บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ศักดิ์ศรี

อัญมณีกลับเข้ามาในบ้านด้วยอาการเหนื่อยล้า หลังจากที่ตระเวนส่งขนมทั้งวัน แต่หลายร้านเริ่มปฏิเสธการรับขนมที่ตนทำไปฝากขาย บ้างก็บอกว่าขายได้น้อยและตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีจึงไม่มีเงินมาหมุนจ่ายค่าขนมของตน จิตใจคนเป็นแม่เริ่มกังวล ส่งผลให้โรคประจำตัวกำเริบขึ้น

“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

นลินดาถามพร้อมกับรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างผู้ให้กำเนิดที่เดินเซด้วยความเป็นห่วง

“แม่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะลูก เดี๋ยวก็หาย”

“ทำไมคุณแม่ไม่ให้นาไปส่งขนมให้ล่ะคะ คราวหน้านาจะไปแทนคุณแม่เองค่ะ”

หญิงสูงวัยนิ่งไปกับคำพูดของบุตรสาว ก่อนจะตัดสินใจบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นให้เธอรับรู้

“คงไม่ต้องแล้วล่ะลูก ไม่มีร้านไหนรับขนมของเราอีกแล้ว” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเสียใจ

“ไม่เป็นไรนะคะคุณแม่” นลินดาปลอบประโลมมารดา

“แล้วต่อไปนี้เราจะทำยังไงกันดี” อัญมณีร้องไห้ออกมาด้วยอาการกลัดกลุ้ม ไม่อาจทนฝืนให้ตัวเองเข้มแข็งอีกต่อไป ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับครอบครัวของตนเหลือเกิน

“ต่อให้ต้องลำบากกว่านี้ นาก็ทนได้ค่ะ” หญิงสาวพยายามส่งยิ้มให้มารดา ถึงเวลาที่เธอต้องเป็นฝ่ายดูแลท่านบ้าง

“อีกอย่าง...ตอนนี้มีคนเรียกนาไปสัมภาษณ์งานแล้วนะคะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”

นลินดาโกหกเพื่อให้ท่านรู้สึกสบายใจขึ้น

“งานอะไร...ที่ไหนลูก?”

สีหน้าของคนเป็นแม่ทั้งเป็นห่วงและกังวล

“ก็....พนักงานขายของทั่วไปค่ะ ไว้นาจะเล่าให้คุณแม่ฟังอีกทีนะคะ เดี๋ยวนาออกไปซื้อยามาให้คุณแม่ก่อนดีกว่า”

เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง ด้วยเกรงว่ามารดาจะซักไซ้อะไรมากกว่านี้ จึงถือโอกาสไปซื้อของใช้มาติดไว้ยามจำเป็น โดยเลือกไปยังมินิมาร์ทที่อยู่บริเวณหน้าปากซอยพร้อมกับโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนสนิทที่มหาวิทยาลัย

“ว่าไงนา” คณิตราทักทายมาตามสายด้วยน้ำเสียงยินดี นับตั้งแต่ที่นลินดาลาออกจากมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้เจอกัน “เป็นไงบ้าง?”

“สบายดี เค้กล่ะ?”

“สบายดีเหมือนกัน ดีใจจัง คิดว่าจะไม่โทรหากันแล้ว”

“พอดีนาออกมาซื้อยาให้คุณแม่น่ะเค้ก เลยตั้งใจจะโทรมาปรึกษา” หญิงสาวเอ่ยบอกจุดประสงค์

“แม่นาเป็นอะไร” คณิตราถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณแม่ปวดหัวนิดหน่อยจ้ะ คงจะเครียด”

“งั้นเค้กฝากเยี่ยมคุณแม่ด้วยนะ ว่าแต่เรื่องงานล่ะ นาได้งานทำหรือยัง?”

“ยังเลยเค้ก คงไม่มีที่ไหนรับคนที่ยังเรียนไม่จบหรอก นาอาจจะลองหาอย่างอื่นทำก่อน ไม่ก็งานในห้างนี่แหละ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยจิตใจที่หม่นหมอง วุฒิการศึกษาในตอนนี้คงไม่เหมาะนักที่จะหางานตามบริษัททั่วไป

“เค้กมีงานนึง แต่ว่า” พูดได้เท่านั้นคณิตราก็นิ่งไป

“งานอะไรเค้ก”

“ช่างเถอะ มันไม่เหมาะกับนา อย่าทำดีกว่า”

“ยังไม่ทันบอกเลย รู้ได้ยังไงว่าไม่เหมาะ งานยากมากเหรอเค้ก”

“ก็ไม่ยากหรอก แต่เค้กไม่อยากให้นาไปทำ แม้ว่าเงินจะดีแค่ไหน”

“เค้กบอกมาก่อนสิ นาจะตัดสินใจเองว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ นาจำเป็นต้องมีงานทำจริงๆ” แววตาของนลินดาเปล่งประกายไปด้วยความหวัง รอฟังรายละเอียดงานจากเพื่อนสนิท

“พอดีเค้กรู้จักกับพี่ที่เป็นเจ้าของผับน่ะ แล้วตอนนี้พี่เขาก็กำลังรับสมัครเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่” หลังปลายสายพูดจบนลิดาก็เงียบเสียงลงไปทันที

“นี่แหละ เค้กถึงบอกว่าไม่เหมาะ”

“คือ...นาไม่ได้คิดว่าจะไม่ทำนะเค้ก แต่ว่างานต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวด้วยหรือเปล่า”

นลินดามีสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่อยากได้ชื่อว่าขายเรือนร่าง ถึงแม้ว่างานนั้นจะได้เงินดีแค่ไหนก็ตาม

“จริงๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่นั่งคุยนิดๆ หน่อยๆ อันไหนที่เราไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องทำ” คณิตราพยายามพูดให้เพื่อนคลายกังวลในสิ่งที่กำลังกลัว

“เอ่อ…”

“เอาเถอะ ถ้านาไม่ชอบก็อย่าฝืนเลย”

“ตกลงเค้ก นาจะทำ” เธอตอบตกลงในสิ่งที่เพื่อนบอกแบบไม่ติดใจอะไรอีก อย่างน้อยทำไปพอให้เก็บเงินได้สักก้อน ค่อยลาออกไปทำอย่างอื่น

“งั้นพรุ่งนี้เค้กจะพาไปรู้จักพี่เจ้าของร้านเลยแล้วกัน” หญิงสาวกล่าว มีเธอไปด้วยอย่างน้อยก็เชื่อว่าเพื่อนจะอุ่นใจและให้ความไว้ใจ

“ได้จ้ะ...นามีเรื่องจะขอร้องเค้กอีกอย่าง เค้กอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องนี้นะ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เค้กไม่บอกหรอก”

“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเค้ก ป่านนี้คุณแม่คงรอแล้ว ไว้นาจะโทรหาใหม่” เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลามาพอสมควร เธอจึงรีบบอกลา มัวแต่คุยกับเพื่อนเพลินจนเกือบลืมเรื่องที่ตั้งใจทำ เกือบจะเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้เสียแล้ว

“โอเค เค้กจะรอนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel