บทที่ 9
พริมาเข้าร่วมประชุมแทนปราชญ์ที่ยุ่งอยู่กับการดูแลภรรยาถึงกับกลอกตา หากอยู่ที่สิงคโปร์เรื่องพวกนี้คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่พอมาอยู่ประเทศไทยทุกคนชอบเอาใจใส่เรื่องคนอื่นมากเป็นพิเศษ เรื่องง่ายจึงกลายเป็นเรื่องยากเสียอย่างนั้น
เธอมองไปยังคนที่ถูกกล่าวหาว่าภาพลักษณ์ไม่ดีพออย่างไม่สบายใจนัก เขายังคงนั่งยิ้มพรายอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีป้ายบอกตำแหน่งประธานบริษัท แต่กลับไม่ออกความเห็นอะไรเลยสักคำ
หลายคนเริ่มเรียกร้องให้ปราชญ์กลับมาดูแลงานทำให้พริมารู้สึกถูกกดดันไปด้วย เธอพยายามคิดหาทางออกว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เจ้านายไม่ต้องกลับเข้ามาทำงานเต็มตัวได้บ้าง ทว่าทางออกที่มองเห็นกลับมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น และเธอจำต้องยอมรับมันอย่างเสียไม่ได้
“ทุกคนคะ เรื่องให้คุณปริญญ์กลับมาดูแลงานที่ไทยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณปริญญ์ต้องดูแลสาขาที่สิงคโปร์ ส่วนคุณปราชญ์ก็คงจะลางานเพื่อดูแลภรรยาอีกพักใหญ่…”
“แล้วคุณพริมจะหาใครมาแทนล่ะครับ”
“ก็ท่านประธานของเรานี่แหละค่ะ เดี๋ยวให้คนปล่อยข่าวออกว่าคุณปุณณ์หมั้นแล้ว ออกงานกับคู่หมั้นบ่อยหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ได้”
“ท่านประธานมีคู่หมั้นแล้วเหรอครับ” หนึ่งในบอร์ดบริหารถามอย่างไม่อยากเชื่อ
ปุณณ์ ทิวานันท์ คิดสละโสด?
“ค่ะ พริมเป็นคู่หมั้นของคุณปุณณ์” พริมายอมกล่าวออกมาในที่สุด เธอมองคนตัวใหญ่ที่กำลังนั่งยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี และตระหนักได้ทันทีว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว กระทั่งความคิดเรื่องการเปิดตัวที่นำมาใส่สมองน้อยๆ ของเธอนั่นก็เช่นกัน
“แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เลยนะครับ ไม่อยากให้คุณพริมต้องเสียความเป็นส่วนตัวเพราะถูกสื่อจับตามอง และที่ผมไม่บอกใครว่ากำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวก็เพราะกลัวว่าจะมีใครไปวุ่นวายกับคู่หมั้นนี่แหละ” ปุณณ์แสร้งถอนหายใจ พลางจ้องมองคนสวยที่เพิ่งตกหลุมพราง ทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการโดยไม่รู้ตัว
“แต่ที่คุณพริมเสนอมาช่วยบริษัทเราได้มากเลยนะครับคุณปุณณ์ ประหยัดงบประชาสัมพันธ์ไปได้เยอะเลย เพราะยังไงช่วงนี้สื่อก็จับตามองคุณปุณณ์อยู่แล้ว”
“ความจริงถ้าพวกคุณสังเกตก็จะเห็นว่าตั้งแต่ผมหมั้นกับพริมและย้ายมาอยู่ไทย ผมแทบไม่มีข่าวแย่ๆ เลยนะ เรื่องเก่าๆ ที่หลุดออกมาก็น่าจะเป็นฝีมือของคู่แข่งมากกว่า แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ ถ้าพวกคุณเห็นด้วยกับคุณพริม ผมก็ไม่มีอะไรจะขัด มีใครอยากพูดอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมจะได้เลิกประชุม”
ในห้องมีเพียงความเงียบงัน ไม่มีใครเสนออะไรอีก พริมาเองก็เช่นกัน เธอนั่งรอให้ท่านประธานผู้ควบตำแหน่งคู่หมั้นลุกออกจากเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ทว่าวันนี้เขากลับตรงมาหาเธอที่นั่งห่างออกไป แทนการเดินออกจากห้องประชุมล่วงหน้าไปก่อน
“เรากลับบ้านกันนะพริม พี่ปวดหัวมากเลย สงสัยจะไม่สบาย” ปุณณ์จงใจกล่าวเสียงดังให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมได้ยิน ตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปไกลเสียยิ่งกว่าคำว่าคู่หมั้น และนั่นทำให้ทุกคนสบายใจว่าทุกอย่างจะต้องออกมาดูดีในสายตาของสื่ออย่างแน่นอน
ส่วนพริมานั้นทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชิงชังตัวเองที่เดินตามเกมที่ผู้ชายเจ้าเล่ห์วางไว้อีกแล้ว!
ตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกันพริมาอยากถามผู้ชายที่ขับรถให้เธอนั่งว่าเขาได้วางแผนไว้หรือเปล่า แต่พออ้าปากจะพูดก็เปลี่ยนใจ พอผ่านไปสักพักก็ทำท่าว่าจะขอคำตอบ แต่สุดท้ายก็มีเพียงความเงียบจนกระทั่งถึงร้านอาหารที่อยู่ไม่ห่างจากคอนโดมิเนียมนัก
“เที่ยงแล้ว” เขาหันมาส่งยิ้มให้กับเธอ ก่อนลงจากรถเตรียมเดินไปเปิดประตูให้ ทว่าพริมาไม่สนใจ รีบดูแลตัวเองอย่างที่ทำมาตลอดชีวิต กว่าอีกฝ่ายจะอ้อมมาถึงเธอก็ลงไปยืนทำหน้าไม่พอใจรออยู่แล้ว
“พริมควรรอพี่…”
“ไม่เป็นไรค่ะ พริมมีมือ” พริมาตอบอย่างไม่สนใจมารยาท เธอไม่ชอบเวลาที่เขาอมยิ้มราวกับรู้ทันไปเสียทุกอย่าง ตอนนี้เองก็เช่นกัน
“พริมไม่น่ารักเลยนะ”
“ก็ไม่ได้ขอให้มารัก ไม่ได้อยากถูกเอาเปรียบ”
“พี่เอาเปรียบพริม? เอาเปรียบยังไงเหรอคะ?”
