ตอน 6
“อีกไม่นานฉันคงได้ไปเยี่ยมลูกหนี้” เฮนลี่มั่นใจตัวเองสูง ทำไม๊ทำไมเงินจะซื้อไม่ได้ทุกอย่าง ไม่ได้อีกทางก็ต้องอีกทางสิน่า
“แนะนำให้ไปเล่นบ่อนที่เรามีหุ้น ทำยังไงก็ได้ให้เสียจนหมดตูด” เฮนลี่ซื้อหุ้นกาสิโนไว้เล็กๆ น้อยๆ ปกติเขาไม่ชอบเดินสายดาร์ก เส้นทางเดินลำบากซื้อไว้เกร็งกำไรพอ
“ครับเจ้านาย พรุ่งนี้ผมจะติดต่อกับภูเบศน์อีกครั้ง ป่านนี้คงนอนกอดเงินหลับปุ๋ย”
“ขอบใจมากพยัคฆ์ อีกไม่กี่วันฉันคงได้กระต่ายมาเลี้ยงในกรง” สิงห์ลับคมเขี้ยวรอ
เฮนลี่ตัดสายกับพยัคฆ์ยกยิ้มบนริมฝีปาก ฉายแววตาเหี้ยมซาตานอย่างเขาไม่เคยปล่อยเหยื่อหลุดรอดคมเขี้ยว หยิ่งได้หยิ่งไปอีกไม่นานย่อมได้เห็นดีกัน โทรศัพท์เครื่องบางถูกวางลงบนหัวเตียง คืนนี้เขามีความสุขซะจริง ปกติเวลาแบบนี้เขาไม่รับสายเพราะรอฟังข่าวจากพยัคฆ์ ต่อให้โทร. ช่วงทำรักกับตุ๊กตาบนเตียง เขาพร้อมสละเวลารับสายพยัคฆ์ได้ เป็นคืนแรกข้างกายขาดผู้หญิง ทุกคืนมักสนุกกับการเล่นเกมสวาท ที่ไม่พาผู้หญิงขึ้น เพราะปัดเตียงนอนรอขย้ำกระต่ายน้อยขนฟูสีน่ารัก
“แม่คะเพียงไปทำงานก่อนนะคะ” หลังจากรับประทานมื้อเช้าฝีมือการทำอาหารของมารดา หญิงสาวคว้ากระเป๋าสะพายบนบ่า เตรียมก้าวออกจากบ้านบางอย่างขึ้นได้ มองไปยังห้องพี่ชาย ได้ยินเสียงแอร์ดัง แสดงว่าพี่ชายกลับมานอนบ้าน
“จ้ะ”
“แม่คะเมื่อคืนพี่ภูกลับบ้านหรือ”
“กลับ แต่กลับดึกแม่นอนไปแล้ว”
“ไม่เห็นรถพี่ภู”
“ไม่รู้เหมือนกัน กะจะถามอยู่เหมือน รอตื่นก่อน”
“สายแล้วปลุกพี่ภูไปทำงานสิคะแม่ ขืนปล่อยให้นอนตื่นสายแบบนี้ ไปทำงานไม่ทันกันพอดี เพียงไปล่ะคะ เดี๋ยวสาย ไอ้แก่ยิ่งรวนๆ อยู่”
ร่างรัดรึงเย้ายวนย่อตัวเข้าไปนั่งในรถญี่ปุ่นคันเก่า หลายวันมานี้มันรวนจนอยากเอาไปปลูกสะระแหน่
เพียงธาราเลี้ยวรถเข้าไปในตัวตึกตรงลานจอดรถ ตามปกติ จอดรถเรียบร้อยวาดเท้าลงจากรถ ก้าวเดินไปกดลิฟต์ สายตาจดจ่ออยู่กับตัวเลขไฟสีเหลืองค่อยเลื่อนระดับลงมา ประตูลิฟต์เปิดแทรกก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันใด ชายคนก้าวเข้ามาในลิฟต์กับเธอ
“ชั้นไหนคะ” เธอถามชายผู้นั้น
“ชั้นเดียวกันคุณครับ”
“อ๋อค่ะ” จึงกดปิดประตูตัวเลขขยับเปลี่ยนชั้นไปเรื่อยๆ สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไฟในลิฟต์ดับพรึบพร้อมกับการกระตุกของตัวลิฟต์
“ให้ตายลิฟต์ติด” หญิงสาวอุทานมือบางรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เพื่อกดให้แสงสว่าง ใช้ความคุ้นชินกดกริ่งขอความช่วยเหลือ ฉับพลันมือใหญ่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับดึงนิ้วเธอจากกริ่งฉุกเฉิน
“คะ...คุณจะทำอะไรน่ะ” ความรู้สึกนั้นวูบไหวกระตุก หวั่นเกิดเหตุกับตัวเองในที่คับแคบ ในสมองนึกถึงอาชญากรรมเกิดกับผู้หญิง
“แม่กระต่ายน้อย เรามาทำความรู้จักกันหน่อยเป็นไง” เสียงทุ้มดังในความมืด
“คุณพูดอะไรของคุณ กระต่ายน้อยอะไร ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ”
คนคุกคามจับมือเล็กบีบไว้ในอุ้งมือใหญ่ ไร้ทีท่าทำตามคำคนสั่ง ตวัดรั้งเอวคอดเย้ายวนดึงประชิดตัว หญิงสาวตื่นตระหนกร้อนรนมีอาการหวาดผวา ทั้งที่พยายามระงับความกลัวเอาไว้ พวกโรคจิตชัดๆ ยิ่งถ้าเหยื่อหวาดกลัวกรีดร้อง มันก็ยิ่งได้ใจ หญิงสาวพยายามอย่างที่สุดเพื่อสะกดใจ แต่ความกลัวไม่เข้าใครออกใครเธอเป็นแค่ผู้หญิงร่างบอบบาง สั่งไม่ให้กลัวคงทำไม่ได้
“อย่าร้องเด็ดขาด ถ้าร้องรับรองโดนแน่” ชายคนนี้ขู่รู้เท่าทันเหยื่อต้องร้องขอความช่วยเหลือ ใครจะยอมให้เป็นแบบนั้น ชายหนุ่มลอบยิ้มในนัยน์ตาพร่างพราวด้วยการอยากล้อเล่นกับความรู้สึกคนตัวเล็กบอบบาง
“ชะ...” ยังไม่ที่คำพูดขอความช่วยเหลือจะได้หลุดรอดผ่านริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ เสียงหดหายไปทันใด
“ผมบอกแล้วไงอย่าร้อง กระต่ายน้อยนิ่งๆเถอะ ผมแค่ขอชื่นใจนิดๆหน่อยๆ”
“ฉันไม่ร้องแล้วยังจะทำบ้าอะไรปล่อยฉันได้สิ ฉันสัญญาจะไม่เอาเรื่องคุณ” ร่างบอบบางลนลานหวาดกลัวภัยใกล้ตัว
“เอาเรื่องใคร เอาเรื่องฉันงั้นหรือ”
“บอกให้ปล่อย ไม่งั้นคุณเจอดีแน่”
“ฉันอยากเจอดีเลยตามคุณเข้ามาในนี้ไง”
“นี่แสดงว่าคุณจับตามดูฉัน”
“อืม จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด จ้องอยากทำ...อะไรกับคุณ”
ลมหายใจชายตัวสูงเป่ารดพวงแก้มหญิงสาว เล่นงานเพียงธาราหัวใจกระตุก กลิ่นน้ำหอมบุรุษโชยอ่อนโชยแตะจมูกทำให้รู้สึกไหวหวั่นควบคุมตัวเองไม่ค่อยดี เขาที่หยัดยืนอ่อนแรงนิดๆ อยากร้องขอความช่วยเหลือ ดิ้นหนีให้พ้นจากอ้อมแขนทรงพลังรั้งเอวเธอเอาไว้ กลับกลัวเขาทำร้าย รู้สึกร่างกายเขามีเสน่ห์ตรึงไม่ให้เธอต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้นเพียงธารารับรู้ถึงใบหน้าคมค่อยๆ โน้มลงมาสัมผัสลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้ม เพียงแค่ลมหายใจเป่ารดกลับตรึงเธอได้ชะงัก
“ฉันไม่ร้องแล้วปล่อยฉันซะทีสิ” หญิงสาวกลัวภัยวอนขอต่อคนรูปร่างสูงใหญ่ ไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ กลัวเขามีอาวุธจัดการกับเธอ “คุณคิดจะทำอะไรฉัน”
“ดม” เขาตอบเสียงปกติ
“ฉันไม่ใช่ดอกไม้” พูดหน้าตาเฉย ‘ดม’
“คุณน่าหอม น่าดม ยิ่งกว่าดอกไม้ซะอีก” เขาไม่สนสายตาดุกร้าวคู่นี้ พูดจาหยอกล้อกับเธอ รู้สึกสนุกกับเกมที่กำลังเริ่มต้น
เพียงธาราต้องการร้องประท้วง การกระทำของเขา มืออ่อนแรงยกขึ้นผลักใบหน้า สัมผัสได้ความสากเตาหนวดเครา เพียงแค่สัมผัสผิวแก้มเขากลับเล่นงานความรู้สึกป่วนปั่น ต่อให้ผลักกลับไม่เป็นผล ชายหนุ่มตัวใหญ่รู้สึกถึงความดื้อดึง จึงส่งผลให้เขาอยากเอาชนะ
ใบหน้าสวยเบี่ยงหลบจมูกโด่งที่โน้มลงมาอย่างจงใจ การหนีของเธอไม่สามารถหลบพ้นริมฝีปากได้รูป ฉกวูบลงประกบปิดริมฝีปากนุ่มของหญิงสาว พอได้สัมผัสชายตัวโตถึงกับใจกระตุกอดใจแค่หยอกล้อไม่ไหวบดเคล้าขยี้ เริ่มจากเบาหวิวเท่าปีกแมลงปกเพิ่มจังหวะหนักหน่วง ในกายชายตื่นเต้นลิงโลดรู้สึกได้ถึงอาการร้อนรน แทบเป็นแทบตายอยากไปต่อกับเธอ รสชาติของเธอเปรียบเท่าพิษร้ายแทรกซึมเข้าทำลายเกราะป้องกันหัวใจ
ริมฝีปากอิ่มเอิบเผยอแย้มต้องการอากาศหายใจ จึงสบโอกาสให้ชายหนุ่มสอดปลายลิ้น เข้าตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กเพื่อไล่ต้อนตอมเอารสชาติ รสของเธอไม่ได้สร้างความผิดคาดให้กับเขา น้ำผึ้งดีๆ นี่เอง หญิงสาวถูกก่อกวนจนส่งผลให้ร่างอ่อนระทวย สมองป่วนไปหมดสั่งตัวเองให้ต่อต้านการกระทำหยาบช้าขอวเขา แรงต่อต้านถดถอย กำปั้นที่ทุบเหมือนมดไต่ตามตัวคนตัวใหญ่ มีผลแค่รำคาญผิวกายเท่านั้น ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงตายด้วยรสจูบรุนแรง รีบสิรีบ...ช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากชายลามก บ้ากาม หญิงสาวสั่งตัวเองนับสิบรอบ กลับไม่ได้ผลเรี่ยวแรงเธอหายไปไหน ไม่ได้กินข้าวมาหรืออย่างไร เพียงธาราด่าว่าตัวเองในใจ
เฮนลี่อุกอาจกระทำทุกอย่างด้วยความร้อนรนในใจ จัดการกับปากนุ่มสนุกสนานกับการรุกรานช่องปากนุ่มหวาน คนอะไรทั้งดื้อทั้งกระตุ้นหัวใจจนระเริงรื่น นิ้วแกร่งยกขึ้นข้างตัวดีดหนึ่งเปราะ ประตูลิฟต์เปิดกว้าง สองร่างดีดเด้งห่างจากจากกัน เพียงธาราหันหลังให้ทางกับประตู ร้อนรนยกมือเช็ดปากลวกๆ ใบหน้าชาดิกเห็นว่าตัวเองไม่เรียบร้อยจึงต้องจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ชำเลืองสายตาดุมองโจรปล้นจูบ อับอายแทบอยากดำดินหนีนั่นก็ทำไม่ได้
คนยืนอยู่หน้าประตูสามคนต่างมองมายังสองหนุ่มสาว ช่างซ่อมในเสื้อช็อป ถือกล่องเครื่องมือช่าง พนักงานหญิงสามคงเป็นพนักงานเซซาน ซัพพลาย เพียงธาราอับอายไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ตรงไหน ไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้แต่วินาทีเดียว หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบผู้คนก้าวออกไป โจนปล้นจูบจอมฉวยโอกาสก้าวตามมาติดๆ ทำตัวอย่างกับปลิงเกาะอยู่ได้