บท
ตั้งค่า

1

เหนื่อยจัง…ฉันเหนื่อยแทบขาดใจ…มีใครจะรู้บ้าง…ว่าตอนนี้ลมหายใจมันค่อยๆ แผ่วเบาลงไปทุกที….

“โอ๊ยยยย ใครก็ได้ช่วยฉันที…อย่าเป็นอะไรนะ เบลล่า ได้ยินพี่ไหม..หายใจเข้าลึกๆ”

ได้ยินสิ!! ได้ยินเต็มสองรูหูเลย เลิกตะโกนได้ไหมมันหนวกหู ก็แค่ตอนนี้อยากหลับแค่นั้นเอง ใช่แค่นอนหลับอยากพักผ่อนร่างกายต้องการแบบนั้น แต่ไม่ใช่เวลานี้!!

เบลล่าสะดุ้งตื่นขึ้นมา บนเตียงนอนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสามฟุต ดวงตากลมโตกำลังปรับม่านตาให้คุ้นเคยกับแสงที่แยงเข้ามาในดวงตา ศีรษะที่ราวกับมีค้อนทุบลงมาปวดจนต้องซี๊ดปากออกมาเบาๆ

“นอนนิ่งๆ ก่อนอย่าพึ่งขยับตัว..” แคทพูดเสียงเชิงดุ แต่ก็ยังคงมีความเป็นห่วงแฝงอยู่เต็มเปี่ยม “ให้ตายสิ!! พี่บอกเธอกี่ครั้งแล้ว ไม่ไหวอย่าฝืน ให้บอก ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก”

“เลิกบ่นได้ไหม มันทำให้ปวดหัว” นี่คือความเป็นจริง ถ้าหากแคทยังไม่หยุดพูดมีหวังสมองที่กำลังปวดอยู่ด้านในกะโหลกคงต้องระเบิดออกมาแน่นอน “หมอบอกว่าเป็นอะไร”

“พักผ่อนไม่เพียงพอ..ถามจริง พี่ให้เธอนอนตั้งแต่สองทุ่มทุกวัน เลิกรับงานดึกให้ แล้วยังเริ่มทำงานตั้งแต่สองโมงเช้า เอาเวลาพวกนั้นไปทำอะไร” ความสงสัยที่เป็นคำถามอยู่ในใจของแคท ว่าเหตุใดเบลล่าถึงได้เป็นเช่นนี้

ถ้าเป็นเมื่อก่อนแคทจะไม่สงสัยหรือมีคำถามแบบนี้ นางแบบชื่อดัง “เบลล่า สตีฟ” ผู้มีประสบการณ์โชกโชนมานานหลายปี พอเข้าปีที่เจ็ดเธอจึงขอรับงานน้อยลงจากเมื่อก่อนตั้งครึ่งของครึ่งในงานที่ต้องทำ แต่ด้วยที่แคทเห็นว่าเบลล่าเหนื่อยมาหลายปีแล้ว จึงรับแค่งานใหญ่ที่ทำเม็ดเงินได้มาก

“นอนไม่หลับ” สุดท้ายคำสารภาพก็หลุดออกมาจากปากของเบลล่า อาการนี้เป็นมาได้หลายวัน

“อะไรนะ!! นอนไม่หลับ…แล้วทำไมไม่บอกพี่ มีเรื่องอะไรไหนเล่ามาซิ!!” เก้าอี้เหล็กอย่างดีถูกเลื่อนมาข้างๆ เตียงนอนของผู้ป่วย

“ก็เรื่องสัญญาฉบับนั้นไง ลืมนึกไป..” คำพูดที่มีเหตุและผล หรืออะไรที่ทำให้แคทคิดตามได้ ยิ่งทำให้คนเป็นผู้จัดการส่วนตัวสงสัยและตั้งคำถามเข้าไปอีก “อย่ามองแบบนั้นได้ไหม ฉันรู้ว่าพี่ให้ฉันเป็นคนเลือกงานเอง แต่ดูเหมือนงานนี้จะเลือกพลาดไปนิดนะ”

“แล้วมันทำให้เธอนอนไม่หลับ?”

“อืม”

“อะไรที่บอกว่าพลาด พูดอะไรก็ให้มันชัดเจนหน่อยได้ไหม ถ้ามันพลาดจะได้หาทางแก้ไข”

“ไม่ทันแล้ว เซ็นสัญญาไปแล้ว ตอนนี้กำลังทำใจอยู่…ขอพักสักสองวันแล้วกัน แล้วพี่ได้บอกแม่ไหมว่าฉันอยู่โรงพยาบาล” ผ้าห่มสีขาวถูกดึงขึ้นมาห่มเอาไว้จนถึงหน้าอก สายตาที่จ้องมองไปทางหน้าต่างที่เป็นกระจกทั้งบานมีความเศร้าหมอง

“พึ่งกลับไป เห็นบอกว่าวันนี้ต้องไปรับปริญญาชาร์ล จะมาอีกรอบตอนเย็น” แคทเข้าใจในคำถามของเบลล่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอมักบอกกับผู้จัดการสาวเสมอว่า.. ไม่จำเป็นอะไร ก็ไม่ต้องบอกแม่ของเธอหรอก

ถึงภายนอกเบลล่าจะดูแข็งแกร่ง แต่ใครจะรู้ว่าอ่อนแอมากเพียงใด คนที่สู้ชีวิตเดินตามความฝันที่อยากเป็นดาราดัง แต่กลับได้มาเป็นนางแบบ เบลล่ายิ้มออกมาด้วยความยินดีทุกครั้ง

เธอบอกเสมอว่า..ความฝันบางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำตามอยู่เสมอ การเป็นนางแบบก็หาเงินได้มากเช่นเดียวกัน เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่เขามาในวงการนี้

การบรรลุความหวัง ก็นับได้ว่าเดินมาไกลเกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ความอิ่มตัวกำลังทำให้เธอมองหาสิ่งอื่นที่จะเข้ามาทดแทนสิ่งนี้อีกครั้ง

“ฉันอยากพักผ่อน พี่กลับไปเถอะ อยู่คนเดียวได้”

“แบบนี้ทุกที อยากพักก็พักไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะอยู่เงียบๆ เอาแค่สองวันใช่ไหม”

“อืม แค่สองวัน ย่นตารางงานเข้ามาอีกหน่อย อยากรีบเคลียร์งานให้จบๆ”

“ไม่ไหวหรอก สองเดือนนี้ตารางงานวางเอาไว้หมดแล้ว ถ้าหากย่นเข้ามา มีหวังได้หลับกลางอากาศอีกแน่” พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เหตุการณ์เมื่อเย็นวานนี้ยังคงติดตาของแคทอยู่ไม่หาย

เบลล่าในชุดฟินน่าเล่สีขาวสะอาดตา มาในชุดเสื้อผ้าสีขาวแห่งปี เสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลก กำลังเฉิดฉายในตลาดแฟชั่น ไม่ว่าจะออกคอลเลกชันไหนๆ ไม่ถึงหนึ่งวันยอดสั่งซื้อก็ถล่มทลาย ยิ่งมีนางแบบระดับต้นๆ ของประเทศเป็นผู้สวมใส่แล้ว ยอดขายยิ่งพุ่งขึ้นสูง

แบรนด์เสื้อผ้าที่ทันสมัย เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย มีให้เลือกหลากหลาย ช่างเป็นความคิดที่เยี่ยมยอดของเจ้าของแบรนด์ เบลล่าได้เซ็นสัญญาเอาไว้ห้าปี ปีนี่ก็เข้าปีที่สองแล้ว

เมื่อวานเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลังจากที่เดินแบบเสร็จเรียบร้อย พอเบลล่าก้าวขาลงจากเวทีเพียงเท่านั้น ร่างของเธอก็ร่วงลงมาสู่พื้น ทุกคนที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ คิดว่าเธอนั้นสะดุดล้ม

เพราะรองเท้าที่สวมใส่สูงไม่ใช่เล่น แต่ใครจะคิดว่าเธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด กลับกลายเป็นว่า…หน้ามืดด้วยอาการพักผ่อนไม่เพียงพอ นึกมาแล้วแคทก็อยากจะฟาดเบลล่าไปสักทีสองที

ความที่เป็นห่วงของแคทที่เห็นเบลล่าเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ รักเธอมากจนไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย ด้วยที่ติดตามเป็นพี่เลี้ยงมาตั้งแต่เบลล่าเดินทางมาอยู่ต่างประเทศ นี่ก็ปาเข้าไปปีที่แปดแล้ว ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกจ้าง มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รู้

“พี่ว่า… ฉันจะทำงานนี้ไปได้อีกกี่ปี” อยู่ๆ เบลล่าก็ตั้งคำถามขึ้น ซึ่งคนจะตอบก็เอาแต่จ้องหน้าคนถาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แคทเจอคำถามนี้ เสียงถอนหายใจดังขึ้นมา เบลล่าที่นอนอยู่บนเตียงหันมองมาแล้วยิ้มออกกว้าง “ทำเหมือนคนแก่เลยนะ แค่ถาม แต่ทำไมพี่ไม่เคยตอบฉันเลย”

“ตอบตัวเองเถอะ ใครจะรู้..” แคทว่าแล้วจึงล้มตัวลงนอนที่โซฟาใหญ่ด้านข้าง เธอเลือกที่จะนอนตะแคงหันหลังให้กับเบลล่า กายนี้แสนเหนื่อยล้าเพราะทั้งคืนมัวแต่เป็นห่วงผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงและยังคงจ้องมาทางเธออยู่เช่นนี้

“ฉันไม่ลาวงการนี้ไปง่ายๆ หรอก อย่างน้อยพี่ก็ต้องใช้หนี้จนหมดก่อน ฉันถึงจะลาออก..” คำพูดของเบลล่าทำให้แคทที่นอนตะแคงหันหลังให้พลิกตัวกลับมาทันที

“ไม่ต้องเลยนะ อย่าเอาปัญหาของพี่ไปตัดสินใจแบบนั้น ถ้าทำพี่จะโกรธเธอจริงๆ”

“ทำไมละ เราสองคนเป็นแบบไหนเรารู้กันอยู่แล้ว เอาเงินของฉันไปใช้หนี้ก่อนก็ไม่เอา แล้วเมื่อไหร่มันจะหมดสักที มาเป็นหนี้ฉันยังดีกว่าต้องไปจ่ายดอก พี่ไม่ลองคิดดูใหม่เหรอ”

ความหวังดีของเบลล่า แคทรับรู้ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเธอเอาเงินของเบลล่าไปจ่ายหนี้ ต่อไปความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงไม่เหมือนเดิมเช่นวันนี้ เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร ถึงในใจจะไม่คิดคดโกง แต่มารดาของเบลล่าจะคิดเช่นไร

“ขอบใจนะ พี่รู้ว่าเธอหวังดี แต่ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะ ตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถือว่าเธอช่วยพี่เอาไว้มากแล้ว หนี้ตอนนี้ก็เหลือไม่มาก สองปีก็จ่ายหมดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ช่วยเป็นห่วงสุขภาพตัวเองเถอะ อย่าให้พี่ต้องเป็นห่วงเธอ”

“เข้าใจแล้วๆ พี่นอนเถอะ ดูสีหน้าคงไม่ได้นอน ฉันไม่กวนแล้ว”

“อืม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel