เปิดพินัยกรรม
ณ คฤหาสน์แห่งตระกูลฟู่
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ มีครอบครัวของสองตระกูลมารวมตัวกัน เพราะเป็นวันที่จะต้องเปิดพินัยกรรมอดีตประมุขของบ้านที่จากไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยในพินัยกรรมได้ระบุไว้ให้ครอบครัวตระกูลหลินมาร่วมฟังด้วย
“ได้เวลาเปิดพินัยกรรมแล้วนะครับ” ทนายหลานเอ่ย
“ค่ะ ตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว” ผิงอาน คุณนายใหญ่ของบ้านบอก
“คุณพ่อคะ ทำไมเราต้องมาฟังการเปิดพินัยกรรมของลุงฟู่ด้วยคะ” เยี่ยนฟางเอ่ยถาม
เธอไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าพ่อของเธอกับลุงฟู่จะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ลุงฟู่ก็เสียไปแล้ว และการเปิดพินัยกรรมควรจะเป็นเรื่องของคนในครอบครัวสิ ทำไมถึงได้ให้ทนายเชิญเธอกับพ่อของเธอมาร่วมฟังด้วย
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีลุงฟู่อาจต้องการให้ครอบครัวเรามาร่วมเป็นพยานด้วยก็ได้” หนิงจินตอบ
“ผมจะขออ่านพินัยกรรมเลยนะครับ”
ทนายหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านโดยแจ้งรายละเอียดทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟัง โดยพินัยกรรมได้ระบุไว้ว่า ทรัพย์สมบัติทุกอย่างจะขอมอบให้ฟู่ตงหยาง ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวทั้งหมด แต่ต้องมีเงื่อนไข
“เงื่อนไขอะไรครับ” ตงหยางถาม
“คุณตงหยางจะต้องผูกสัมพันธ์กับครอบครัวตระกูลหลิน โดยแต่งงานกับคุณหนูเยี่ยนฟาง”
“แต่งงาน!!” เยี่ยนฟางกับตงหยางอุทานอย่างตกใจ
“ใช่ครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ในเมื่อผมกับเยี่ยนฟางเราไม่ได้รักกัน”
“ใช่ค่ะ” เยี่ยนฟางตอบ
“พินัยกรรมนี้ได้ระบุไว้ชัดเจนนะครับ โดยคุณหลินก็รับรู้เรื่องเรื่องนี้ด้วย” ทนายบอก ก่อนจะหันไปมองทางหลินหนิงจิน
ทุกคนหันไปทางหลินหนิงจินพร้อม ๆ กัน เพราะอยากรู้คำตอบของเรื่องนี้เหมือนกัน
“คุณพ่อคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณพ่อรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
“ใช่ครับคุณลุง คุณลุงช่วยบอกผมให้เข้าใจได้มั้ยครับ” ตงหยางถาม
“จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ลุงก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พ่อของหลานเคยพูดเรื่องแต่งงานระหว่างสองครอบครัวของเราอยู่ครั้งหนึ่ง วันนั้นที่พ่อของหลานป่วย เขาได้ให้ทนายหลานโทรไปหาลุง ลุงจึงไปที่โรงพยาบาล จึงได้รู้ว่าพ่อของหลานป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว”
“แล้วทำไมพ่อถึงไม่บอกผมกับแม่ล่ะครับ” ตงหยางถาม
“คุณฟู่ไม่ต้องการให้พวกคุณเป็นห่วงครับ ท่านเลยเรียกให้ผมไปทำพินัยให้ในวันนั้น”
“ใช่ พ่อของหลานไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้แล้ว และเขาก็จะอยู่ต่อได้อีกไม่นาน พ่อของหลานเลยบอกกับลุงว่าอยากให้หลานกับลูกสาวของลุงได้แต่งงานเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ตอนนั้นลุงแค่คิดว่าพ่อของหลานแค่พูดไปงั้น ๆ และลุงก็คิดว่าเขาแค่พูดเล่นหรือเปล่า แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาอยู่ในพินัยกรรมด้วย”
“แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่ขัดคุณลุงไปล่ะคะ”
“ก็ตอนนั้นเราไม่ได้คุยเรื่องพินัยกรรมกัน”
“ใช่ครับ หลังจากที่คุณหลินกลับไปแล้ว ผมกับคุณฟู่ถึงได้คุยเรื่องพินัยกรรมกัน ดังนั้นเรื่องพินัยกรรมนี้ คุณหลินจึงไม่รู้เรื่องด้วยครับ”