสาวยิ่งนัก ตามปกติเมื่อพลังปราณตื่นขึ้น ร่างกายจะดูดซับไอพลังปราณที่ปะทุออกมากลับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกินเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม เจ้าของพลังก็จะตื่นขึ้นมาทันที แต่นี่...

“พี่ว่าคงเป็นเพราะพลังปราณของลูกตื่นก่อนกำหนด ทั้งยังมีถึงห้าธาตุ ร่างกายของหงเอ๋อร์จึงปรับสภาพให้รองรับพลังได้ช้า... นี่ก็ผ่านมาสองชั่วยามแล้ว อีกไม่นานลูกของเราก็จะตื่นขึ้น เจ้าอย่ากังวลเลย” พูดปลอบโยนแต่ภายในใจบิดาเช่นเขานั้นกังวลนัก

คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ทุกคนล้วนเป็นห่วงคุณหนูน้อยของจวนกันทั้งสิ้น

“ดึกมากแล้ว ท่านปู่ท่านย่ากลับไปพักก่อนดีหรือไม่ขอรับ”

“ใช่ขอรับ หากน้องสาวตื่นข้าจะไปตามท่านปู่ท่านย่าด้วยตนเอง” สองบุรุษพี่น้องกล่าวสนับสนุนกัน หากยังไม่มีใครตอบสนองอันใด คนที่ทำให้คนทั้งบ้านเป็นห่วงและกังวลพลันเริ่มขยับร่างกาย

“หงเอ๋อร์! ลูกฟื้นแล้ว” หลิวลี่หงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบุตรสาวไวกว่าใคร ปรี่เข้ากอดร่างเล็ก

เปลือกตาเว่ยซือหงกะพริบถี่ก่อนลืมตาขึ้น เจ้าตัวน้อยกวาดสายตามองไปรอบห้องพบว่าครอบครัวของนางอยู่ที่นี่กันครบทุกคน

“ท่านพ่อท่านแม่ ท่านปู่ท่านย่า พี่ใหญ่พี่รอง อาหงทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้วเจ้าค่ะ”

“เด็กดี ลูกเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดตรงไหนหรือไม่” เว่ยซือซานพูดพร้อมส่งกำลังภายในเข้าสำรวจร่างกายบุตรสาวหาร่องรอยการบาดเจ็บ

“อาหงปลอดภัยดีเจ้าค่ะท่านพ่อ” เจ้าตัวน้อยยิ้มกว้าง แล้วหันไปพูดกับท่านย่าของนางว่า

“ท่านปู่ท่านย่า... ดึกแล้วนะเจ้าคะ หากไม่รีบพักผ่อน หลานกลัวว่าสุขภาพร่างกายของพวกท่านจะเจ็บป่วยเอาได้”

“เพ้ย! เจ้าตัวน้อยไม่ต้องห่วงปู่กับย่า พวกเราแข็งแรงดี ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่บาดเจ็บจริงใช่หรือไม่”

“นั่นสิหงเอ๋อร์ หลานไม่บาดเจ็บจริง ๆ นะ หากบาดเจ็บก็บอกย่า ย่าจะได้รีบตามหมอมาดูอาการ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่อาหงไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ทั้งยังแข็งแรงมาก”

“จริงหรือ/แน่นะ” สองพี่น้องเว่ยซือหลางเว่ยซือเหลียงพูดขึ้นพร้อมกัน เจ้าตัวน้อยมองทุกคนอีกครั้งก่อนตัดสินใจ “หากพวกท่านไม่เชื่อก็ดูนี่สิเจ้าคะ”

มือน้อยยื่นออกมาข้างหน้าพร้อมกลิ่นอายพลังปราณระดับเริ่มต้นกระจายออกมา ทำเอาคนตระกูลเว่ยแตกตื่นมากกว่าเดิม

“พลังปราณระดับเริ่มต้นขั้นต่ำ!” เพราะความประหลาดใจทำให้ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน มองไอปราณประกายทองที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือเล็กอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าตัวน้อยจะน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!

“อัจฉริยะ... หลานข้าเป็นอัจฉริยะ!” ผู้เฒ่าเว่ยซือหลิวเอ่ยออกมาก่อนแหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “สมแล้วที่เป็นหลานปู่”

“หลานท่านคนเดียวที่ไหนกัน หงเอ๋อร์ย่อมเป็นหลานของข้าด้วย” หลินซือเหยาฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาบ้างพร้อมเขม่นมองสามีด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไรนัก

คนอื่นมีอาการไม่ต่างจากฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน ต่างพากันคิดว่า ข้ามีลูกสาว-น้องสาวเป็นอัจฉริยะ

เว่ยซือหงมองอาการของทุกคนแล้วลอบถอนหายใจเบา ๆ ดีนะที่นางปกปิดระดับพลังไว้ก่อน หากเปิดเผยหมดในครั้งเดียว จะต้องมีคนเป็นลมหมดสติแน่

“เอาละ ๆ ยามนี้ดึกมากแล้วและหงเอ๋อร์ก็เพิ่งฟื้น ให้นางพักผ่อนต่อเถิดขอรับ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนด้วย มีอะไรไว้คุยกันวันพรุ่งนี้”

“ได้ ๆ เจ้าลูกชายพูดถูกแล้ว ไป ๆ แยกย้ายกันไปได้แล้ว ปล่อยให้หลานสาวข้าพักผ่อน อย่าได้รบกวนนาง” ผู้เฒ่าเว่ยซือหลิวเอ่ยสมทบบุตรชาย ก่อนเป็นคนแรกที่เดินนำออกไป

คนอื่น ๆ พากันส่ายหน้ากับคำพูดของผู้ที่อาวุโสที่สุด แล้วหันไปร่ำลาเจ้าตัวน้อย ก่อนทยอยกลับออกไป

“พักผ่อนนะลูก มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้” หลิวลี่หงที่มองบุตรสาวอยู่ตลอด รู้ดีว่าบุตรสาวของนางมีหลายเรื่องที่อยากจะพูด

“เจ้าค่ะท่านแม่”

“ถ้ามีอะไรลูกก็ให้หลิงจูหรือหลิงอิงไปตามพ่อก็แล้วกันนะ” เว่ยซือซานพูดบ้าง

“เจ้าค่ะท่านพ่อ”

“ฝันดีนะหงเอ๋อร์” เว่ยซือหลางเข้ามาลูบศีรษะน้องสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน

“ใช่ ๆ ฝันดีนะหงเอ๋อร์ อย่าลืมฝันถึงพี่ชายด้วยเล่า” เว่ยซือเหลียงคนร่าเริงพูดบ้าง

เจ้าตัวน้อยยิ้มกว้าง “เจ้าค่ะ ข้าจะฝันถึงทุกคนเลย พวกท่านไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ อาหงจะนอนแล้ว”

พี่ชายทั้งสองจากไป บิดามารดาอยู่ดูบุตรสาวคนเดียวอีกเล็กน้อยก่อนกลับเรือนไปพักผ่อนเช่นกัน

วันนี้สมาชิกตระกูลเว่ยต่างหลับไปอย่างอารมณ์ดี ถึงขั้นฝันหวานว่าจวนตระกูลเว่ยของพวกเขากำลังจะพัฒนาความแข็งแกร่ง และเพิ่มความรุ่งโรจน์ไปอีกขั้นแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel