บทที่ 4
คุณปุณณ์ไม่เคยล้อเล่นกับเธอในที่ทำงาน เขาจริงจังกับทุกอย่างเสมอ แยกแยะได้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ มีเพียงรอยยิ้มแต้มมุมปากและดวงตาเจ้าชู้คู่นั้นที่ทำให้พริมารู้ได้ว่าเขาพร้อมที่จะขย้ำเธอทันทีที่เลิกงาน หรือไม่ก็ทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง
โชคดีที่พักหลังเขางานยุ่งและต้องเดินทางบ่อย เพราะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ชายหนุ่มสั่งปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่รอความเห็นจากน้องชายอย่างปราชญ์ แรกๆ เธอก็ทักท้วงเจ้านายว่าควรขัดอะไรบ้าง แต่กลับได้คำตอบที่สุดท้ายเธอก็อดเห็นด้วยไม่ได้จริงๆ
‘พี่ปุณณ์ดูสบายๆ ก็จริง แต่ทำงานละเอียดมาก ผมเลยไม่อยากขัดหากเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร พริมทำงานใกล้ชิดสักเดือนสองเดือนเดี๋ยวก็เข้าใจเองว่าทำไมผมถึงยอมให้สิทธิ์ขาดทุกอย่าง’
พริมาเข้าใจตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ได้ร่วมงานใกล้ชิด คุณปุณณ์เป็นคนเชือดนิ่ม สายตาเขายามกดดันบอร์ดบริหารหรือทีมต่างๆ ทำให้เธอต้องลอบกลืนน้ำลาย มาดนักธุรกิจเคร่งขรึมทำให้ผู้คนเกรงใจ พูดอะไรไปก็ไม่ค่อยกล้าขัด แต่กระนั้นเขาก็ยังบังคับให้ทุกคนออกความเห็นตามจริงเพื่อให้ได้ผลงานที่ออกมายอดเยี่ยมที่สุด
หากเขาทำตัวน่านับถือตลอดเวลาคงจะดี
พริมากดรหัสเข้าห้องพักอย่างเฉื่อยชา วันนี้เธอเหนื่อยและปวดตึงทั่วร่าง ตั้งใจว่าหลังจากอาบน้ำแล้วจะออกไปนวดคลายเส้น เตรียมรับศึกหนักที่ต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ ทว่าเสี้ยววินาทีแรกหลังปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้องรับแขก เธอก็กรีดร้องออกมาเบาๆ ปล่อยของในมือร่วงกระจาย เพราะเจ้าของร่างสูงสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายที่กำลังยืนรินไวน์ให้อยู่ไม่ไกลนัก
“น้องพริมคนสวยของพี่กลับมาแล้ว”
ปุณณ์คลี่ยิ้มกระชากใจอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนวางแก้วไวน์และเดินตรงไปช่วยคู่หมั้นคนสวยจัดการเก็บของที่หล่นอยู่บนพื้นอย่างมีน้ำใจ
น้ำใจที่หวังผลตอบแทน...
“พริมจัดการเองได้ค่ะ” พริมาแทบกัดลิ้นตาย เมื่อครู่เธอเผลอหันไปมองท่อนล่างของผู้ชายตรงหน้า และทราบในทันทีว่าเขาไม่ได้ใส่อะไรใต้กางเกงผ้าฝ้ายตัวนั้นแน่ๆ
“ไม่เอาน่า เราสองคนเลิกงานแล้ว อย่าทำหน้าดุนักเลยนะคนดี ถือว่าพี่ขอนะคะ” ปุณณ์ป้อนคำหวานเพราะชอบเห็นพริมาอาย แต่เธอเก็บอาการเก่งจนเขาเริ่มไม่อยากใจเย็นด้วยแล้ว
“ค่ะ เราสองคนเลิกงานแล้ว... ถ้าอย่างนั้นพริมก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับคุณปุณณ์” พริมาเลี่ยงไม่มองคนหน้าไม่อายที่เดินอวดหุ่นอยู่ในห้อง
“จริงสิ ไม่ต้องคุยก็ได้ มาให้พี่กอดก็พอ”
“คุณปุณณ์พูดกับพริมดีๆ หน่อยได้ไหมคะ พริมไม่ใช่สาวๆ ในสังกัดของคุณนะคะ”
“ไม่ใช่สาวๆ ในสังกัด แต่เป็นว่าที่ภรรยา ไม่เอาน่าน้องพริม มาให้พี่กอดหน่อย พี่ไม่ได้นอนกับใครมาตั้งสามเดือนกว่าแล้วนะคะ ไม่สงสารเหรอ” ปุณณ์ยิ้มกริ่ม จิบไวน์พลางมองเธอด้วยสายตาที่เผยชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“พริมเหนื่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ถามจริงๆ เถอะนะ พริมไม่อยากเหรอ นอนคนเดียวเหงาจะตาย หรือว่าจะให้พี่ทำแบบคืนนั้นก็ได้ แต่ต้องแลกกันนะคะ เพราะครั้งนี้พี่ไม่ยอมขาดทุนแน่”
“คุณปุณณ์!” พริมาบังคับตัวเองให้ใจเย็นไม่ไหวเธอตวาดคนปากร้ายเสียงดัง ความรู้สึกโกรธและอายประดังเข้ามาทำเธอหน้าแดง จนไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับเขาอีกแล้ว
“โอเค ไม่แกล้งแล้ว เดี๋ยวพริมไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ นะคะ พี่จะพาออกไปทานข้าวนอกบ้าน” เขายกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมถอยให้เธอแล้ว แต่พริมารู้ดีว่าเขาก็แค่แกล้งถอย เพื่อที่จะรุกเธออีกครั้ง
“พริมไม่อยากไปค่ะ”
“ไม่อยากไป?”
“พริมเหนื่อยค่ะ ตั้งใจว่าอาบน้ำแล้วจะไปร้านนวด”
“งั้นเดี๋ยวพี่เตรียมน้ำให้นะคะ เหนื่อยมาแบบนี้แช่น้ำอุ่นหน่อยจะได้สบายตัว” เขาไม่ฟังคำปฏิเสธของพริมา จัดการรินไวน์ให้ตัวเองอีกแก้ว ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมายืนยิ้มแฉ่งให้กับคู่หมั้นที่อายุน้อยกว่าถึงสิบสองปี
“ไปสิ พี่จัดการให้แล้ว” เขาพยักพเยิดให้คนตัวเล็กเข้าไปในห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอนของเขา ก่อนหันกลับไปจัดการไวน์ต่อราวกับไม่ได้มีแผนการอะไรในใจ
พริมามองเขาอย่างหวาดระแวง แต่ก็ยอมเข้าไปในห้องน้ำเพราะไม่อยากโต้เถียงให้เสียเวลา เธอล็อกประตู หลังจากมั่นใจดีแล้วว่าตัวเองปลอดภัย จึงหย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ทันที
คุณปุณณ์พูดถูก การแช่น้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมากจริงๆ กลิ่นหอมของเทียนอโรมาที่เขาจุดไว้ทำให้เธอผ่อนคลายจนถึงกับเผลอครางออกมา
เธอรู้สึกดีจนกระทั่งได้ยินเสียงไขกุญแจนั่นแหละ
“คุณปุณณ์!”
“อ๊ะ อ๊ะ ลุกออกจากอ่างตอนนี้พี่เห็นนมเลยนะคะ หรือว่าอยากให้พี่เห็น อยากให้พี่หื่นกับน้องพริม”
ปุณณ์หัวเราะเบาๆ ยืนมองอีกฝ่ายที่หาทางหนีอย่างทุลักทะเล แต่กลับทำอะไรไม่ได้มากเพราะกลัวว่าเรือนร่างเปลือยเปล่าจะโผล่พ้นฟองนุ่มสีขาวให้เขาได้เชยชม
“คุณปุณณ์ออกไปเถอะนะคะ พริมขอร้อง”
“ว่าที่ภรรยาเหนื่อยจนเรียกหาหมอนวดแบบนี้ พี่อยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกนะคะ อีกอย่างแค่คิดว่าจะมีใครมาถูกเนื้อต้องตัวน้องพริม พี่ก็อิจฉาจนทนไม่ไหวแล้ว”
ปุณณ์วางแก้วไวน์ ก่อนหย่อนสะโพกนั่งลงบนขอบอ่าง เตรียมลงมือตามที่ตั้งใจไว้ทันที!
