บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เข้าตาจน 2/2

แดนดินเพ่งมองรั้วอัลลอยสูงท่วมหัว ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ราวกับว่ามันเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง ยิ่งมองเข้าไปเห็นบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสนามหญ้าสีเขียวและต้นไม้ใหญ่หลายต้น แสงไฟจากสปอตไลต์ที่ฝังอยู่ในสนามหญ้าสาดเข้าใส่ตัวบ้านให้ดูโดดเด่นและน่าเกรงขามแม้ในยามค่ำคืน ตัวบ้านรูปทรงทันสมัยแต่แฝงด้วยความเป็นไทยคล้ายทางภาคเหนือผสมผสานกับกลิ่นอายของยุโรป ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงใบหน้าของใครบางคน

คนที่ดูมีอิทธิพล น่าเกรงขาม มีความเป็นไทยและต่างชาติผสมอยู่ในตัว คนที่มีใบหน้าคมอย่างไทย ผิวขาวเหลืองอย่างคนเหนือ แต่กลับมีดวงตาสีประหลาด ชายผู้มีดวงตาสีเทอร์คอยส์!

“บ้านใครวะ?”

ชวกรถามขึ้นเสียงดังจนแดนดินสะดุ้ง

“ญาติกูเอง” อิงครัตตอบเพื่อนก่อนจะลดกระจกรถลง พูดอะไรบางอย่างกับชายชุดดำที่เพิ่งวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากป้อมเล็ก ๆ ด้านข้าง

ชายคนนั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นกดเข้าไปในหูที่เสียบบลูทูธคาไว้ คุยอะไรสองสามคำ แล้วก็รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว

“มึงมีญาติเป็นมาเฟียเหรอวะ ไม่เห็นเคยเล่าให้พวกกูฟัง” ชวกรถามอย่างตื่นเต้นระคนแปลกใจ

“ไม่เชิงมาเฟียหรอก แต่แกทำธุรกิจหลายอย่าง และส่วนใหญ่เป็นสีเทา ก็เลยต้องสร้างบารมีด้วยการให้มีคนติดตามเยอะ ๆ”

รถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวถูกอิงครัตขับเข้ามาจอดตรงซุ้มประตูด้านหน้าคฤหาสน์ ชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาประกบด้านข้างรถ ก่อนจะโค้งศีรษะให้คนที่อยู่บนรถ

“เชิญคุณอิงที่ห้องรับรองครับ นายกำลังทำธุระอยู่ด้านบน อีกสักพักจะลงมาครับ”

แดนดินและรุ่นพี่ทั้งสี่ถูกพามานั่งในห้องที่คนพวกนั้นเรียกว่าห้องรับรอง มันใหญ่โตโอ่อ่ากว่าบ้านของคุณตาคุณยาย แต่ดูน่ากลัวเหลือเกินในความรู้สึกของแดนดิน

“ช่วยบอกเหตุผลดี ๆ ที่แกมาขัดความสุขของฉันในเวลานี้หน่อย ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นละก็…”

แดนดินรู้สึกตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงทรงอำนาจนั้น เด็กหนุ่มค่อย ๆ หันไปมองทางต้นเสียง แล้วเขาก็ได้ประสานสายตากับคนที่เขาเพิ่งนึกถึงขึ้นมาเมื่อนาทีก่อน

สองสายตาประสานกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ชายร่างสูงสง่าผู้มีดวงตาสีเทอร์คอยส์จะลอบพ่นลมออกมา แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ไขว่ห้าง เอนหลังพิงลงไป โดยที่ตลอดเวลาสายตาของเขาจับจ้องเพียงใบหน้าของแดนดินเท่านั้น

“พี่เมลวิน”

อิงครัตเอ่ยทักทายญาติผู้พี่ ก่อนจะหันมาแนะนำเพื่อน ๆ ให้รู้จัก

แต่เมื่อมาถึงแดนดิน อิงครัตยังไม่ทันจะได้แนะนำ เมลวินก็โพล่งขึ้นมา

“แดนดิน นวภูมินทร์” เขาเหยียดยิ้ม แววตาพราวระยับ “เจอกันอีกแล้วนะ”

“พะ พี่เหนือ ดินอยากกลับบ้านแล้ว พาดินกลับบ้านที”

แดนดินมีท่าทีลุกลน ขยับเข้าไปใกล้เหนือนทีอย่างต้องการการปกป้อง พร้อมกับสายตาอ้อนวอนดูน่าสงสาร

“นี่พี่วินเคยเจอน้องดินด้วยเหรอครับ?”

คุณเมลวินกระตุกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย “ก็ลองถาม น้องดิน” เขาเน้นชื่อของแดนดิน “ของแกดูสิ ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แล้วเขาทำให้ฉันประทับใจขนาดไหน”

เมลวินยังคงจ้องใบหน้าหวาดกลัวของแดนดิน

“เอ่อ คือ คุณเมล เมลวิน เคยช่วยดินไว้น่ะครับ” แดนดินรีบอธิบายตะกุกตะกัก

“แค่นั้น?” เมลวินเลิกคิ้วถาม เขายังคงวางใบหน้าเรียบเฉย แต่กระตุกยิ้มมุมปากอยู่เป็นระยะ

แดนดินหลบตา และพยายามขยับตัวเข้าไปใกล้เหนือนที

“แค่นั้นก็แค่นั้น”

เมลวินเอนหลังลงไปพิงพนักโซฟาอีกครั้ง สลับขาอีกข้างขึ้นมาไขว่ห้าง ทำให้เห็นว่าร่างกำยำภายใต้ชุดคลุมผ้าเนื้อหนาสีคล้ำ ไม่ได้มีเสื้อผ้าสักชิ้นห่อหุ้มไว้ ชายหนุ่มเหลือบมองเด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนที่เดินผ่านหน้าห้องรับรองออกไปทางหน้าบ้านพร้อมกับลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาเสียดายที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนจะชายตามองญาติผู้น้อง

“นี่สินะเหตุผลของแก”

“ครับ” อิงครัตตอบรับสั้น ๆ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทำให้แดนดินยิ่งแสดงอาการอึดอัด

“พี่อิงครับ ผมไม่รบกวนคุณเมลวินดีกว่า” เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธทันที

“ให้พี่วินช่วยเถอะน้องดิน ไอ้เหนือมันยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย มันจะช่วยอะไรได้ อีกอย่างตระกูลวรภัทรถึงแม้จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้มีอิทธิพลมากพอที่จะต่อกรกับเสี่ยโจได้หรอกนะ คิดเหรอว่ามันจะไม่กล้าทำอะไร”

“แต่ดินไม่…”

“เอาเป็นว่าผมรบกวนพี่วินคุ้มครองแดนดินสักระยะนะครับ เขามีปัญหากับเสี่ยโจ หุ้นส่วนของพี่นั่นแหละ”

เมลวินกระตุกยิ้มอีกครั้ง เขายกแก้วเหล้าที่ถือติดมือเข้ามาขึ้นจ่อที่ปาก สายตาทอดมองแดนดินตลอดเวลา ก่อนกระดกเหล้าเข้าไป แล้วก็ลั่นวาจา

“ได้สิ แต่รู้ใช่ไหม ว่าฉันไม่เคยช่วยใครฟรี ๆ”

แดนดินลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะหันมากระตุกแขนเหนือนทีให้ลุกขึ้นตาม “เรากลับกันเถอะครับพี่เหนือ” แล้วหันไปก้มศีรษะให้อิงครัต “ขอบคุณนะครับพี่อิงที่พยายามจะช่วยดิน แต่ดินขอไม่รับ”

“เดี๋ยวสิ น้องดิน” แต่เหนือนทีก็รั้งแดนดินเอาไว้ “พี่ว่าที่ไอ้อิงมันพูดก็มีเหตุผลนะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากช่วยดิน เรื่องบ้านพี่จะจัดการให้ แต่เรื่องความปลอดภัยของดิน คุณเมลวินน่าจะช่วยได้ดีกว่าพี่”

“ไม่ครับ ดินไม่อยากรบกวนคนอื่น”

เมลวินส่งเสียงจิ๊ในลำคอแสดงความรำคาญ เขาวาดขาที่ไขว่ห้างกันไว้ลงมา แล้วลุกขึ้นยืนจังก้า

“ครั้งนี้โยนลงน้ำ ครั้งหน้าอาจจะโยนเข้ากองไฟ เผานั่งยาง หรือไม่ก็ขุดหลุมฝัง” ชายหนุ่มกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะเล็ก ๆ เบื้องหน้า พร้อมน้ำเสียงรำคาญใจที่แดนดินเรื่องมาก ทั้ง ๆ ที่เขาก็ยื่นข้อเสนอจะช่วย “พ่อไปต่างประเทศไม่ใช่หรือไง คิดว่าจะรอดไปถึงเมื่อไรกัน”

แดนดินยืนตัวเกร็ง ขณะที่เมลวินเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ เขายกมือขึ้นบีบต้นแขนของเด็กหนุ่ม แล้วพูดกับญาติผู้น้อง

“แกพาเพื่อน ๆ กลับไป ทิ้งแดนดินไว้ที่นี่ ฉันจะดูแลเขาเอง!”

แดนดินขืนตัวทันทีเมื่อเห็นแววตาสีเทอร์คอยส์ลุกวาว แต่เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ผละร่างออกห่าง เมลวินก็เข้ามาประชิดเสียก่อน ชายหนุ่มกระซิบชิดใบหู

“นายอยากให้ฉันเล่าให้รุ่นพี่ฟังไหม ว่านายทำให้ฉันประทับใจยังไง โดยเฉพาะนายเหนือนทีอะไรนี่”

แดนดินเหลือบมองเหนือนทีที่มองมาอย่างห่วงใยและสงสัยในท่าทีของเขา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหลบตาและปิดปากเงียบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel