บทที่ 5
“กูอยากกลับ” ผมบอกไอ้เหนือ เมื่อตอนนี้รู้สึกง่วงนอน อาจเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป พร้อมแผลบนศีรษะที่เริ่มปวดพร้อมกันมือที่พิการของตัวเอง ผมล่ำลาเพื่อแล้วเดินออกมารอไอ้เหนือ ขณะที่ผมเดินผ่านห้องห้องหนึ่งก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันของผู้หญิงกับผู้ชาย คงไม่พ้นเรื่องเดิมๆ ผมเจอจนชิน
“ปล่อย มะปราง!!” แค่ได้ยินชื่อนี้ผมก็หยุดเท้าที่จะก้าวเดินออกไปข้างนอก ผมยืนอยู่หน้าห้อง ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้หญิงคนหนึ่งเดินปาดน้ำตาออกมาแล้วเดินขึ้นไปด้านบนของผับ ผมมองเห็นผู้หญิงที่คุ้นหน้ายืนอยู่ด้านใน ถึงจะมองเห็นเพียงแค่เล็กน้อย ผมก็จำเธอได้ แล้วผู้ชายอีกคนก็เดินออกมา
ใช่แล้วมันคือไอ้คนที่ให้ดอกไม้เธอ แค่คิดอารมณ์ขุ่นมัวของผมก็เกิดขึ้น
“เฝ้าเอาไว้ให้ดี ที่กูสั่งทำให้ไหม”
“เรียบร้อยครับ เธอดื่มจนหมด”
“ดี ทำงานดีมาก นี่กูให้” เขายื่นเงินแบงค์สีเทาให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่ไอ้บ้านั้นจะเดินตามผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปด้านบน
“มึงมายืนอะไรอยู่ตรงหนี้จะกลับไม่ใช่หรือไง”
“อืม...กูอยากได้ผู้หญิง” ผมพูดแค่นั้น ไอ้เหนือก็มองหน้าผม มันแปลกใจ เพราะผมไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้
“สมองมึงมีปัญหาไหม ป่ะไปหาหมอก่อน ค่อยมาตีหรี่”
“.....” ผมยืนจ้องหน้ามัน ก่อนส่งสายตาเข้าไปด้านในห้องตรงหน้า
“เอาจริงดิ สภาพพิการแบบนี้จะทำอะไรได้ว่ะ”
“.....” ผมก็ยังคงจ้องหน้ามัน ก่อนที่ไอ้เหนือจะเดินไปที่ห้องนั้น
“เข้าไม่ได้นะครับ” น้ำเหนือมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน
“มึงไม่รู้ว่ากูเป็นใคร” มันพูดเสียงเรียบ ใช่ผับนี้ไอ้เหนือมันเป็นหุ้นส่วน น้อยคนที่จะรู้จัก พนักงานชายหลีกทางให้ อย่างลำบากใจ “ผู้หญิงคนนี้เมียเพื่อนกู บอกมันด้วยว่าผัวพากลับบ้านแล้ว”
น้ำเหนืออุ้มมะปรางออกมาจากข้างในผับ พวกผมไม่รอช้ารีบเดินตรงมาที่รถ ไอ้เหนือมองหน้าผมเล็กน้อย ใช่รถของมันเป็นรถสปอตสองที่นั่ง มันก็มีปัญหาว่าจะให้เธอนั่งตรงไหน อย่างที่คิดนั่นแหละ ผมให้เธอนั่งบนตักตัวเอง มะปรางตัวเล็กมันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น
“เอาไง ดูเหมือนจะโดนของดีเข้าให้”
“ไปคอนโดกู เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมพูดขึ้น ก่อนมันจะขับรถออกมาจากผับ ไม่นานก็มาถึงคอนโดของผม
“กูเหนื่อย จะให้กูอยู่เป็นเพื่อนไหม” ไอ้เหนือมันถามอีกครั้ง เมื่อวางร่างบางลงบนเตียงนอน
“มึงกลับเถอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“เอ่อๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนที่ไอ้เหนือจะเดินออกจากห้องไป
มะปรางนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอน ผมยืนมองเธอ สีหน้าทรมานอย่างเห็นได้ชัด ผมอยากซัดหน้าไอ้บ้านั้นสักหมัด มันเอาอะไรให้เธอดื่มกันแน่ ตอนนี้ผมทำได้เพียงยกโทรศัพท์ติดต่อหาใครบางคนให้มาช่วงผมเรื่องนี้ ไม่ถึงสิบนาที เสียงกริ่งหน้าห้องพักก็ดังขึ้น
“ไง โทรหาดึกดื่น กะจะไม่ให้กูได้พักหรือไง”
“มีคนป่วย” ผมพูดขึ้น เมื่อหมอหนุ่มที่เป็นญาติสนิทเดินเข้ามาภายในห้อง
“เป็นอะไร”
“น่าจะโดนยามา” ผมพูดแค่นั้น พี่ภาคก็ตรวจดูอาการของเธอ ผมบอกอาการคร่าวๆ ทางโทรศัพท์ไปให้พี่เขาแล้ว
“เรียบร้อย ตอนนี้อาการอาจไม่สงบ แต่อีกเดี๋ยวคงดีขึ้น เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ว่าแต่แขนไปโดนอะไรมา” พี่ภาคเก็บอุปกรณ์ลงกล่องพยาบาลที่นำติดตัวมาด้วย เอ่ยถามขึ้น
“อุบัติเหตุ ขอบคุณ” ผมพูดสั้นๆ ก่อนเดินมาส่งพี่ภาคที่หน้าห้อง
“คนนี้จริงจัง..” ก่อนกลับพี่เขาหันมาถามผม พร้อมยิ้มมุมปาก แต่ผมปิดประตูห้องตัดหน้า จะว่าผมเสียมารยาทก็เถอะ นิสัยผมก็แบบนี้ ทุกคนรอบตัวก็ต่างรู้กัน ผมเดินเข้ามาในห้องครัวหยิบกะละมังใบเล็กออกมาใส่น้ำ พร้อมผ้าสีขาวผืนเล็กเดินเข้ามาในห้อง
ผมจัดการเช็ดตัวให้เธออย่างทุลักทุเล เพราะต้องใช้แขนข้างเดียว ร่างเล็กบนเตียงกว้างไม่ยอมอยู่นิ่ง เธอค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออก โดยมีผมที่ยืนจ้องมอง จะให้พูดยังไงดี ตอนนี้ผมปวดร้าวไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะอารมณ์ทางเพศกำลังพุ่งขึ้นสูงหรอก แต่มันเป็นอาการเจ็บปวดเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อช่วงเย็น
ผมยกกะละมังเล็กออกมาเก็บที่เดิม เมื่อเช็ดตัวให้เธอเสร็จ แล้วเดินเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ตอนนี้บนร่างกายของมะปรางมีเพียงชุดชั้นในสีขาว ผมยอมรับว่าเรือนร่างของเธอสวยมาก แต่ตอนนี้ผมง่วงนอนมากกว่าจะมาสนใจเรื่องอย่างว่า ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่เปล่าเปลือย ก่อนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายที่เมื่อยล้าพร้อมปวดขลบไปทั่วทั้งตัว
แม่ง!! มันเป็นวันที่เฮงซวยจริงๆ จะในความซวยก็ถือว่ามีสิ่งที่ดีบ้าง แล้วใบหน้าของมะปรางก็ลอยเข้ามาในความคิด นี่คงเป็นสิ่งดีๆ ที่เรียกว่า…….
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องนอน ทำให้ผมห่อไหล่เข้าหากันทันทีเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ มันเย็นมาก ตอนนี้คนบนเตียงกำลังนอนขดตัวเหมือนลูกแมวซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา อาการของเธอคงดีขึ้นแล้ว ผมจึงปรับอุณหภูมิแอร์ใหม่อีกครั้ง ก่อนเดินไปที่เตียงอีกฝั่งล้มตัวลงนอน
ผมเกลี่ยผมที่ระแก้มของเธอขึ้นมาทัดใบหู ไม่รู้ว่าตัวเองทำไมต้องมาทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้กับผู้หญิงที่พึ่งเจอกันไม่ถึงหนึ่งวัน เธอขยับตัวเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเราห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือกลั่น ตอนนี้ผมได้สูดดมความหอมจากแก้มของเธอไปแล้ว…