บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

แสงไฟจากรถจิ๊ปส่องกระทบกับใบหน้าเรืองและพวก ทันทีที่มันย่างก้าวออกมาจากเขตป่า พวกมันจึงออกแรงวิ่งและวิ่งทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่อยู่บนรถจิ๊ปนั้นคือคนของไร่เทียมฟ้า

“เฮ้ย อย่าหนีนะ ปัง” ชาติชายตะโกนบอกพร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัด หากแต่พวกเรืองหาได้หยุดไม่ กลับวิ่งให้เร็วกว่าเดิม ชาติชายจึงวิ่งตามและยิงพวกของเรืองไปด้วย ได้ผลเมื่อหนึ่งในนั้นถูกยิงที่ต้นขา ล้มลงร้องโอดครวญ หากแต่เรืองและพวกที่เหลือ ไม่มีใครสนใจเพื่อนอีกคนที่โดนยิง วิ่งหน้าตั้งแยกย้ายไปคนละทิศละทาง

“บอกมาผู้หญิงอยู่ที่ไหน” ชาติชายเอ่ยถามเล็งปืนไปที่ร่างของตี้

“ผู้หญิงอะไรที่ไหน ไม่มี” ตี้ปากแข็ง

“กูรู้นะว่าพวกมึงกำลังไล่วิ่งปล้ำผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เจ้าของกระเป๋าที่ทำตกไว้ห่างจากรถเครื่องของพวกมึงไม่ถึงร้อยเมตร มึงอย่าปากแข็งรีบพูดมาเร็ว” ชาติชายพูดเหมือนตาเห็น ลำดับได้อย่างถูกต้อง

“ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง”

“มึงรู้มั้ยผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เค้าเป็นเมียพ่อเลี้ยงคิมนะโว้ย มึงรีบบอกมาถ้าไม่อยากตายคามือเจ้านายกู มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเจ้านายกูโหดเข้าไส้มากแค่ไหน” คนงานในไร่ที่มาพร้อมกับชาติชาย ต่างมองหน้าคนที่พูดเป็นตาเดียว ชาติชายรีบเงยหน้ามองคนงานที่มาด้วย ขยิบตาเป็นสัญญาณ คนงานเหล่านั้นจึงถึงบางอ้อ

“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นชื่อปิ่น เป็นเมียของพ่อเลี้ยงคิม มึงรีบบอกมาเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะมา ถ้าพ่อเลี้ยงมาเองนะมึง มึงตายแน่” สันพูดเสริมอีกแรงให้น่าเชื่อถือ แถมข่มขู่ตี้ให้กลัวจนหัวหด ยังไงเจ้านายของพวกเขาไม่มาช่วยปิ่นปัก ผู้หญิงที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเกลียดเข้ากระดูกดำอยู่แล้ว แต่ผิดคาดเมื่อแสงไฟจากรถกระบะคันโปรดที่เป็นพาหนะคู่ชีพของคิมหันต์ แล่นมาจอดไม่ใกล้ไม่ไกลจุดที่เขายืนอยู่ ทุกคนต่างกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นเจ้านายของตนเดินลงมาจากรถ ที่เอวหนาคาดปืนคล้องอยู่ ตี้มองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมหมวกปีกกว้างอย่างหวาดกลัว

“มันไม่ยอมบอกครับว่าปิ่นอยู่ไหน” ชาติชายรู้ดีว่าคิมหันต์ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ถึงขนาดปล่อยให้ปิ่นปักเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายคนเดียว

“ถ้ามันไม่บอกก็แสดงว่ามันไม่มีประโยชน์ ยิงทิ้งก็หมดเรื่อง”

เขาพูดเสียงเรียบ ทว่าสายตานั้นไม่ได้เรียบเหมือนกับน้ำเสียง มือใหญ่หยิบปืนที่ห้อยไว้ตรงเอว เท่านั้นเองคำบอกเล่าต่างๆ หลุดอออกมาจากปากของตี้ทันที

“ผมบอกแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้นเค้าวิ่งเข้าไปในป่า พวกผมตามไปประมาณสองร้อยเมตรก็หยุดตามครับ” ตี้บอกอย่างลนลาน

“ขอบใจ ปัง” สิ้นคำว่าขอบใจเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด พร้อมกับร่างของตี้ที่หมดลมหายใจ

“สมจัดการด้วย ที่เหลือตามมา” คิมหันต์สั่งการ เดินกลับไปที่รถหยิบกระบอกไฟฉายกันน้ำได้ออกมา ชาติชายเดินนำเจ้านายหนุ่มไปที่จุดที่ทั้งสี่เดินออกมาจากป่า และการค้นหาปิ่นปักจึงเริ่มขึ้น

หญิงสาวผู้น่าสงสารหยุดวิ่ง เมื่อไม่เห็นคนทั้งสี่วิ่งตามมา เธอหยุดเหนื่อยหอบทรุดกายลงนั่งที่พื้นดินชื้นแฉะ ร้องไห้อีกครั้ง ทำไมชีวิตของเธอต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ความกลัวเรื่องของชายที่วิ่งตามมาหมดไป ความกลัวที่อยู่อย่างโดดเดียวกลางป่าเข้ามาแทนที่ มันทั้งมืดและหนาวเหน็บอะไรเช่นนี้

“คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยปิ่นด้วย ปิ่นกลัว” หญิงสาวร้องเรียกหาบิดามารดาอย่างเด็กหลงทาง ใช่เธอกำลังหลงทาง ไม่รู้ว่านับต่อจากนี้จะเดินไปที่ใด จะไปพักพิงที่สถานที่แห่งไหน หรือจะไปตายให้รู้แล้วรู้รอด ตัวซวยอย่างเธอไม่สมควรที่จะอยู่ที่ไหน ไปที่ไหนก็สร้างความยุ่งยากลำบากใจให้ที่นั่น

ปิ่นปักตัดสินใจเดินกลับไปจากจุดที่เธอวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะจำไม่ได้ว่าต้องเดินไปทิศทางใด เนื่องจากทุกทิศโดยรอบ มืดและมีแต่ต้นไม้รกทั้งสิ้น แสงไฟจากบุคคลหลายคนที่เรียงเป็นหน้ากระดาน ทำให้เท้าบางชะงักและแอบอยู่ด้านหลังต้นไม้ต้นใหญ่ ทำตัวลีบที่สุดเท่าที่จะลีบได้ ใช้สมองที่โง่เขลาหาทางเอาตัวรอด

“ปิ่น ยัยตัวซวย เธออยู่ไหนเนี่ย” เสียงนี้ คำเรียกชื่อแบบนี้มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอ คิมหันต์ รอยยิ้มกระจายเต็มใบหน้า เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ วิ่งออกไปหาแสงไฟจากไฟฉายทันที

“คุณคิม คุณคิม” ปิ่นปักร้องเรียกชื่อเขาไปด้วยวิ่งไปด้วย คิมหันต์ส่องไฟฉายไปทางต้นเสียงที่ได้ยิน เท้าหนาเร่งอัตราการเดินให้เร็วขึ้น แต่ไม่ถึงกับวิ่ง ตรงเข้าไปหาร่างเล็กที่วิ่งเข้ามากอดร่างของเขาด้วยความดีใจ คนถูกกอดอึ้งไปชั่วครู่ไม่คิดว่าหญิงสาวที่เขาจงชังจะกอดร่างเขาแน่นขนาดนี้ แทนที่จะอึดอัดกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

“จะกอดอีกนานมั้ยอึดอัดจะตายอยู่แล้ว” ปากหนอปากช่างพูดออกมาได้ ไม่ตรงกับใจเลยสักนิดเดียว ปิ่นปักหน้าเสียเล็กน้อย คลายอ้อมแขนที่รัดร่างหนาออก เดินถอยหลังมาสองก้าว

................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel