บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

“งานแต่งครั้งใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ”

เจ้าของใบหน้างามดวงตากลมโตดำขลับ ได้ถอนหายใจเฮือกๆ ขณะทอด

สายตามองไปบนเวที ภายในห้องแกรนด์บอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมชื่อดัง ซึ่งตอนนี้เจ้าบ่าว-เจ้าสาวกำลังขึ้นไปบนเวที เพื่อกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งงานในค่ำคืนวันนี้

“เฮ้อ...นี่มันเทศกาลแต่งงานหรือยังไงนะ ภายในเดือนเดียว เพื่อนๆ แต่งงานพร้อมกันทีเดียวถึงสี่คู่ คนโน้นก็แต่ง คนนี้ก็แต่ง แล้วเมื่อไรเราจะได้แต่งงานเหมือนกับคนอื่นบ้าง”

รินรดา หรือ น้ำขิง แห่งเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี นั่งรำพึงรำพันอยู่คนเดียว อายุปาเข้าไป 25 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงานเหมือนเพื่อนๆ ซึ่งบรรดาเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ทั้งชายและหญิง ต่างก็ทยอยแต่งงานกันไปเกือบหมดแล้ว บางคนมีลูกเรียนชั้นอนุบาล ชั้นประถมด้วยซ้ำไป

“คานทองนิเวศน์ลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว น้ำขิงเอ๋ย...”

รินรดายังคงรำพันด้วยความสงสารตัวเอง อยากแต่งงานเหมือนกับเพื่อนๆ บ้าง แต่สงสัยจะเป็นไปได้ยาก เพราะอายุปานนี้แล้ว แต่ยังไม่เจอเนื้อคู่เลย

“เนื้อคู่ฉันอยู่ไหน เมื่อไรจะโผล่มาสักที”

ยิ่งได้เห็นคู่บ่าวสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานเลี้ยง และแน่นอนว่ามีช็อตเด็ดที่พิธีกรให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาว คนที่กำลังจะขึ้นคานทองนิเวศน์ก็ยิ่งช้ำใจ เกิดอาการอิจฉาตาร้อนผะผ่าวจนทนดูไม่ได้

“ไม่ไหวแล้ว ทนดูภาพสะเทือนใจไม่ไหวแล้ว”

เจ้าของร่างบางผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณงานเลี้ยง ไม่อยู่รอรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต่างก็รอคอยนาทีนี้

“ฮึ! ใครกันที่พูดว่าถ้าได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวแล้วจะได้เป็นเจ้าสาวรายต่อไป ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด ยายน้ำขิงได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวมาสิบรายแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานสักที”

รินรดายังคงบ่นอุบขณะออกมาสูดอากาศอยู่ด้านนอกโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงฉลองสมรสของเพื่อน ใบหน้างามติดบึ้งตึงในยามบ่นอยู่คนเดียว เธอไม่ได้อยากมีสามีจนตัวสั่นเหมือนคำโบราณพูด แต่รู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้งที่มางานแต่งงานแล้วมักจะเจอคำถามว่าเมื่อไรจะแต่งงานสักที

ไปร่วมงานแต่งที่ไหนก็เจอคำถามนี้เสมอ จนบางครั้งนึกขยาดเวลาบรรดาเพื่อนๆ ได้ส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานมาให้เธอ

“น่าเบื่อที่สุด รู้ยังงี้ไม่มาก็ดี”

รินรดาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หมดอารมณ์ที่จะกลับเข้าไปในงานเลี้ยง จึงหยิบโทรศัพท์กดโทร.หาคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับเธอในวันนี้ ซึ่งหลังจากส่งเธอหน้าโรงแรมเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน

การโทร.หาสารถีกิตติมศักดิ์ในครั้งแรก ไม่มีการตอบรับจากปลายทาง สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานานก่อนจะตัดสายไป และนั่นทำให้รินรดาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ก่อนจะกดโทร.อีกครั้งพร้อมกับบ่นไปด้วย

“ไปไหนของเขานะ โทร.ไปก็ไม่รับสาย”

รินรดากดโทร.หาสารถีประจำตำแหน่งอีกครั้ง และก็ต้องถือสายรอนานกว่าปลายทางจะกดรับได้ในที่สุด ทันทีที่ปลายทางรับสาย ก็เอ่ยถามแกมต่อว่าไปพร้อมๆ กันด้วย

“นะโม...นายอยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน”

อธิศ คนขับรถกิตติมศักดิ์ที่รินรดาเรียกด้วยชื่อเล่นว่า ‘นะโม’ หัวเราะร่วนผ่านคลื่นโทรศัพท์ ก่อนจะเอ่ยตอบให้คนฟังแทบสำลัก

“จะรับได้ยังไงละ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มและเกือบเสร็จแล้วด้วย”

“ยี้...” รินรดาร้องเสียงดัง ทำท่าขยะแขยงหลังจากได้รับคำตอบ พร้อมกันนั้นต่อว่าปลายทางยกใหญ่ “นายนะโม น่าเกลียดที่สุด พูดออกมาได้ว่ากำลังจะเสร็จแล้ว”

อธิศยังคงหัวเราะไม่หยุด ไม่ได้นึกโกรธกับคำต่อว่าของรินรดา คนที่เป็นเพื่อนรัก เพื่อนตายของเขาตั้งแต่เด็ก

“อ้าว! ก็น้ำขิงถามเราว่ากำลังทำอะไรอยู่ เราก็ตอบตามความจริงยังไงละ...ฮ่าๆๆๆ”

ขณะเอ่ยตอบ อธิศก็หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วย โดยคีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างใบหูกับหัวไหล่ของตน และจังหวะที่กำลังกระทำบางอย่างอยู่ ก็มีเสียงของรินรดาตวาดแว้ดมาตามสาย

“นี่...นี่...นายกำลังรูดซิปหรือ...นายนะโม!”

“ฮ่าๆๆ น้ำขิง เธอก็ช่างหูดีซะเหลือเกิน ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงรูดซิปอีก” อธิศต่อว่ากลับคืนกลั้วเสียงหัวเราะร่วน แล้วเอ่ยขยายความให้รินรดาร้องกรี๊ดไม่หยุด “ใช่! ฉันกำลังแต่งตัวอยู่หลังจากแก้ผ้าล่อนจ้อนไปทั้งตัว”

“โอ๊ยยย นายนะโม พอแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว”

รินรดาร้องโวยวาย อยากกดวางสายจากเพื่อนรักซะจริงๆ แต่ติดว่าต้องบอกให้อีกฝ่ายมารับเธอกลับบ้าน...บ้านที่อยู่บนเกาะกลางทะเลอันดามัน จึงจำต้องทนคุยกับอธิศต่อ

“ว่าแต่เธอโทร.มาทำไม ยังไม่ถึงเวลานัดให้ไปรับไม่ใช่หรือ”

อธิศเอ่ยถามบ้าง หลังจากรินรดานิ่งเงียบไม่หลุดปากเอ่ยเจริญพรเขา

“เบื่อ อยากกลับเกาะแล้ว” รินรดาตอบเสียงเนือยๆ จากนั้นก็บอกกับอธิศต่อว่า “นายมารับฉันด้วย ฉันรออยู่หน้าโรงแรม”

“โอเค! รออยู่หน้าโรงแรมนั่นแหละ ไม่เกินยี่สิบนาทีเราก็ไปถึง เราอยู่ใกล้ๆ โรง

แรมนี่แหละ”

เอ่ยบอกไปแล้วอธิศก็กดตัดสายการสนทนา ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งมาวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียงนอน เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้กับสาวบริการคนนี้ ที่ช่วยปลดปล่อยความใคร่ออกจากตัวเขา

เมื่อเดินออกจากโรงแรมม่านรูดอันใช้เป็นสังเวียนที่ช่วยให้ตนขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกับสาวบริการ อธิศก็ขับรถออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังโรงแรมห้าดาวอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของเพื่อนร่วมรุ่นของรินรดา ซึ่งเขามั่นใจว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงตีหน้าหงิกหน้างอรอเขาอยู่หน้าโรงแรม

หลังจากอธิศกดวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว รินรดาก็ยืนกอดอกรอการมาถึงของคนขับรถกิตติมศักดิ์ และเมื่อได้ยินเสียงร้องเฮดังมาจากห้องที่จัดงานเลี้ยง ซึ่งเดาว่าเป็นเสียงของสาวๆ ที่ร้องกรี๊ดในขณะรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่ไปงานแต่งงานของใครอีกแล้ว

“ใครจะโกรธ จะเกลียดก็ช่าง ต่อไปฉันจะเก็บตัวอยู่บนเกาะ จะไม่ไปงานแต่ง

งานของใครเด็ดขาด”

รินรดาบ่นงึมงำอยู่คนเดียว และไม่ต้องรอนานถึงยี่สิบนาทีตามที่อธิศเอ่ยบอก เธอก็เห็นรถปาเจโร่แบบสปอร์ตติดตราประจำเกาะที่เธออาศัยอยู่ได้แล่นตีวงเข้ามาในบริเวณโรงแรม

อธิศกระโดดลงจากรถปาเจโร่ พลางเอ่ยถามก่อนจะเดินมาถึงตัวรินรดา “ทำไมถึงกลับเร็วนักละ งานเลี้ยงยังไม่เลิกไม่ใช่หรือ”

“ก็บอกแล้วว่าเบื่อ อยากกลับเกาะแล้ว”

รินรดาตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่อยากให้อธิศตั้งคำถามที่จะจี้แทงใจดำของตน จึงเลี่ยงด้วยการเอ่ยต่อว่าอีกฝ่ายบ้าง

“ว่าแต่นายเถอะ ขึ้นมาบนแผ่นดินใหญ่ทีไร ไม่พลาดไปหาพวกสาวๆ อย่างว่าเลยนะ”

อธิศยิ้มกริ่มกับคำต่อว่า เขาไม่เคยโกรธเพื่อนตายคนนี้ ไม่ว่ารินรดาจะดุจะด่าหรือเจริญพรเขามากเพียงใด ก็ยังคงยิ้มรับเสมอ

“แน่นอน นานๆ จะได้ขึ้นมาบนแผ่นดินใหญ่ ต้องจัดให้คุ้มค่าทุกนาที”

ขณะเอ่ยตอบ ร่างใหญ่กำยำก็ก้าวเดินไปขึ้นรถ ซึ่งรินรดาเดินตามไปขึ้นอีกฝั่ง พอปิดประตูรถได้แล้วก็เอ่ยต่อว่าแกมเตือนอธิศ

“เที่ยวผู้หญิงอย่างว่าบ่อยๆ ระวัง HIV (โรคเอดส์) จะถามหานะ...นายนะโม”

“ไม่มีทาง” อธิศตอบกลับทันที ก่อนจะคว้าบางอย่างมาจากกระเป๋ากางเกงเอามาชูตรงหน้าให้รินรดาเห็น พร้อมกับลอยหน้าลอยตาตอบกลั้วเสียงหัวเราะ

“นี่! ยืดอกพกถุง ฉันเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวติดกระเป๋าไว้เสมอ และไม่ใช่แค่อันสองอันนะ แต่เตรียมไว้เป็นสิบๆ อัน ในเก๊ะรถก็มี”

ราวกับกลัวว่ารินรดาจะไม่เชื่อคำพูดของตน อธิศจึงทำท่าจะเปิดเก๊ะลิ้นชักรถให้เพื่อนรักเห็นหลักฐานที่ตนเก็บไว้ด้วย แต่ก็ถูกรินรดาร้องห้ามเสียงหลง

“พอแล้วๆ เชื่อแล้วว่าเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวมาเยอะ ไม่ต้องเอามาโชว์ก็ได้ แล้วก็เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมด้วย”

รินรดาปัดมือใหญ่ของอธิศออก พออีกฝ่ายหัวเราะร่วนก่อนจะเก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก็บอกต่อว่า

“กลับเกาะเถอะนะโม ฉันอยากกลับไปสูดอากาศบริสุทธิ์บนเกาะ อยากไปนั่งฟังเสียงคลื่นลมทะเลที่บ้านของพวกเรา ฉันไม่ชินกับการอยู่บนแผ่นดินใหญ่เลย”

“กลับก็กลับ”

อธิศรับคำ ขณะสตาร์ทรถก็เอ่ยบอกถึงความรู้สึกของตนที่ผูกพันกับเกาะแห่งนี้เช่นเดียวกัน

“ฉันก็อยากกลับไปว่ายน้ำที่เกาะเหมือนกัน ไม่มีที่ไหนที่เหมาะสมกับพวกเราเท่ากับเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี (Gold Off The Sea) อีกแล้ว”

รถปาเจโร่สปอร์ตเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมดังบนแผ่นดินใหญ่ มุ่งหน้าสู่ท่าเรือส่วนตัว ซึ่งเป็นท่าเรือของนายหัวราเมศวร์ ผู้เป็นเจ้าของเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี และที่ท่าเรือมีเรือเร็วส่วนตัวจอดอยู่หลายลำ เพื่อเป็นพาหนะที่จะพาอธิศและรินรดากลับไปยังเกาะแห่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel