รู้ความจริง
มาวิน.....
ผมมองตามหลังคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวที่กำลังเดินหันหลังออกไปจากห้องโดยที่ผมก็ไม่ได้รั้งเธอไว้เพราะไม่รู้จะรั้งไปเพื่ออะไร ตอนที่เธอถามผมว่าผมเกลียด ผมไม่ตอบเพราะผมไม่ได้เกลียดแต่ผมไม่อยากตอบก็แค่นั้นในเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเธอจะมาถามทำไมว่าผมรักหรือเกลียดเธอ ที่ผ่านมาผมพยายามเลิกคิดเลิกสนใจมุ่ยแต่บางครั้งมันก็ทำไม่ได้ อย่างเรื่องผมอยากย้ายออกมาอยู่คอนโดก็เพราะผมไม่อยากอยู่ใกล้มุ่ยอีกเพราะถ้ายิ่งอยู่ใกล้มันก็ยิ่งทำให้ผมตัดใจจากเธอไม่ได้สักที แต่กลับกลายเป็นว่าพอผมบอกพ่อว่าขอไปอยู่คอนโดโดยให้เหตุผลว่าไม่อยากขับรถไกลอยากอยู่คอนโดใกล้มหาลัย พ่อก็ยื่นข้อเสนอมาว่าพ่อจะให้ผมอยู่คอนโดก็ได้แต่ต้องให้มุ่ยมาอยู่ด้วยเพราะพ่อกลัวว่าผมจะเกเรเอาแต่เที่ยวไม่ไปเรียน แม้ว่าผมจะพูดยังไงพ่อก็ไม่ยอมอยู่ดี ผมไม่รู้จะพูดกับพ่อยังไงว่าที่ผมอยากออกมาอยู่ข้างนอกก็เพราะลูกสาวของพ่อนั่นแล่ะคือสาเหตุแต่ผมก็พูดไม่ได้ไง ผมใช้เวลาคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดีกับเรื่องคอนโดจนกระทั่งมาวันนี้ที่มุ่ยนั่งรถมากับผม ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะพามุ่ยมาดูคอนโดด้วยกันโดยให้มุ่ยเป็นคนเลือกว่าเธอชอบหรือไม่ชอบเพราะถึงยังไงถ้าผมจะมาอยู่คอนโดเธอก็ต้องอยู่ด้วย หลังจากเซ็นเอกสารเสร็จผมก็ลงมาข้างล่างเพราะคิดว่ามุ่ยคงนั่งรออยู่ตรงล็อบบี้แต่ปรากฏว่าไม่เจอผมโทรหาก็ปิดเครื่องผมก็เลยโทรถามที่บ้านว่ามุ่ยกลับบ้านแล้วหรือยังจนได้รู้ว่าเธอไปอยู่คอนโดของเพื่อนสนิทผมก็เลยเบาใจว่าเธอไม่ได้หายไปไหน ผมกลับมาที่รถพอขึ้นมานั่งและกำลังจะคาดสายเข็มขัดสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าหนังสือของมุ่ยวางอยู่ตรงเบาะหน้าข้างคนขับ ปกติมุ่ยจะมีกระเป๋าสองใบคือกระเป๋าย่ามที่เธอจะเอาไว้ใส่หนังสือซึ่งผมเห็นเธอใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยกับกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เอาไว้ใส่มือถือกับเงิน อยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งว่าตั้งแต่ผมได้รถคันนี้มาผมไม่เคยขับเอาไปรับกระแตเลยจนกระทั่งวันนี้เพราะผมอยากให้มุ่ยได้ขึ้นมานั่งก่อนคนแรกแต่เธอคงไม่รู้แต่ถึงรู้เธอก็คงไม่สนใจหรอกมั้ง ด้วยความที่ผมไม่อยากแสดงให้เธอเห็นว่าผมยังรู้สึกกับเธออยู่ผมก็เลยต้องทำเป็นเมินเฉยแม้ว่าลึกๆ แล้วจะดีใจที่ในที่สุดเธอก็ขึ้นมานั่งบนรถของผม
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหยิบกระเป๋าของมุ่ยมาเปิดดู ผมอยากรู้ว่าในกระเป๋าของเธอมันมีอะไรบ้าง จนกระทั่งผมเจอกับถุงยาสีขาวซึ่งภายในถุงนั้นมียาหลากหลายชิดมันเหมือนยาที่ผมเคยขอเธอดูแต่เธอไม่ยอมให้ผมดูเหมือนเธอมีเรื่องปิดบังผมอยู่พอผมถามเธอกลับหาว่ายุ่งเรื่องของเธอผมก็เลยโกรธก็เลยพูดไปด้วยความโมโหและน้อยใจว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่งเรื่องของเธออีก แต่ว่าตอนนี้ผมขอถอนคำพูดเพราะผมอยากรู้ว่าเธอพกยาอะไรทำไมถึงไม่ยอมให้ผมดูแต่แรก
ยาอะไรวะ?? ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเสิร์ชหาข้อมูลเพราะชื่อยามันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดและัผมไม่คุ้นเคยกับยาพวกนี้เลย
มินตรา.....
"นุ๊กแกเห็นกระเป๋าของฉันไหม"
"กระเป๋าอะไร"
"กระเป๋าที่ฉันเอาไว้ใส่หนังสือเรียน"
"ไม่เห็นอ่ะตอนแกมาแกสะพายแค่กระเป๋าใบนี้มาใบเดียว" นุ๊กชี้มาที่กระเป๋าสะพายสีชมพูใบเล็กของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ ฉันกำลังนึกอยู่ว่าฉันเอาไปวางไว้ที่ไหนหรือลืมไว้บนรถแท็กซี่
"ฉันไม่ได้เอามาแน่ๆ เลย"
"แล้วมันอยู่ที่ไหนแกนึกดีๆ ซิ" ฉันใช้ความคิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฉันลืมมันไว้ที่ไหน
"บนรถของมาวิน"
"มันไม่หายก็ดีแล้ว"
"แต่ในกระเป๋ามันมียาของฉันอยู่" ยาที่ฉันกินประจำช่วงนี้มันอย่ในกระเป๋าใบนั้น ฉันหวังว่ามาวินคงไม่เปิดดูหรอกนะ
"แกกลัวมาวินจะเปิดดูแล้วรู้ว่าแกเป็นโรคหัวใจเหรอ"
"อื้ม" ฉันพยักหน้าตอบเพราะมันคือสิ่งที่ฉันกลัวจริงๆ กลัวว่าขาจะรู้ว่าฉันป่วย
"แกอย่าคิดมากเลย" ฉันพยายามไม่คิดมากแต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
"แต่ฉันกลัวว่าเขาจะรู้ ฉันไม่อยากให้เขารู้"
"ถ้าเขารู้แกคิดว่าเขาจะทำยังไง"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" ฉันไม่รู้ว่าถ้าเขารู้เขาจะว่ายังไง บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจเลยก็ได้ว่าฉันจะเป็นอะไรเพราะเขาเองก็บอกอยู่ว่าต่อให้ฉันจะเป็นหรือจะตายมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา คำพูดนี้ฉันจำได้ขึ้นใจแต่จะโทษเขามันก็ไม่ได้เพราะฉันเป็นคนปิดบังเรื่องที่ตัวเองป่วยให้เขารู้เอง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่น้องติณณ์กลับไปไม่นานซึ่งครั้งนี้คนที่กดกดแบบรัวๆ จนฉันกลัวว่ากริ่งหน้าห้องนุ๊กจะพังเอาซึ่งฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่น้องติณณ์ และฉันก็หวังว่าจะไม่ใช่คนที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้หรอกนะ
"ใครมาอีกล่ะ เห้อแล้วก็นะกดแบบนี้ไร้มารยาทมาก สงสัยเป็นน้องชายสุดที่รักเธออีกแน่ๆ อยากกวนประสาทฉันใช่ไหมนายติณณ์เดี๋ยวจะด่าให้" ยัยนุ๊กที่กำลังนั่งทำรายงานอยู่บ่นด้วยความโมโหเพราะคนด้านนอกยังกดไม่หยุดซึ่งเธอคิดว่าเป็นน้องติณณ์แต่ฉันคิดว่าไม่น่าใช่หรอก
"กดหาพระแส...อะ....เอ่อน้องวิน" ยัยนุ๊กที่กำลังจะอ้าปากด่าเพราะคิดว่าเป็นน้องติณณ์แต่กลับกลายเป็นมาวินแทนฉันที่มองประตูอยู่ก่อนแล้วพอประตูถูกเปิดก็เห็นมาวินยืนถือกระเป๋าของฉันอยู่ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่ากำลังโกรธ
"เธอลืมไว้บนรถฉันเอามาให้" พูดจบเขาก็เอากระเป๋าของฉันวางไว้หน้าประตูห้องก่อนจะหันหลังกลับไปไม่พูดอะไรต่ออีก ยัยนุ๊กยังยืนงงอยู่ตรงหน้าประตูฉันรีบเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเปิดดูว่าสิ่งที่ฉันกลัวว่าเขาจะเห็นเขาเห็นหรือยังยาของฉันมันยังอยู่ใช่ไหม มันยังอยู่แต่มันไม่ได้อยู่ที่เดิมของมัน ฉันจำได้ว่าฉันเอาซองยาทั้งหมดใส่ไว้ในถุงกระดาษสีขาวแต่ตอนนี้ซองยาทั้งหมดมันออกมาอยู่นอกถุงกระดาษ แปลว่าเขาเทมันออกมาดูใช่ไหม เขาจะรู้ไหมว่ามันคือยาอะไร ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปจากห้องพร้อมกระเป๋าของตัวเองแล้วกดลิฟต์ตามเขาลงไป ฉันวิ่งมาจนทันเห็นเขากำลังเปิดประตูรถ
"น้องวิน" ฉันเรียกชื่อแต่เขาไม่หันกลับมาเขาเปิดประตูขึ้นรถและกำลังสตาร์ทรถ ฉันวิ่งไปดักหน้ารถเพื่อพูดกับเขาและจะอธิบายเพราะฉันมั่นใจแล้วว่าเขาต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่ายาที่อยู่ในกระเป๋าของฉันมันคือยาอะไรแต่แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกล้มลงไปนั่งฟุบลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง
"มุ่ย!!!" นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนจะสติของฉันจะดับวูบไป