ตอนที่ 2
อัคราทวนคำตอบของหญิงสูงวัยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ชื่อคนใช่ไหมครับย่าเพ็ญ”
หญิงสูงวัยระบายยิ้มบางๆ จนเห็นฟันปลอมแทบทุกซีกในปาก
“ใช่น่ะสิพ่ออัค ชื่อของพยาบาลส่วนตัวของพ่อเรานั่นแหละ”
“หึ พยาบาลส่วนตัวหรือว่า...”
“ไม่เอานะพ่ออัค ไหนๆ พ่อเราเขาก็จากไปแล้ว ย่าอยากให้อัคอโหสิให้กับเขา จะได้ไม่เป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันต่อไปน่ะ” ย่าเพ็ญรู้ดีว่าอัคราจะพูดอะไร จึงรีบแย้งเอาไว้
สีหน้าของอัคราเคร่งเครียดขึ้น เขาขบฟันแน่น จนสันกรามนูนเป่ง
“ผมอโหสิให้เขานานแล้วครับ”
“ดีมากพ่ออัค ยังไงซะเขาก็เป็นพ่อของเรา ถึงเขาจะไม่ได้เลี้ยงดูเราเลยก็ตาม”
ชายหนุ่มขบกรามแน่น พยายามข่มโทสะ และก็เป็นจังหวะเดียวกันที่มีผู้หญิงในชุดสีดำสนิท หน้าตาจืดชืด ซึ่งก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่จุดธูปส่งให้เขาที่หน้าโลงศพของบิดาเดินเข้ามาหยุดข้างๆ ร่างของย่าเพ็ญ
“อ้าว คะน้า มาตามย่ากลับบ้านใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณย่า”
อัคราจ้องดวงหน้าขาวซีดที่อมทุกข์ของผู้หญิงที่ใช้ชื่อผักที่เขาเกลียดที่สุดมาเป็นชื่อเล่นด้วยความดูแคลนเป็นที่สุด
ที่หน้าเศร้าแบบนี้ก็คงเพราะรู้ตัวว่ากำลังจะตกงานสินะ งาน... ที่ต้องทำบนเตียง
ชายหนุ่มกวาดตามองร่างบอบบางที่คล้ายกับจะปลิวไปกับสายลมอย่างขยะแขยง
“ย่ากำลังจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ อ้อ... มาทำความรู้จักกับพ่ออัคเร็วเข้า”
ย่าเพ็ญนึกได้จึงรีบคว้าแขนเรียวเล็กของคีตยาดึงให้มาหยุดใกล้ยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็คือตรงหน้าของอัคราพอดิบพอดี
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองผู้ชายตัวสูงใหญ่ หล่อนสะดุดตากับเขาตั้งแต่ในศาลาวัดแล้ว แต่พอรู้ว่าเขาคือลูกชายของนายจ้างผู้ล่วงลับของตัวเอง จึงจำต้องหยุดความสนใจเอาไว้แค่นั้น เพราะเขาเกินเอื้อมสำหรับหล่อน
“นี่พ่ออัครา ลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อกรณ์”
คีตยารีบยกมือขึ้นไหว้เขา และเปล่งคำพูดแผ่วเบาออกไปอย่างประหม่า
“สะ... หวัดดีค่ะคุณอัครา”
หล่อนแค่หวังว่าเขาจะระบายยิ้มให้ แค่ยิ้มตามมารยาทก็พอ แต่สิ่งที่หวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มันต่างกันเหลือเกิน
เขาไม่ได้ยิ้มให้กับหล่อน แถมยังมองหน้าด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลนอีกต่างหาก เขาทำให้หล่อนรู้สึกคล้ายกับตัวเองเป็นเศษขยะที่กำลังจะถูกฝ่าเท้าใหญ่ของเขาเหยียบขยี้
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ หน้าที่เมียเก็บ... อ้อ ไม่ใช่สิ หน้าที่ผู้ดูแลคุณพ่อของฉันเธอหมดลงแล้ว เธอคงจะต้องย้ายข้าวย้ายของออกไปในเร็วๆ นี้ใช่ไหม”
หล่อนหน้าชาดิก กลีบปากอิ่มสั่นระริก และคาดไม่ถึงเลยว่าคำพูดจาดูแคลนแบบนี้จะเล็ดลอดออกมาจากผู้ชายหน้าตาราวกับเทพบุตรได้
“เอ่อ... ฉันไม่ใช่...”
“ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอกน่า รู้ๆ กันอยู่ แต่ว่าเธอมีที่ไปแล้วใช่ไหม”
เขายังคงเชือดเฉือนหล่อนด้วยวาจาดูแคลนเช่นเดิม
หล่อนต้องใช้ความเข้มแข็งมากมาย เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“อย่าไปว่าหนูคะน้าแบบนี้สิพ่ออัค มันไม่มีอะไรอย่างที่คิดหรอก”
ย่าเพ็ญอยู่เฉยไม่ได้ เพราะเห็นสีหน้าของคีตยากำลังย่ำแย่
“ผมพูดความจริงครับ”
“สิ่งที่พ่ออัคคิดน่ะ มันไม่มีอะไรตรงกับความเป็นจริงแม้แต่นิดเดียว ย่ายืนยันได้”
แม้ย่าเพ็ญจะกางปีกปกป้องคีตยาขนาดนั้น แต่อัคราก็ยังไม่ยอมมองหญิงสาวในแง่ดีแม้แต่น้อย
“เอาจริงๆ นะครับ ผมไม่สนใจหรอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่กับคุณพ่อในฐานะอะไร เพราะหน้าที่ของผมคือมาเคารพศพเท่านั้น และก็จะกลับ...”
“พ่ออัคต้องอยู่จนกว่าพินัยกรรมจะเปิดนะลูก ไม่อย่างนั้นพ่อของลูกจะนอนตายตาไม่หลับ”
“ผมไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรของสัตตบุษย์หรอกครับ ไม่อยากได้แม้แต่ชิ้นเดียว” เขาย้ำชัดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ย่ารู้ แต่ถือว่าย่าขอร้องนะพ่ออัค อยู่เมืองไทยจนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรมนะลูก”
อัคราอยากจะปฏิเสธออกไป แต่คำสั่งเสียของมารดาทำให้เขาต้องตอบรับ
“ก็ได้ครับ ถ้ามันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณพ่อนอนตายตาหลับ”
“ขอบใจมากนะพ่ออัค”
ย่าเพ็ญพูดออกมาน้ำตาซึมด้วยความปลื้มปิติดีใจที่อัคราไม่ขัดข้องที่จะอยู่ถึงวันเปิดพินัยกรรม
“ผมทำตามหน้าที่ครับ หน้าที่ลูกที่ดี แม้ว่าคุณพ่อจะไม่เคยต้องการให้ผมเกิดมาก็ตาม”
กรามแกร่งของอัคราขบกันแน่น
“ผมขอตัวก่อนนะครับย่าเพ็ญ”
“เดี๋ยวก่อนสิพ่ออัค”
“ย่าเพ็ญยังมีอะไรกับผมอีกหรือครับ”
ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับมาถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง ถือเนื้อถือตัว
“ไปค้างที่บ้านของเราเถอะ”
“ไม่ครับ”
“ถือว่าย่าขอร้องนะพ่ออัค”
ย่าเพ็ญเดินเข้าไปหยุดข้างๆ ตัวของอัคราอีกครั้ง และวางมือเหี่ยวย่นลงบนต้นแขนกำยำของหลานชาย ก่อนจะวิงวอนออกมาอีก
“เห็นแก่ยายแก่อย่างย่าสักครั้งนะพ่ออัค”
อัคราอยากจะใจแข็ง แต่สายตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาของย่าเพ็ญก็ทำให้เขาอดใจอ่อนไม่ได้ เขาถอนใจออกมาแรงๆ
“ก็ได้ครับ”
ย่าเพ็ญฉีกยิ้มอย่างดีใจ
“ขอบใจมากนะพ่ออัค”
“ผมทำเพราะมนุษยธรรมครับ”
เขาตอบห้วนๆ
“ผมจะขับรถตามหลังไปก็แล้วกันนะครับ”
เขาจำทางไปบ้านสัตตบุษย์ไม่ได้ เพราะครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเดินทางไปที่นั่นก็คือเมื่อตอนที่เขาอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ ซึ่งมันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว
“เดี๋ยวย่าให้หนูคะน้านั่งบอกทางให้พ่ออัคดีกว่า”
“เอ่อ...”
คีตยาหน้าตาซีดเผือดมากยิ่งขึ้น หล่อนกลัวที่จะอยู่ใกล้ผู้ชายปากร้ายอย่างอัคราเป็นที่สุด กลัวว่าเขาจะหักคอหล่อนจิ้มน้ำพริก