1
บทนำ
กังศมา แต่งงานกับ เอกราช เจ้าของสวนส้มไปรยาเวศ ทั้งสองมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน คือ ‘ดาหลา’ พอหญิงสาวอายุได้สิบห้าปี เอกราชก็จากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้กังศมาต้องดูแล ประคับประคองสวนส้มของสามี และเลี้ยงดูบุตรสาวเพียงลำพัง
กระทั่ง ดาหลา อายุได้ 22 ปี ก็แต่งงานกับ ‘ลูคัส ซานเตียนโน่’ เศรษฐีชาวอังกฤษที่มาทำธุรกิจในไทย ทั้งสองมีพยานรักเป็นบุตรชายถึงสามคนคือ หิรัญ (ดีแลน) พี่ชายคนโต ที่มีอายุมากกว่าน้องชายฝาแฝดอย่างภาคิน (ไลอ้อน) กับ ภัคคินัย (ไทเกอร์) 3 ปี
สามหนุ่มทายาทซานเตียนโน่ เข้าเรียนและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ ประเทศอังกฤษ ขณะที่บิดาและมารดาเดินทางไปดูแลกิจการโรงแรม ในเครือของ ซานเตียนโน่ที่มีนับสิบแห่งในประเทศ
ช่วงปิดเทอมสามหนุ่มจะมาพักอยู่กับผู้เป็นยายที่สวนส้มเชียงใหม่ พอเรียนจบ ก็กลับมารับช่วงสานต่อกิจการของบิดา
หิรัญ (พี่ใหญ่) ฉายา เสี่ยใหญ่สายเปย์ ดูแลกิจการโรงแรมสาขาใหญ่ ที่ภาคกลางและไนต์คลับ
ภาคิน (แฝดพี่) ฉายา พ่อเลี้ยงมหาเสน่ห์ ดูแลกิจการโรงแรมทางภาคเหนือกับสวนส้มไปรยาเวศ
ภัคคินัย (แฝดน้อง) ฉายา นายหัวผู้เย็นชา ดูแลกิจการโรงแรมทางใต้และวิลล่าหรู
สินชัย สิรางภัคษร ชายหนุ่มมาดดีที่ย้ายรกรากมาจากเมืองกรุง แล้วพบรักกับ พรรณนารา สาวซึ่งกำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เด็ก ทั้งสองแต่งงานและมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน คือ วรันยา (ไวน์)
หลังจากที่บุตรสาวคลอดได้หนึ่งปี สินชัยก็ตัดสินใจใช้เงินที่ได้รับมรดกจากบิดามารดา มากว้านซื้อที่ดินทำเลสวยหนึ่งร้อยยี่สิบไร่และเริ่มสร้าง รีสอร์ตท่ามกลางขุนเขาที่ร่มรื่น มีน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่านตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับคนต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองมาซบอกธรรมชาติ
สามปีต่อมา...พรรณนารา รีสอร์ต เจริญรุ่งเรือง มีแขกเข้าจองห้องพักตลอดทั้งปีไม่ว่างเว้น สินชัยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีภรรยาแสนสวยคอยอยู่เคียงข้าง มีลูกน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ วิ่งเล่นไปมา และคอยออดอ้อน ทุกสิ่งทุกอย่างมันแลดูสมบูรณ์แบบราวกับความฝัน
กระทั่งวันหนึ่ง...เหมือนฟ้าฝ่าลงมากลางหัวให้หยุดเต้น เมื่อภรรยาสุดที่รักจากไปแบบกะทันหันด้วยอาการหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน ทำให้คนที่รักเมียยิ่งกว่าสิ่งใด ร่ำไห้และคลุ้มคลั่งจนแทบจะเสียสติ โชคดีที่ได้เพื่อนบ้านรั้วชิดติดขอบอย่างคุณหญิงกังศมา ที่เคยผ่านช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดเมื่อครั้งสามีจากไป คอยปลอบและให้กำลังใจ
สินชัยดื่มหนักทุกวันอยู่ร่วมสามเดือน ก็เริ่มตั้งสติได้ แล้วหันมาดำเนินชีวิตต่อไป เพราะยังมีลูกน้อยและคนงานในรีสอร์ตอีกนับร้อยชีวิตที่ต้องดูแล แม้จะไม่เต็มร้อยเหมือนอย่างที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามฝืนยิ้มสู้โชคชะตา ทำหน้าที่ของพ่อและแม่ให้กับวรันยาโดยไม่เคยมองหาผู้หญิงคนไหนมาแทนที่พรรณนารา
วรันยา สิรางภัคษร เด็กสาววัย 17 ปี สูง 158 ซม. หนัก 47 กิโลกรัม ใบหน้าจิ้มลิ้มเรียวงาม ดวงตาสีดำกลมโตรายล้อมไปด้วยขนตาที่ยาวงอน จมูกที่โด่งนิดๆ รับกับริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีส้มอมชมพูระเรื่อ กำลังยืนลุ้นผลการสอบที่หน้าจอมือถือ ทันทีที่เห็นชื่อของตัวเองติดหนึ่งใน Top 5 ก็กรีดร้องขึ้นอย่างดีใจรีบวิ่งเอาผลการเรียนไปอวดบิดาที่ห้องทำงาน
“คุณพ่อขา เกรดของน้องไวน์ออกแล้วค่ะ” วรันยารีบส่งมือถือให้กับบิดาดูมือไม้สั่น
“เก่งจริงๆ ลูกพ่อ” สินชัยน้ำตาคลอ ดึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเข้ามากอดแน่น อย่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโต วรันยาไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ ให้กับตนมาก่อน นอกจากขยันเรียนแล้ว ก็ยังมาช่วยทำงานใน รีสอร์ตอยู่เป็นประจำ
คนเป็นพ่อยกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้ง ก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมาต่อสายหาผู้ช่วยคนสนิท
[นา! เดี๋ยวเข้าเมืองไปซื้อของมาจัดเลี้ยงปาร์ตี้ให้น้องไวน์หน่อยนะ]
[ได้ค่ะพ่อเลี้ยง ผลสอบคุณไวน์ออกแล้วใช่ไหมคะ?] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อครู่ตอนที่เธอกำลังจะขับรถออกไปตรวจงาน
[ใช่! ได้ 3.98 ที่ 2 ของชั้น]
[ว้าว! นาดีใจด้วยนะคะ]
[อืม! ขอบใจมาก ช่วยเข้าเมืองไปซื้อของทะเลสดมาให้หน่อย อ้อ! ซื้อมาเยอะๆ นะ เผื่อคุณมาร์กับคนอื่นๆด้วย]
[ได้ค่ะพ่อเลี้ยง]
“กรี๊ดดดด ไวน์รักคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” วรันยากระโดดหอมแก้มของบิดาทั้งสองข้างอย่างดีใจเมื่อได้ยินคำว่าของทะเลสด
“น้องไวน์! พ่อคุยสายอยู่นะลูก” สินชัยเอ่ยปรามเบาๆ เพราะเสียงหอมแก้มที่ดังฟอดๆ น่าจะเข้าไปในสายสนทนาด้วย
“ขอโทษค่ะ งั้นไวน์ไปบอกคุณมาร์ก่อนนะคะ” วรันยาอยากจะเอา 3.98 ไปอวดผู้ใหญ่อีกท่านที่เธอรักและเคารพไม่ต่างไปจากบิดา
“จ้ะ อ๊ะ! ให้คนขับรถไปส่งไหมลูก” สินชัยพยักหน้ารับก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุตรสาวของตนนั้นไม่ใช่เด็กดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว แถมเวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่สวยหวานมีเสน่ห์ดึงดูดตาดึงดูดใจ ถอดแบบภรรยาของเขาตอนเป็นสาวมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกหวงมากจนต้องสั่งคนตามไปเฝ้าอยู่เสมอ
“ไม่ต้องค่ะ ใกล้ๆ แค่นี้เองเดี๋ยวไวน์ปั่นจักรยานไปค่ะคุณพ่อ” คนที่ปั่นจักรยานไปมาระหว่างสวนส้มกับรีสอร์ตเป็นประจำรีบบอก
“งั้นอย่าลืมชวนคุณมาร์มาทานมื้อเย็นที่บ้านเราด้วยนะ” สินชัยยกยิ้มมุมปากนิดๆ รู้ดีว่าบุตรสาวจะต้องไปอ้อนขอรางวัลจากกังศมาเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง
“รับทราบค่ะ ไปก่อนนะคะ” วรันยาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังจักรยาน คันโปรดสีชมพูหวานมุ้งมิ้ง แล้วปั่นตรงไปตามทางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น พลางนึกไปถึงคำพูดหนึ่งของกังศมาที่บอกเธอเมื่อสามเดือนก่อน...‘ถ้าเทอมนี้น้องไวน์สอบได้ที่ 1-3 ของชั้น ยายจะพาไปเที่ยวอังกฤษ’
คนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวทางฝั่งยุโรปมาก่อน ปั่นจักยานไปยิ้มไป คิดถึงสถานที่อันงดงามทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษอย่าง York Minster (มหาวิหารยอร์ก), Big Ben (หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์), Tower of London (หอคอยแห่งลอนดอน) และสถานที่อื่นๆ ที่ทยอยผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เสียงปั่นจักรยานกับเสียงฮัมเพลงเบาๆ ของเด็กสาวที่สวยดุจดอกไม้งามกลางขุนเขา เรียกสายตาของเหล่าคนงานชาย-หญิง ที่กำลังเก็บส้ม ให้หันไปมองตามๆ กันอย่างสนใจ พอเห็นว่าเป็นบุตรสาวสุดรักสุดหวงของพ่อเลี้ยงสินชัยก็พากันชะเง้อมองตามเป็นแถว
วรันยาจอดจักรยานเอาไว้ใกล้ๆ กับต้นหูกระจง ก่อนจะจ้องมองรถสปอร์ตสุดหรูสีดำเงากับสีแดงสดป้ายแดงเปิดประทุนด้วยหัวใจสั่นๆ ซึ่งเธอเดาว่าคงจะเป็นของกำนัลที่ลุงลูคัสมอบให้กับลูกชายฝาแฝด ภาคิน กับ ภัคคินัย ที่เพิ่งจะเรียนจบปริญญาโท แถมยังคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ทั้งสองคน
“น้องไวน์! มาพอดีเลยลูก ยายกำลังจะเอาช็อกโกแลตไปให้” กังศมาในวัย 65 ปี เจ้าของสวนส้มไปรยาเวศ ส่งยิ้มหวานไปให้เด็กสาวที่รักและเอ็นดูประหนึ่งลูกหลานแท้ๆ
“ว้าว! ไวน์รักคุณมาร์ที่สุดเลยค่ะ” วรันยายิ้มอย่างดีใจเตรียมจะเดินเข้าไปหา แต่ร่างสูงที่เดินตามออกมาก็ทำให้เธอรีบหยุดชะงักฝีเท้าแทบไม่ทัน
“เอ่อ...เอาไว้ไวน์ค่อยมาใหม่นะคะคุณมาร์ สวัสดีค่ะ” สาวเจ้ายกมือไหว้ แล้วหันหลังกลับทันทีอย่างไม่สบอารมณ์
“อะไรกันน้องไวน์? พอเห็นหน้าพี่ก็จะกลับแล้วงั้นเหรอ” ภาคินวัย 25 ปี ที่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย สูง 183 ซม. ฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นใบหน้างามที่ไม่ได้เจอมาเกือบปี ดูบูดบึ้งขึ้นมานิดๆ
“ใช่ค่ะ!” วรันยาตอบโดยไม่หันไปมอง ถึงแม้ว่าภาคินกับภัคคินัยจะหน้าตาเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่เธอก็จำได้! เพราะภาคินมีรอยสักที่แขน และมี ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆ ที่ต้นคอ แต่ภัคคินัยไม่มี