บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 เทศกาลหยวนเซียว (2)

บทที่ 10 เทศกาลหยวนเซียว (2)

“ทุกคนคงรอท่านพี่อยู่ อย่าชักช้าเลยดีกว่า”

หลิ่วเหวินอี้เอ่ยตัดบท ก่อนจะหรี่ตามองมือของตัวเองที่เวลานี้ถูกมือหนาเกาะกุมไว้แน่น ลั่วเหยียนเจิ้งเป็นปลาหมึกกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไรมือไม้ถึงได้เร็วอย่างนั้น แล้วข้อตกลงสามข้อที่ให้ไปนั้นไม่จดจำบ้างหรืออย่างไร

“ท่านพี่เหยียนเจิ้งอย่าเนียน”

“เจิ้นกลัวเจ้าหลงทาง จับไว้เช่นนั้นดีแล้วอีกอย่างในงานเจ้ายังไม่คุ้นเคยกับใครอยู่ข้างๆ เจิ้นจะได้ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าได้”

คำกล่าวของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หากมีหางคงแกว่งไปมา หลิ่วเหวินอี้กดคิ้วลึกลงยิ่งกว่าเดิมเพราะที่กล่าวมานั้นไม่มีสิ่งใดถูกต้อง ยิ่งเขาอยู่ใกล้อีกฝ่ายมากเท่าไรเขาจะเป็นเป้าโจมตีทางสายตาจากบรรดาพระสนมของเจ้าตัวเป็นแน่ ที่สำคัญศัตรูจะหันมาเล่นงานเขาก่อนอย่างแน่นอน

“ฝ่าบาทคงไม่เหมาะสมที่จะให้กระหม่อมเดินเคียงข้าง”

หลิ่วเหวินอี้พูดสั้นๆ แต่แฝงไว้ด้วยความจริงจัง เพราะไม่มีพระสนมที่ไหนเดินเคียงข้างฮ่องเต้ มากสุดก็เดินตามหลังอย่างระวังเท่านั้นเพราะกฏระเบียบภายในวังหลวงมีมากมาย หากไม่ระวังศีรษะอาจจะหลุดจากบ่าอย่างไม่รู้ตัว แม้ตนจะมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้อื่นแต่เขาไม่อยากโดนตำหนิหรือโดนดูถูกจากเหล่าขุนนาง

“ผู้ใดมาตัดสินว่าเหมาะสมหรือไม่ แค่เจิ้นพอใจผู้ใดจะกล้าคัดค้าน”

รอยยิ้มไม่น่าไว้ใจของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ทำให้หลิ่วเหวินอี้มองตามอย่างเบื่อหน่าย ยอมให้จับจูงไปตามเส้นทางอย่างว่าง่ายเพราะเถียงไปก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี ได้แต่คอยรับมือกับสายตาเชือดเฉือนจากเหล่าพระสนมของลั่วเหยียนเจิ้งพร้อมด้วยศัตรูของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ว่าการรับมืออิสตรีเป็นงานที่ยากจริงๆ เห็นทีต้องคิดทบต้นทบดอกกับฟางเทียนฟงเสียแล้วที่ทำให้ตกระกำลำบากเช่นนี้

“ฝ่าบาทเสด็จ...”

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน เสียงขันทีเฝ้าหน้าประตูท้องพระโรงก็ประกาศก้องด้วยน้ำเสียงแหบแห้งของตัวเองทว่าทุกคนกลับลุกขึ้นพร้อมคุกเข่ากันอย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงสง่าก้าวเดินอย่างไม่ติดขัดผิดกับหลิ่วเหวินอี้ซึ่งรู้สึกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย เป็นผู้นำคนมาก็มากแต่ไม่เคยรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้มาก่อน

ลั่วเหยียนเจิ้งจูงมือเขาตามเข้าไปด้วยท่าทีมั่นคง ไม่ได้หวั่นต่อสายตาที่แอบมองทั้งหลายของเหล่าขุนนางและเหล่าพระสนมที่มีที่นั่งตำแหน่งของตนเอง ขณะเดียวกันหากเขาไม่โดนลากมาก็ไม่รู้จะไปนั่งที่ตรงไหนเช่นกัน บนบัลลังก์สีเหลืองทองนั้นดูสง่าน่าเกรงขามซึ่งมีแต่ผู้คนอยากครอบครอง ดวงตาเย็นชากวาดมองรอบๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมย แม้จะประหม่าไปบ้างทว่ากิริยาภายนอกกลับเย็นชาสูงส่ง

หลิ่วเหวินอี้หยุดเดินเมื่ออีกฝ่ายใกล้จะถึงบัลลังก์ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่ไม่คิดว่าเขาจะลำบากใจบ้างหรือ ข้างกายมีแต่อิสตรีและไม่มีที่ว่างสำหรับเขา ลั่วเหยียนเจิ้งหันมามองเขาเล็กน้อยก่อนจะกวาดสายตามองที่นั่งข้างตน ดวงตาคมกริบหันไปมองผู้รับผิดชอบงานซึ่งตอนนี้ตัวสั่นระริกเหมือนรู้ความผิดพลาดของตนเอง

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้ว่าพระองค์จะพาพระสนมองค์ใหม่มาจึงไม่ได้จัดที่นั่งให้ ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ชายร่างท้วมวัยกลางคนคุกเข่าลงอย่างร้อนรน ใบหน้ามีเหงื่อซึมอีกทั้งร่างกายสั่นระริกอย่างหวาดกลัว ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มละมุนทว่าคำกล่าวออกมาเชือดเฉือนอย่างน่ากลัวจนทำให้คนฟังใจสั่นสะท้าน

“เราเป็นคนมีเมตตาอ่อนโยนจะกล้าตำหนิขุนนางที่ตั้งใจทำงานได้อย่างไร เพียงแต่ความไม่รู้ของเจ้าทำให้สนมรักเราไม่มีที่นั่ง เราคงลำบากใจหากเจ้าไม่ไปสำนึกในคุกหลวงพร้อมรับไม้โบยหนึ่งร้อยไม้ และสนมรักเราคงจะเสียใจ เช่นนี้แล้วทหารนำตัวไปสำนึกตามเจตนาพระสนมเราเถิด”

ทันทีที่ลั่วเหยียนเจิ้งกล่าวจบหลิ่วเหวินอี้จึงเงยหน้ามองสบตาคนเจ้าเล่ห์อย่างเย็นเยือก นี่มันใส่ร้ายเขาเห็นๆ ทำเป็นพูดดีกล่าวอ้างความต้องการของเขาอย่างหน้าด้านๆ มันน่าฆ่านัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel