บท
ตั้งค่า

บทที่ 10.2 เดินตลาดและความผิดหวัง

ต้นยามเว่ย(13.00-14.59 น.) ขบวนเดินทางย่อม ๆ ของเว่ยซือหงเคลื่อนออกจากจวนมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาด ด้วยเป็นวันเทศกาลหยวนเซียว แม้จะยังเป็นช่วงกลางวัน แต่บรรยากาศในตลาดของเมืองหลวงแคว้นโจวก็ครึกครื้นยิ่งนัก เสียงผู้คนพูดคุยดังจอแจ เรียกความสนใจจากคนที่อยากมาเที่ยวได้ไม่ยาก

เจ้าตัวน้อยมองสองข้างทางซ้ายทีขวาทีอย่างร่าเริง นางเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ เพราะไม่บ่อยนักที่ครอบครัวจะปล่อยนางออกมานอกจวนให้เดินตลาดเล่นเช่นนี้

เด็กเล็กเช่นนางจะมีอะไรน่าดึงดูดไปกว่าขนมหวาน เมื่อเห็นร้านขายน้ำตาลปั้นจึงไม่รอช้าที่จะหยุดซื้อ

“ข้าเอาลายกระต่ายหนึ่งไม้เจ้าค่ะ พี่ใหญ่พี่รองเอาน้ำตาลปั้นไหมเจ้าคะ”

“ไม่ละ เจ้ากินเถอะ” เว่ยซือหลางตอบน้องสาว เขาโตแล้วมีอายุ 17 ปีแล้ว ของกินเล่นหวาน ๆ แบบนี้ไว้ให้เด็กอย่างนางกินเถอะ

“แต่พี่เอานะน้องเล็ก ข้าขอลายเสือขอรับ” เว่ยซือเหลียงที่อายุ 14 ปีตอบน้องสาวก่อนพูดกับคนขาย เมินเฉยสายตาดูถูกของพี่ชาย คิดในใจว่า ไม่มีใครห้ามเสียหน่อยว่าโตแล้วห้ามกินขนมหวาน พี่ใหญ่ไม่ชอบของหวานแล้วไยต้องมองเขาด้วยสายตาดูถูกด้วย!

เว่ยซือหงซื้อน้ำตาลปั้นอีกหลายไม้ให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาก่อนเดินไปดูร้านอื่น ๆ ต่อ

ขบวนเดินตลาดของเจ้าตัวเล็กจึงเกิดเป็นภาพน่าขบขัน สร้างเสียงหัวเราะต่อผู้พบเห็นไม่น้อย เมื่อภาพผู้ชายอกสามศอกถือน้ำตาลปั้นไว้ในมือคนละไม้ด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วน

‘คุณหนูขอรับ พวกข้าโตกันแล้วนะขอรับ น้อยสุด 15 ปี มากสุดก็ 22 ปี ไม่กินขนมหวานของกินเล่นเด็ก ๆ กันแล้วขอรับ’ แน่นอนพวกเขาเพียงโอดครวญในใจเท่านั้น ใครจะกล้าปฏิเสธน้ำใจของคุณหนูตัวน้อยผู้น่ารักกันเล่า

เว่ยซือหงเดินเที่ยวตลาดนานนับครึ่งชั่วยาม อารมณ์ตื่นเต้นยินดีที่มีในตอนแรกเริ่มเลือนหายแทนที่ด้วยคิ้วเรียวเล็กที่เริ่มขมวดเป็นปม

“น้องเล็กเป็นอันใดหรือ” พี่ใหญ่เว่ยซือหลางผู้สุขุมจับสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้องสาวได้เป็นคนแรกอดถามขึ้นมาไม่ได้ พี่ชายคนรองเว่ยซือเหลียงเองก็เช่นกัน

“นั่นสิน้องเล็ก พี่รองเห็นเจ้าขมวดคิ้วเป็นปมตั้งแต่เดินผ่านร้านน้ำชามาสักระยะแล้วนะ”

“อาหงแค่หงุดหงิดที่ไม่เห็นใครเอาของป่า ผักหรือผลไม้มาขายเลยเท่านั้นเจ้าคะ” ใช่ นางหงุดหงิด! เดินมาตั้งครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เห็นมีใครเอาผักป่าผลไม้ป่ามาขายเลยสักคน!

“ไม่ค่อยมีคนนำมาขายกันหรอกอาหง ต่อให้มีคนก็จะเก็บไว้กินเอง” เว่ยซือเหลียงเอ่ยบอกนอกสาว

เว่ยซือหลางคิดเล็กน้อยพลางว่า “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ เราไปดูท้ายตลาดที่พวกชาวบ้านชอบมาตั้งแผงขายของป่ากัน”

“ตกลงเจ้าค่ะ” เห็นท่าทางตื่นเต้นของน้องสาวเว่ยซือหลางกล่าวเตือนทันที

“แต่อาหงต้องทำใจเอาไว้นะ หากว่าไม่มีผู้ใดนำของป่ามาขายน้องต้องไม่งอแง”

“เจ้าค่ะพี่ใหญ่”

เว่ยซือหงพยักหน้ารับคำมือเล็กจับมือพี่ชายทั้งสองคนโดยนางอยู่ตรงกลาง เด็กน้อยเดินไปกระโดดไปด้วยหวังว่าจะพบพืชผักที่เขียวสดงดงามแน่สักตน เพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล จากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ จะถือว่าเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เหล่าพืชพรรณพากันผลิดอก ออกผล มองไปทางไหนมีแต่สีเขียว เป็นธรรมดาที่นางจะตั้งความหวังเอาไว้มาก

ทว่าเมื่อมาถึงจุดที่ชาวบ้านตั้งแผงขาย เว่ยซือหงกลับผิดหวังอย่างรุนแรง นางมั่นใจในความคิดของตัวเองเกินไป! ปากเล็กเริ่มเบะพร้อมแล้วที่จะร้อง

“น้องเล็ก เจ้ารับปากพี่ใหญ่แล้วนะว่าจะไม่งอแง”

เด็กน้อยเงยหน้ามองพี่รองของตนก่อนหันไปมองพี่ใหญ่ เจ้าเด็กตัวกลมพยายามฮึบหากความผิดหวังที่มีนั้นมากเกินไป สุดท้ายหยดน้ำตากลมใสก็กลิ้งหล่นลงมา

พรึบ!

“ไม่ต้องร้อง” เว่ยซือหลางคว้าน้องสาวขึ้นอุ้มแนบอกแล้วกล่าวปลอบทันที

“ฮือ... พี่ใหญ่ อาหงเสียใจ ฮึก” ร่างน้อยสะอื้นเสียจนตัวโยน

เว่ยซือหลางเว่ยซือเหลียงจนใจจะปลอบ มองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ได้

“กลับบ้านกันดีกว่าเนอะ เด็กดี เจ้าไม่ต้องร้อง” เว่ยซือหลางกล่าว ยกมือลูบศีรษะเล็กเบา ๆ

“ฮึก กลับบ้านกันเถอะเจ้าค่ะพี่ใหญ่”

“ตกลง กลับบ้านเรากัน”

บุตรชายคนโตตระกูลเว่ยเดินนำน้องทั้งสองและข้ารับใช้กลับจวน ขบวนเดินตลาดเล็ก ๆ ของเว่ยซือหงกลับจวนด้วยบรรยากาศเศร้าหมองต่างจากขามาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นร่าเริง

หากเรื่องนี้ก็สอนเว่ยซือหงได้ดียิ่ง ว่าอย่าได้มั่นใจอะไรจนเกินไป หากยังไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel