บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 (ต่อ)

สิ้นเสียง หยางเหวินก็หลุดออกจากอาการตื่นตะลึงจากภาพตรงหน้า เขารวบรวมแรงกำลังที่เหลืออยู่ก้าวไปขึ้นคร่อมม้าลากรถอีกตัวที่เหลืออยู่ สายตามองไปยังหญิงสาวใบหน้าเเดงขึ้นผื่นที่ตอนนี้เลอะเลือดเปรอะเปื้อนแต่ไม่ทำให้รู้สึกน่าเกลียดแต่อย่างใด แต่เขากลับมองว่านางเหมือนนักฆ่าสาวเปี่ยมเสน่ห์เสียมากกว่า

พอซูเมิ่งเห็นหยางเหวินขึ้นม้าเรียบร้อยแล้วนางหันกลับมา สายตาคมกริบจ้องมองเหล่าคู่ต่อสู้ตรงหน้า ริมฝีปากบางหยักยิ้มมุมปาก

พลัน! บรรยากาศโดยรอบเย็นเยือก เหล่าโจรโพกหน้าที่รวมกำลังพร้อมโจมตีหญิงสาวคนเดียวรู้สึกขนลุกซู่

…ตอนเเรกพวกเขาว่าล้อมนางไว้ตรงกลางเตรียมเผด็จศึกอยู่แล้วเชียว ไยตอนนี้นางหลุดจากวงล้อมทำให้พวกเขากองกระจุกหันหน้าเข้าหานางได้? ละยังรอยยิ้มราวกับปิศาจที่ดูจะไม่เข้ากับสถานการณ์ใกล้ไปประตูนรกนั่นอีกล่ะ

พรึบ!

ซูเมิ่งปลดเสื้อตัวนอกตัวเองออกจนเหลือเเค่เสื้อสีขาวบางตัวในทำเอาเหล่าคู่ต่อสู้รวมทั้งชายบนหลังม้ากระตุกหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่นางจะสะบัดเสื้อตัวนอกตัวยาวนั้นไปทางเหล่ากลุ่มโจรอย่างเเรง ทำเอาเสื้อเเผ่กระจายดังสายน้ำสาดกระเซ็น และกว่าพวกเขาจะรู้ตัวหลายคนในกลุ่มโจรก็ลงไปนอนกองบนพื้นเสียแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ผงยาสลบในเสื้อคลุมแผ่ไปไม่ถึง ทว่าตอนนี้ซูเมิ่งก็นั่งอยู่บนหลังม้าซ้อนหลังหยางเหวินเรียบร้อยแล้ว นางตวัดแส้ตีม้าให้พุ่งไปทางทิศที่ชิงซาจากไปทันที

กลุ่มโจรเหลือสองคนที่มีสติครบถ้วน อีกคนนึงสติเลือนลางพยายามคุมสติไม่ให้ตนหลับไหลอย่างสหายโจร คนที่น่าเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรโพกหน้าตะโกนบอกคนที่เหลือให้วิ่งไปขึ้นม้าที่พวกตนทิ้งหลบไว้ไกลออกไป ทำให้ม้าของนางวิ่งทิ้งห่างมาระยะหนึ่ง

“คุณชายมียาสลบเหลืออีกหรือไม่!?”

ซูเมิ่งเอ่ยทั้ง ๆที่มือนางกอดเอวหยางเหวินอยู่ จนเจ้าของเอวใบหน้าขึ้นสีเเดงระเรื่อ ความนุ่มนิ่มที่แตะสัมผัสด้านหลังเขาอีกล่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดหญิงสาวขนาดนี้แถมเขายังรู้สึกชอบเสียด้วยซ้ำ

“คุณชาย! ได้ยินข้าหรือไม่”

ซูเมิ่งพูดให้ดังขึ้นเพราะเห็นชายที่นางนั่งโอบยังคงนิ่งไม่ตอบนาง

“อ้อ เอ่อ ไม่มีแล้ว”

หยางเหวินพูดทั้ง ๆที่หน้ายังไม่หายเเดง

“เอาอย่างไรดี ข้าว่าพวกมันต้องตามมาทันก่อนเราไปถึงตัวเมืองแน่” ซูเมิ่งเอ่ยเสียงร้อนรน

อดีตตอนนางทำงานเป็นสายลับเป็นคนรอบครอบมาก ทุกวันไม่ว่าจะมีภารกิจหรือไม่ นางต้องพกยาพิษหรือไม่ก็อาวุธลับพร้อมใช้ยามฉุกเฉิน แต่พอมาอยู่ในร่างนี้และด้วยฐานะบ่าวของนางตอนนี้ทำให้ยากที่จะหาทรัพยากรทั้งอาวุธและพิษ พอมาเจอเหตุที่ต้องใช้สภาพเลยกลายเป็นอย่างที่เห็น

คราหน้านางคงต้องหาโอกาสศึกษาเรื่องพิษของยุคนี้ไว้บ้าง ดูท่าแล้วคงไม่ต่างกันมาก น่าจะพอเอาความรู้เรื่องพิษในชาติที่แล้วมาใช้ได้บ้าง

…แต่ตอนนี้นางไม่มีอะไรเลย ทำอย่างไรดี!? แล้วตอนนี้โจรโพกผ้าสองคนข้างหลังไล่ตามมาใกล้ถึงม้าของพวกนางแล้วด้วย เนื่องจากม้านางต้องแบกน้ำหนักของสองคนทำให้วิ่งได้ช้ากว่ามาก

ใช่สิ! นางมีเกสรดอกจวี๋ฮวา[5]บดที่นางพกติดตัวไว้เติมอาการพ้ยามที่ผื่นเเดงเริ่มเลือนนี่นา ซึ่งดอกไม้นี้ส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหากได้รับเข้าไปจะเกิดอาการพ้ หากม้าได้รับไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

งั้นต้องลองสักหน่อย เผื่อโชคช่วย

คิดได้ดังนั้นซูเมิ่งก็ปล่อยมือที่โอบหยางเหวินออกเพิ่มแรงหนีบตัวม้ายึดเเน่น นางเอี้ยวตัวใช้กริชตัดเเขนเสื้อตัวบางออกข้างหนึ่ง ล้วงหยิบห่อดอกจวี๋ฮวาบดทั้งหมดออกมา อาศัยร่างใหญ่ของหยางเหวินบังลมจัดเตรียมระเบิดดอกไม้จำลอง

“ผ่อนม้าให้วิ่งช้าหน่อยเจ้าค่ะ”

ซูเมิ่งชะโงกหน้าให้ใกล้ข้างหูชายเบื้องหน้ามากที่สุดเพราะกลัวเเรงลมทำให้เสียงนางไม่เข้าหูเขา จนบางทีริมปากบางแตะสัมผัสลำคอเขาบ้าง แต่นางหาได้รู้ไม่ว่าการสัมผัสเหล่านี้ทำเอาชายหนุ่มข้างหน้าขนลุกลำตัวเกร็งเเข็งใบหน้ายิ่งขึ้นสีมากขึ้น

“ทะ ทำไมรึ”

“ข้าจะจัดการพวกมันเจ้าค่ะ เร็ว! ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”

อาการบาดเจ็บของตนยังไม่ทำให้สติพร่าเบลอได้เท่าสัมผัสจากนาง แต่มือเขาก็ลดแรงดึงบังเหียนลง ไป๋ซูเมิ่งรอจนโจรทั้งสองควบม้ามาใกล้นางจึงขว้างผ้าสองก้อนใส่จมูกม้าทั้งสองตัวก่อนฟาดมือตีม้าของตนให้เร่งฝีเท้าไปทันที

นางเหลียวตามองเห็นม้าของโจรทั้งสองวิ่งวุ่นไม่ตามมาแล้วจึงหันกลับมาเกาะเอวชายหนุ่มร่างหนาต่อ

“ฮะฮ่า พวกมันน่าจะตามไม่ทันแล้ว คุณชายวางใจได้”

สองคนกับหนึ่งม้าเร่งเดินทางตามเส้นทางเพื่อกลับเข้าเมือง จวบจนเบื้องหน้าปลายสายตาพวกเขาก็มองเห็นขบวนคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

“คุณชาย! ปลอดภัยใช่ไหมขอรับ”

ชิงซาควบม้านำคนมาทางม้าของทั้งสองคน เหงื่อไหลเต็มกาย ใบหน้าแดงกล่ำ และคิ้วขมวดมุ่นทำเอาเขาดูน่าสงสารยิ่งนัก

“ข้าไม่เป็นอันใด มีแค่บาดเจ็บเล็กน้อย”

หยางเหวินเอ่ยเสียงแหบ เขารีบให้ซูเมิ่งที่นั่งโอบเขาอยู่ลงจากม้าจากนั้นชายหนุ่มค่อยกระโดดลงตามมา เพราะกลัวคนอื่นมาเห็นท่าทางอันแสนล่อเเหลมนี้และทำให้หญิงสาวเสียหาย

…ไย เขาต้องเป็นห่วงชื่อเสียงของเเค่บ่าวใช้ด้วยนะ มันเป็นคำถามที่เขาไม่อยากรู้คำตอบเลย

“คุณชายถูกยาทำให้กล้ามเนื้อไร้กำลังน่ะ แล้วก็มีเเผลถูกลูกธนูเฉี่ยว”

ซูเมิ่งพูดเสริม นางรู้ว่าร่างกายหยางเหวินอาจเริ่มต้านทานยาพิษไม่ไหว แม้กินยาถอนแล้วแต่เขาเสียเลือดเยอะมากพอดู

ตอนที่ซูเมิ่งพูดจบกลุ่มคนบนหลังม้าราวสี่คนก็มาถึงพอดี ซูเมิ่งก้มปัดดินที่ติดตามตัวออกท่าทางผ่อนคลายราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด

ซิงซาหันไปมองซูเมิ่งตอนพูดก็พลันตกใจมือชี้ไปที่นาง

“ไยเจ้ากลายเป็นสภาพนี้เล่า!”

ไม่เพียงเท่านั้นพอทุกคนหันไปมองคนข้างหยางเหวินก็ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเกือบทุกคน ยกเว้นชายสวมหน้ากากดำขอบทองที่ไม่เห็นผิวหน้า เพราะสภาพซูเมิ่งตอนนี้คือนอกจากเหลือเพียงเสื้อตัวในเนื้อบางเบาแล้ว แขนเสื้อข้างหนึ่งก็ถูกตัดออกตอนทำระเบิดดอกไม้จำลองจึงเปิดผิวขาวเนียนดุจหยก

หยางเหวินที่ยืนข้าง ๆเพิ่งนึกขึ้นได้จึงเขยิบเอาร่างตนเองบังหญิงสาวไว้

“ฮะเเฮ่ม นางช่วยข้าให้รอดจากพวกโจรมาได้น่ะ เลยมีสภาพนี้”

พอหญิงสาวถูกบดบัง ทุกคนก็ต่างแสร้งเบือนหน้าไปทางอื่น บางก็ยกมือเกาคอแก้เก้อ

“ชิงซาถอดเสื้อตัวนอกเจ้ามา”

บ่าวคู่ใจรู้เหตุผลจึงกุรีกุจอรีบถอดเสื้อตนออกมาก่อนยื่นให้เจ้านาย จากนั้นหยางเหวินค่อยส่งให้คนตัวเล็กขด้านหลังตนซึ่งนางรับมาใส่อย่างว่าง่าย

“ขอบคุณคุณชายช่างอิ่นมากที่สละเวลาตามบ่าวของข้ามาช่วย”

หยางเหวินเงยหน้าขึ้นสบตาภายใต้หน้ากากดำนั้น

“ไยต้องขอบคุณด้วย ข้ายังไม่ได้ช่วยอันใดคุณชายเลย แล้วอีกอย่างข้าขี่ม้าเจอบ่าวของท่านโดยบังเอิญ เมื่อเห็นเป็นบ่าวคุณชายเย่ ข้าจึงตกปากรับคำช่วยทันที เรามันคนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอก”

พูดจบเขาก็ลงจากม้าเดินมาหาหยางเหวิน สายตาแอบชำเลืองมองเบื้องหลังเล็กน้อยแววตาแฝงความสงสัยเพียงวาบเดียวก่อนกลับมาปรกติ

“อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่าน งั้นพวกข้าต้องขอตัวก่อน ข้าต้องรีบไปทำแผล”

หยางเหวินพูดจบก็เดินนำบ่าวทั้งสองของตนไปขึ้นม้า แต่พอคิดว่าขากลับคงไม่สะดวกหากเขาต้องใช้ม้าตัวเดียวกับซูเมิ่งจึงหันกลับไปเอ่ยขอม้าสักตัวจากช่างอิ่นซึ่งเขาก็ให้มา

“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่?”

ซูเมิ่งส่ายหน้ารัว “แค่คุณชายบอกวิธีคร่าว ๆข้าคิดว่าน่าจะทำได้ พอดีข้าเป็นคนเรียนรู้เร็วน่ะ”

หยางเหวินจึงให้ชิงชาสอนนาง ส่วนตนขึ้นม้าตัวเดิม มองเเผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวแฝงแววตาครุ่นคิด ไม่ถึงครึ่งเค่อพวกเขาทั้งสามก็ควบม้ามุ่งหน้ากลับจวน

ฝุ่นฟุ้งกระจายไม่ทำให้ร่างหนาภายใต้หน้ากากละสายตาจากสามร่างที่จากไป จู่ ๆเสียงทุ้มก็ดังขึ้น

“พวกไหน?”

“เป็นกลุ่มท่านเจ้าเมืองขอรับ คนของเราที่แอบติดตามคุณชายเหวินออกจากเมืองบอกว่า มากันแปดคน มือธนูหนึ่งขอรับ”

“งั้นนอกจากสองคนที่ขี่ม้าตามมาแล้วที่เหลือหายไปไหน”

“นอกนั้นถูกยาสลบขอรับ เป็นฝีมือของบ่าวสตรีผู้นั้นทั้งหมด ส่วนม้าสองตัวนั้นน่าจะถูกยาบางอย่างทำให้คลุ้มคลั่งขอรับ คนของเราที่ติดตามไปบอกว่าบ่าวคนนั้นมีฝีมือพอตัว ช่วยคุณชายเย่จนหนีรอดออกมาได้ ส่วนคนของท่านเจ้าเมืองตอนนี้หนีกลับไปพร้อมลบหลักฐานและสร้างเรื่องว่าเป็นโจรปล้นทรัพย์ทั่วไปเรียบร้อยเเล้ว นายท่านจะให้เอาอย่างไรต่อดีขอรับ"

พูดจบก็ก้มหน้านิ่งรอฟังคำสั่ง ใจเต้นแรงเพราะรับรู้ถึงแรงกดดันของคนตรงหน้า

…นายท่านของเราโกรธเสียแล้ว

“อืม คงทำอะไรต่อไม่ได้แล้วผิดเเผนถึงเพียงนี้ ไปสืบประวัติบ่าวคนนั้นมา”

พูดจบเขาก็ขึ้นม้าดังเดิมตวัดแส้ฟาดม้าให้ออกวิ่งทันที

หากไม่มีบ่าวผู้นั้นช่วยหยางเหวินให้รอดชีวิตจากเงื้อมมือของท่านเจ้าเมือง จะต้องเป็นคนของเขาที่ช่วยแทนซึ่งเป็นเเผนสร้างบุญคุณเพื่อผลดีต่อการค้า แต่กลับถูกบ่าวไร้ความเป็นมาคนหนึ่งตัดกลางเเผน สร้างความโกรธแค้นจุกอกเขาอย่างจัง

หลังจากจบงานประมูลเขาก็รู้แล้วว่าท่านเจ้าเมืองต้องไม่พอใจที่ตนไม่ได้ยาเสริมกำลังภายในเป็นแน่จึงสั่งให้ลูกน้องติดตามความเคลื่อนไหวเขาไว้ เป็นใครก็ต้องรู้ว่าที่ตัวยาจริง ๆไม่ได้มีเพียงเท่านั้น แต่เป็นทางหอโอสถที่ไม่ได้นำออกมาขายต่างหาก

และก็เป็นจริงดังคาด ด้วยนิสัยวางอำนาจ ไม่ยอมคนของท่านเจ้าเมือง เขาให้คนปลอมเป็นโจรมาดักปล้นหรืออาจมาจับหยางเหวินเพื่อนำเป็นข้อแลกเปลี่ยนแลกยา ดังนั้นช่างอิ่นจึงวางแผนซ้อนเเผนแสร้งเป็นผ่านมาแถวนี้เพื่อหวังช่วยหยางเหวินเเต่ก็ไม่เป็นดังคาดเสียแล้ว

…ต่อไปเขาคงต้องหาวิธีอื่นเพื่อทำให้หยางเหวินยอมทำสัญญาการค้ากับเขาเสียแล้วล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel