ตอนที่ 4 : หน้าที่
ประเทศมาเลเซีย
"ยังไม่เจออีกเหรอ"
"ยังครับท่าน ผมว่า เอ่อ"
"อย่าพูดออกมาเชียวอะบะดี"
บัซซามลูกน้องคนสนิทอีกคนของหลอลี่ หว่อง พูดขึ้นพร้อมกระทุ้งศอกใส่เพื่อนร่วมงานของเขาที่กำลังจะเอ่ยประโยคที่ไม่น่าฟังออกมา
"หึ ให้เขาพูดเถอะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่อะบะดีจะพูดแบบนี้"
"นาย นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว นายยังคิดว่านายหญิงใหญ่จะยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอครับ"
"ไม่เจอศพก็แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่ ว่าแต่จับตาดูพิเชษฐ์ชัยเป็นไงบ้าง"
"พื้นที่ทับซ้อนยังคงมีคนตรึงกำลังไว้อยู่ครับ ลูกสาวของพิเชษฐ์ชัยยังคงลงมาคุมงานด้วยตัวเอง"
"สงสัยต้องใช้แผนนกต่อ ส่งแกรลี่ไปที่ประเทศไทยเจรจาแบบเนื้อแนบเนื้อ"
"แบบนี้จะดีเหรอครับ คุณจูลี่กำลังตั้งท้องอยู่นะครับท่าน"
อะบะดีพูดขึ้นเพราะรู้สึกสงสารจูลี่ที่กำลังท้องโย้อยู่ในขณะนี้
"นั่นแหละคือเหตุผลว่าแกรลี่ควรทำงานนี้"
"ให้คุณวินท์ไปแทนไม่ได้เหรอครับ"
บัซซามเสนอขึ้นเมื่อมองเห็นช่องทางว่าชายหนุ่มยังโสด
"ไม่ได้หรอก"
"ทำไมเหรอครับ"
อะบะดีถามต่อเพราะรู้สึกสงสัยว่าทำไมงานนี้วินท์ถึงทำไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เขาโสดคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน
"สักวันนายจะรู้เอง หึ"
...
เมืองไทย
"ดวงใจเป็นไงบ้าง คิดถึง"
อียูนวิ่งเข้าไปกอดดวงใจผู้มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ด้วยอาการดีใจสุดๆ
"พี่สบายดี อียูนกันวินท์ล่ะเป็นไงบ้าง"
"พวกเราสบายดี แล้วหลานของฉันดิ้นรึยัง"
อียูนเอ่ยขึ้นกับดวงใจด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
"ดิ้นแล้ว ฝั่งจูลี่ล่ะ"
"รายนั้นหม่าม้าแทบไม่ได้นอน ถีบเก่ง ฮ่าๆ"
"โหแสดงว่าท้องโตแล้วใช่ไหมคะ"
"มาก"
อียูนทำลากเสียงยาว ทุกคนต่างหัวเราะออกมา วินท์ก็ด้วยเขาพอจะรู้ภาษาไทยอยู่บ้างเป็นบางคำเพราะได้มาจากอียูนและคุณนิตยา
"วันนี้ดวงใจพาฉันไปซื้อของได้ไหม ผู้หญิงๆ น่ะ"
"เดี๋ยวพี่พาไปก็ได้ไม่เห็นต้องเป็นดวงใจเลย"
อเล็กซ์อาสา
"ไม่เอาอ่ะ พี่เป็นผู้ชายไม่เหมือนดวงใจเป็นผู้หญิงเหมือนกันเข้าใจกันมากกว่า"
"มีความลับอะไรกันรึเปล่า"
"มีค่ะ คิก"
อเล็กซ์และวินท์จึงลงความเห็นว่าไปรถคันเดียวกัน
...
ห้างสรรพสินค้า
"เดี๋ยวเราไปซื้อของทางโน้นกันก่อนนะคะ พี่อเล็กซ์กับพี่วินท์รออยู่ตรงนี้ก่อน"
"แต่พี่กลัวว่าเราจะไม่ปลอดภัยนะ"
อเล็กซ์ท้วง
"แค่แป๊บเดียวเองค่ะ"
"งั้นไอไปห้องน้ำก่อนนะอเล็กซ์"
วินท์มองซ้ายขวาเห็นป้ายห้องน้ำจึงอยากไปล้างหน้าสักหน่อย
"อืมฉันจะรอทุกคนอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน"
"โอเค"
ทุกคนต่างแยกย้ายอียูนและดวงใจไปทางร้านขายนาฬิกา
"อียูนจะซื้อนาฬิกาเหรอ"
ดวงใจเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นเธอมองนาฬิกาเรือนโน้นเรือนนี้อยู่
"ใช่"
"แต่นี่มันนาฬิกาสำหรับผู้ชายนี่นา เธอชอบแบบนี้เหรอ?"
"เปล่า อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของวินท์แล้วน่ะ ฉันอยากซื้อของขวัญให้เขา"
"ว้าว เธอก็มีมุมน่ารักๆ เหมือนกันนะอียูน คิก"
"ในฐานะน้องสาวน่ะ"
"อ้าว เป็นคู่หมั้นกันไม่ใช่รึไง ทำไมต้องในฐานะน้องสาวล่ะ"
"เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่นา"
"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ"
"ฉันกลัวว่าวินท์จะเกลียดฉันเข้าในสักวันน่ะ"
"ทำไมวินท์ต้องเกลียดเธอล่ะ"
"ฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่กลัวไปเองเท่านั้นเอง"
"อย่าคิดมากสิ นี่มาดูเรือนนี้กันสีดำสวยดีนะ"
"อื้ม สวยจริงด้วยเธอนี่ตาถึงมากเลยนะ งั้นเอาเรือนนี้แหละ"
"อะไร ต้องเอาเรือนที่เธอชอบสิ"
"ฉันก็ชอบเรือนนี้แล้ว"
อียูนล้วงเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายนาฬิกาเรือนสีดำในทันที
เธออดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อห้าวันก่อนที่จะมาเมืองไทยไม่ได้เมื่อปะป๋าเรียกเธอเข้าไปคุยในห้องทำงานเป็นการส่วนตัว
"อียูนปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้วนะ"
จู่ๆ หลอลี่ หว่อง ผู้เป็นพ่อก็เอ่ยถามเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความดุดัน
"สิบ ย่าง สิบเอ็ดค่ะ"
"ปีหน้าก็อายุสิบสองแล้วสินะ เร็วจริงๆ"
"ค่ะ"
"เธอรู้ใช่ไหมว่าหน้าที่ของเธอไม่ใช่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น"
"ค่ะ"
"ไหนลองทวนซิว่าหน้าที่ของเธอมีอะไรบ้าง"
"เรียนหนังสือ เรียนศิลปะป้องกันตัวทุกแขนง เรียนรู้งานบริหาร ทุกอย่างต้องบาล้านกันค่ะ"
"หึ เด็กดีของปะป๋า มานี่มา"
หลอลี่กางแขนซ้ายเพื่อให้อียูนเข้าไปนั่งบนที่พักแขนเก้าอี้ของเขา เธอเดินวนโต๊ะเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย
"แต่ตอนนี้เธอมีอีกหนึ่งหน้าที่เพิ่มขึ้นมาแล้วนะ"
"อีกหนึ่งหน้าที่"
"ใช่"
หลอลี่พยักหน้าลากเสียงมือซ้ายโอบเอวลูกสาวเพียงคนเดียวเอาไว้
"หน้าที่อะไรอีกเหรอคะ"
"ทำให้วินท์ตกหลุมรักเธอหัวปักหัวปำจนโงหัวไม่ขึ้นยังไงล่ะ"
"ห๊ะ!"
ด้วยเพราะปะป๋าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอมาก่อนอียูนจึงตกใจมาก เธอรู้เพียงแต่ว่าเธอและวินท์เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งแต่เธอเกิดออกมาลืมตาบนโลกใบนี้แล้วเท่านั้น แต่เรื่องทำให้วินท์ตกหลุมรักเธอจนหัวปักหัวปำนี้ หม่าม้าไม่เคยบอกเธอมาก่อน
"แตะ แต่หนูอายุเพิ่งจะ 11 เองนะคะปะป๋า"
"ปะป๋ารู้ ปะป๋าถึงบอกอยู่นี่ไงว่าให้เธอทำดีกับวินท์เข้าไว้ ปูทางไว้จนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะเท่านั้นเอง"
"ทำไมหนูต้องทำด้วยล่ะคะปะป๋า"
"เพราะมีเพียงเธอคนเดียวที่จะทำให้วินท์จงรักภักดีกับตระกูลหว่องได้"
"หนูไม่เข้าใจ"
"เมื่อถึงเวลา เธอจะเข้าใจทุกสิ่งอย่าทำให้วินท์เกลียดเธอก็พอ หึ"
"ปะป๋าพูดเหมือนวันหนึ่งเขาจะเกลียดหนู"
"เขาอาจจะเกลียดพวกเราทุกคนก็ได้ ฉะนั้นตอนนี้ตอนที่ยังพอมีเวลาเธอก็ต้องทำให้เขารัก รักมาก จนขาดเธอไม่ได้ จำไว้นะอียูน"
"ค่ะ ปะป๋า"
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้น แต่อียูนก็ตบปากรับคำกับหลอลี่โดยที่ไม่คัดค้านอะไรออกมาเลย
...
"อียูนคิดอะไรอยู่เหรอ? สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ"
"เปล่าหรอก ฉันคงเหนื่อยน่ะ ป่ะ กลับกันเถอะ"
"อื้อ ไปสิ"
ทางด้านวินท์ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ถูกสายตาคู่หนึ่งจดจ้องอยู่
"ว้าว บิงโก เจอแล้วสินะหมากตัวสำคัญ"
..........
