บท
ตั้งค่า

บทที่ 29 ค่ายกลตาข่ายฟ้า (1)

บทที่ 29 ค่ายกลตาข่ายฟ้า (1)

ช่วงสายจิวชงหยวนตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้าแดงระเรื่อมองคนที่กอดตัวเองแน่นด้วยความเคอะเขิน แม้สติจะเลือนรางแต่ก็รู้ว่าลู่เฟยเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ร่างโปร่งบางพยายามลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าแดงก่ำเมื่อร่างกายตอนนี้เปลือยเปล่าและคนข้างๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงห่วงใยและแววตาอาทรส่งมาให้ จิวชงหยวนเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะบอกเสียงเรียบพยายามตีสีหน้าให้นิ่งที่สุด

“ข้าหายดีแล้ว กำลังภายในหายไปนิดหน่อยแต่ไม่นานก็กลับคืนมา”

ลู่เฟยยกยิ้มยินดีที่รับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก นิ้วเรียวลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างแผ่วเบา แต่กลับทำให้จิวชงหยวนขนกายลุกชันสองเท้าเร็วกว่าความคิด กว่าจะรู้ตัวร่างสูงก็นอนหงายตกเตียงนอนไปแล้ว

“เจ้า! เจ้าทำกับคนที่ช่วยชีวิตเจ้าเช่นนี้หรือไง”ลู่เฟยลุกขึ้นต่อว่าอย่างน้อยใจ

จิวชงหยวนอ้าปากค้างมองร่างสูงหนาโชว์ซิกแพคอย่างน่าอิจฉา แต่ที่ทำให้เขาหน้าแดงเพราะส่วนล่างนั้นมันแข็งขืนขึ้นมาท้าทายเขา

“เจ้าคนลามก! ไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” จิวชงหยวนร้องลั่นเมื่อสติกลับคืนมา หมอนใบเล็กสองใบขว้างใส่คนตัวสูงที่ไร้ยางอาย

ลู่เฟยยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อจิวชงหยวนเบิกตากว้างมองมาอย่างตื่นๆ แต่กลัวว่าหากช้ากว่านี้เจ้าตัวจะชักกระบี่มาแทนหมอนหนุนสองใบ จึงยอมเดินไปใส่เสื้อผ้าตามที่ร่างโปร่งบางต้องการ แม้จะอยากแกล้งทว่าวันนี้พวกเขายังมีเรื่องให้จัดการอีกมาก

ผ่านไปครึ่งชั่วยามจิวชงหยวนกับลู่เฟยมาปรากฏตัวที่หน้าโรงยากับศาลเจ้าอีกครั้ง ดูเหมือนทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเซียนรักษาโดนสังหารไปแล้ว และเหมือนจะเป็นเรื่องปกติจนน่าแปลกใจ จิวชงหยวนหยิบหน้ากากสีทองมาสวมบนใบหน้าเพื่อป้องกันคนจำได้แล้วเดินเข้าไปถามคนบริเวณนั้นด้วยความสงสัย

“ท่านป้าวันนี้ไม่เข้าแถวไปหาท่านเซียนหรอกหรือ”

“เปล่าหรอกจอมยุทธน้อย ท่านเซียนนานๆ ทีถึงจะมาแถวนี้ ส่วนมากที่ช่วยรักษาให้ชาวบ้านก็เป็นลูกศิษย์ จอมยุทธน้อยมาช้าไป เมื่อวานนี้ท่านเซียนมาช่วยรักษาชาวบ้านด้วยและยังมีเซียนกระบี่สหายของเซียนรักษาจิวชงหยวนมาที่นี่ด้วยนะ” ท่านป้าเล่าด้วยความตื่นเต้น จิวชงหยวนพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณก่อนจะขอตัวจากมา

“เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”

“ข้าจะเข้าไปในเรือน ไม่แน่เหล่าจืออาจอยู่ที่นี่ก็ได้” จิวชงหยวนสะบัดพัดในมือที่ได้มาจากเจียนเจียนไปมาอย่างครุ่นคิด

“เจ้าคิดว่าเหล่าจือยังไม่ตายหรือ”

“ใช่ หากตายวิญญาณต้องปรากฏที่ยมโลก และสวรรค์ต้องรู้แจ้งแล้วว่ามีเทพเซียนตาย แต่นี่ยังปล่อยให้ตาแก่มีชีวิตอยู่นั่นก็หมายความว่าสวรรค์ยังไม่รู้เรื่องนี้” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างมั่นใจ ลู่เฟยพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานหลบเข้าไปภายในเรือนหลังใหญ่ตามร่างโปร่งบางไปอย่างว่าง่าย

ภายในเรือนด้านหลังดูเงียบๆ จนทั้งคู่ต้องเพิ่มความระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะพากันทะยานขึ้นไปหลบอยู่บนขื่อไม้ด้วยความเร็วเมื่อเสียงแว่วๆ ดังใกล้เข้ามา

“เจ้าว่าอาจารย์ออกเดินทางไปแล้วจริงๆ หรือ” ชายร่างท้วมเอ่ยถามสหายร่างผอมสูงด้วยความสงสัยขณะเดินเข้ามาในเรือนหลังใหญ่หยิบถาดธูปเทียนส่งให้สหายอีกสองคนที่ตามมาเอาข้าวของ

“จริงอยู่แล้วล่ะ อาจารย์ชอบหายไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็กลับมา” ชายร่างผอมตอบพร้อมก้มลงหยิบถาดมาซ้อนกันอีกใบ

“ท่านพี่ แต่ข้าสงสัยว่าด้านหลังตำหนักเย็นที่อาจารย์ห้ามพวกเราเข้าไปมันคือสิ่งใดกัน” ชายร่างเล็กสุดเอ่ยถามพร้อมช่วยถือถาดธูปจากทั้งสอง

“อ้อ เป็นที่พำนักของอาจารย์เวลาเข้าฌาน บางครั้งอาจารย์ก็เข้าไปเป็นเดือนแต่ละครั้งไม่แน่นอน อาจารย์แค่ไม่อยากให้ผู้ใดรบกวน” ชายร่างท้วมเอ่ยตอบเท่าที่รู้ก่อนจะพากันเดินออกไป

จิวชงหยวนโหนตัวลงมายืนอยู่บนพื้นแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่โดนจับได้ซะก่อน โดยมีลู่เฟยลงมายืนอยู่ข้างๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel