ตอนที่ 9 (ต่อ)
“อื้ออออ ฮึก ฮึก” การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรง ไม่สนใจคนตรงหน้าว่าจะเจ็บปวดสักเพียงใด มือทั้งสองข้างปลดตะขอบราเซียและดึงมันออกอย่างไม่สนใจไยดี เขาผละออกจากปากบางนั่น เพื่อชมความงามของคนตรงหน้า ซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มตกตะลึงไปชั่วขณะ
แม้ร่างบางจะตัวเล็กเพียงใด แต่หน้าอกหน้าใจใหญ่เกินตัว ยิ่งผิวสีขาวอมชมพูราวกับผิวเด็กนั่น ยิ่งเพิ่มความต้องการในตัวให้แก่เขาอย่างมาก เธอสวยมากจริงๆ สวยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ถึงแม้จะเจอผู้หญิงมาเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่มีใครทำให้เขาต้องการมากถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มแล้ว หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองตามสัญชาตญาณ
“ฮึก ฮึก ฮึก” ร่างบางทำได้เพียงสะอื้นเท่านั้น
“ปิดยังไงก็ไม่ผิดหรอก” เขาพูดพร้อมทำหน้าหื่นกระหายก่อนจะออกแรงจับร่างบางนอนหงายบนเตียงอีกครั้ง
“อ่ะ อ่า” สัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสทำให้สาวน้อยเผลอทำเสียงแปลกๆออกมาอย่างสุดกลั้น
“....”
“หึหึ” ซาตานร้ายกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะก้มลงดูดดึงหยอกล้อยอดอกสีชมพูนั้นด้วยลิ้นใหญ่ เขาดูดเลียอย่างมูมมาม ราวกับทารกน้อยที่หิวกระหาย มืออีกข้างฟอนเฟ้นขยำทรวงอกข้างที่ว่างอยู่อย่างพอใจด้วยความต้องการที่เอ่อล้น
“อย่า อ่ะ อ้าา” หญิงสาวพยายามส่งเสียงห้ามออกมาด้วยเสียงติดขัด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
ก่อนที่ร่างบางจะถูกซาตานร้ายรังแกไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยชีวิตเธอไว้ ตรงข้ามกับร่างสูงที่สวรรค์พังทลายลงเรียบร้อย
“นายหัวครับ ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้วนะครับ” มือขวารายงานผ่านประตูที่ปิดไว้ให้เจ้านายหนุ่มรับทราบ ก่อนเดินจากไป
“Shit!! ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าเธอไม่รอดแน่”
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย พร้อมกับเดินเข้าไปปลดปล่อยความต้องการในห้องน้ำ หญิงสาวจึงรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเช็ดคราบน้ำตาแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว….
ทนไม่ไหวแล้วโว้ย
คฤหาสน์วัฒนาภักดี
“แม่ค้าบ สวัสดีครับ” เหมราชเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังจากประชุมเสร็จ
“ยังจำทางกลับบ้านได้อยู่รึไงยะ พ่อตัวดี”
มารดาแขวะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ ที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านนัก เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ลูกชายของเธอจึงเอาแต่ขลุกตัวอยู่บนเกาะมันเดรา ซึ่งเป็นเธอเองด้วยซ้ำที่ต้องขยันแวะเวียนไปเยี่ยมลูกชายที่นั่น
“โถ่ แม่ค้าบ” เมื่อได้ยินดังนั้นลูกชายสุดที่รักก็เข้าไปกอดหอมผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ
“นี่ๆ แกหยุดกอดเมียฉันได้แล้วเจ้าเหม” หิรัญ วัฒนาภักดี เอ่ยเสียงขุ่นให้ลูกชาย ด้วยความหวงเมียสุดที่รักของตน
“เอ๊ะคุณ! นี่ลูกเรานะคะ หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง” คุณหญิงดาริกา ผู้เป็นใหญ่ในบ้านเอ่ยปรามสามีที่ทำอะไรไม่ดูอายุเช่นนี้เสมอ ทำให้เธอต้องเขินอายอยู่ร่ำไป
“ไปค่ะ กินข้าวกัน แม่ตั้งโต๊ะไว้แล้ว” คุณหญิงคนสวยของบ้านบอกลูกและสามี เพื่อยุติข้อขัดแย้ง และเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารที่เธอเตรียมไว้รอลูกและสามีที่ทั้งสองเพิ่งกลับจากประชุมที่บริษัท
บนโต๊ะอาหาร…
“นี่เหมลูก เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงานมีหลานให้แม่อุ้มสักที”
คำถามที่ต้องถามเป็นประจำถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นบนโต๊ะอาหารอีกเช่นทุกครั้ง
“โถ่แม่ครับ ผมทำงาน ไม่มีเวลาคิดอะไรแบบนั้นหรอกครับ”
ร่างแกร่งเอ่ยบอกปัดด้วยท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจเช่นเคย ทำให้ผู้เป็นแม่นั่นหงุดหงิดเล็กน้อยตามเคย
“อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ลืมมันไปเถอะลูก”
บิดาเอ่ยขึ้นแต่ท่าทางไม่สนใจ หันกลับไปกินข้าวฝีมือเมียรักด้วยท่าทางสบายๆ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าภายในปีนี้แกยังไม่มีใครสักที แม่จะจัดการให้แกเอง”
คุณหญิงดาริกาเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง พร้อมทั้งสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ลูกชายและสามีได้แต่อมยิ้มกับท่าทางนั้น
ท่าเรือเกาะมันเดรา
“ฉันจะไม่ยอมถูกขังอยู่ที่นี่กับคนโรคจิต หื่นกาม แบบนั้นหรอกนะ”
ปิ่นมุกพูดกับตัวเองพร้อมวิ่งหลบออกจากตัวบ้านมายังท่าเรือที่อยู่ริมชายฝั่ง เธอแอบวิ่งออกมาตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการจัดอาหารเที่ยงให้พวกคนงาน
“ลาก่อน!” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเธอแอบขึ้นมาบนเรือที่กำลังจะไปรับของจากบนฝั่ง เธอเข้าไปแอบอยู่ที่วางของพร้อมทั้งใช้ผ้าใบผืนใหญ่ที่ใช้คลุมของนั้น คลุมร่างของตัวเองไว้อย่างมิดชิด ขณะที่เรือเริ่มเคลื่อนไปบนผิวน้ำ ผิวคลื่นของท้องทะเล