บทที่ 6
พ.ต.ท.ปวรุตม์ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพไปถึงจังหวัดเลยเกือบ 8 ช.ม. เขาแวะปั้มเพื่อเติมน้ำมันและดูแผนที่คร่าวๆ จากตัวเมืองไปยังหมู่บ้านโคกสำราญเป็นระยะทางอีก 20 กิโลเมตร
เมื่อออกจากปั้มแล้ว ปวรุตม์ขับรถช้าๆ มุ่งสู่หมู่บ้านโคกสำราญ ระหว่างขับรถก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ นานาพรรณ สายตาคมกริบมองเลยไปยังภูเขาที่อยู่ไกลลิบออกไป เห็นได้ว่าพื้นที่ป่าเขาค่อนข้างสมบูรณ์
สารวัตรหนุ่มไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงมีการลอบตัดไม้ค้าไม้เถื่อน เพราะผืนป่าค่อนข้างสมบูรณ์และอยู่ไกลจากเขตชุมชน ปวรุตม์ชะลอรถมองป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่เขียนบอกชื่อหมู่บ้านและชี้ทางไปสถานที่ราชการ
สารวัตรหนุ่มขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ก่อนจะมาถึงสถานีตำรวจภูธรบ้านโคกสำราญ ร่างสูงใหญ่บึกบึนกระโดดลงจากรถแลนด์โรเวอร์ บิดตัวไล่อาการเมื่อยขบหลังจากที่ขับรถมานานหลายชั่วโมง ปวรุตม์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนแพงสี่โมงเย็นพอดี เขาเงยหน้ามองป้ายชื่อสภ.อีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
นายตำรวจประจำสภ.โคกสำราญได้รับแจ้งข่าวล่วงหน้าแล้วว่าสารวัตรคนใหม่จะเดินทางมาถึงวันนี้ ด้วยท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามภูมิฐาน รัศมีของคนที่เป็นผู้นำแผ่ออกมารอบกาย ทำให้ตำรวจทุกนายในสภ. ต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วตะเบ๊ะทำความเคารพสารวัตรคนใหม่
ดาบผิวนายตำรวจที่อาวุโสที่สุดในสภ. และเป็นคนในท้องที่เป็นตัวแทนกล่าวคำต้อนรับสารวัตรคนใหม่
“สวัสดีครับท่านสารวัตร สภ.บ้านโคกสำราญยินดีต้อนรับครับ”
พ.ต.ท.ปวรุตม์ยิ้มเรียบๆ พยักหน้ารับการตะเบ๊ะทำความเคารพจากตำรวจทุกนาย “ทำตัวตามสบายเถอะครับ ผมยินดีที่ได้มาร่วมงานกับทุกๆ ท่าน ผมอาจจะมีประสบการณ์น้อยกว่าทุกท่านในที่นี้ ถ้ายังไงก็ขอน้อมรับคำแนะนำจากทุกๆ ท่านและก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นประชากรเมืองเลยด้วยนะครับ”
สารวัตรปวรุตม์เอ่ยกับนายตำรวจทุกนายที่ล้วนแต่อาวุโสสูงวัยทั้งอายุชีวิตและอายุการรับราชการ
ปวรุตม์ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในใจเขาเรียนรู้มาจากบิดาเรื่องการปกครองลูกน้องใต้บังคับบัญชา จะปกครองคนให้อยู่ใต้อาณัติก็ต้องรู้จักทำตัวอ่อนนอกแข็งใน อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง กล้าทำ กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด...
ดาบผิวกับตำรวจนายอื่นๆ ต่างก็สะกิดกันแล้วยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อเห็นท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือตัวถือยศของสารวัตรคนใหม่ ตอนที่ได้รับแจ้งข่าวว่าสารวัตรคนใหม่ที่จะมาประจำการที่โคกสำราญ เป็นถึงลูกนายพลนามสกุลดังเป็นที่รู้จักไปทั่ววงการสีกากี สีเขียว นายตำรวจทุกนายต่างหวาดหวั่นว่าสารวัตรคนใหม่คงจะถือตัว บ้าอำนาจ เจ้ายศเจ้าอย่าง แต่เมื่อทุกคนได้เห็นท่าสบายๆ เป็นกันเองของสารวัตรคนใหม่ ต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
สารวัตรปวรุตม์ลอบสังเกตอากัปกริยาของลูกน้องแต่ละคนแล้วก็แอบซ่อนรอยยิ้ม “ช่วยพาผมไปดูห้องทำงานหน่อยได้มั้ยครับ”
“เชิญครับท่านสารวัตร” ดาบผิวเป็นคนเอ่ยเชิญเหมือนเดิม
“ทุกคนเรียกผมว่าสารวัตรเฉยๆ ก็ได้ครับ หรือจะเรียกว่าปวรุตม์ก็ได้ ไม่ต้องมีคำว่าท่านหรอก ฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นหู” สารวัตรปวรุตม์เอ่ยบอกยิ้มๆ แล้วเดินตามดาบผิวเข้าไปในห้องทำงาน
ห้องทำงานของสารวัตรคนใหม่ถูกตกแต่งปรับเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ให้ดูโอ่อ่าสมกับตำแหน่งฐานะ หลังจากดูห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว ดาบผิวก็พาสารวัตรคนใหม่ไปยังบ้านพัก ปวรุตม์เดินผ่านบ้านหลังเล็กชั้นเดียวทาสีขาวสะอาดสว่างตาก็เอ่ยถามดาบผิวด้วยความสนใจ
“บ้านหลังสีขาวที่ติดกับบ้านพักของผมเป็นบ้านของใครครับ”
ดาบผิวมองไปยังบ้านหลังสีขาวที่อยู่ติดกับรั้วของสภ. และอยู่ติดกับบ้านพักของสารวัตรคนใหม่ก่อนจะเอ่ยตอบ
“บ้านของกำนันยศศักดิ์ ตอนนี้ท่านให้คุณพัฒนาชุมชนเช่าอยู่ครับ”
ปวรุตม์หันไปมองบ้านหลังสีขาวด้วยความสนใจ กำลังนึกว่าพัฒนาชุมชนที่ดาบผิวเอ่ยถึงจะเป็นยายนาราตัวแสบของเขาหรือเปล่า สารวัตรหนุ่มก้าวตามดาบผิวเข้าไปในบ้านแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นบรรยากาศภายในตัวบ้าน บ้านหลังเล็กแต่ดูอบอุ่นน่าสบาย ปวรุตม์เปิดหน้าต่างบานที่ติดกับบ้านหลังสีขาว ใบหน้าคมเข้มยิ้มกริ่ม ถ้ายายนาราอยู่บ้านหลังนี้ก็ดีสิ
“สารวัตรครับ เรื่องอาหารการกินเดี๋ยวผมให้เมียผมเอาปิ่นโตมาส่งตอนเช้ากับตอนเย็นนะครับ”
นายตำรวจผู้น้อยเอ่ยบอก
“ได้ ผมขอผูกปิ่นโตเลยแล้วกัน ส่วนค่าอาหาร ดาบผิวให้ภรรยาคิดมาเลยนะครับ จะคิดเป็นแบบสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดเงิน” ดาบผิวยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีเอ็นดูคนที่อายุน้อยกว่า
“อย่าดีกว่าครับ กับข้าวที่เอามาให้ผมก็ต้องซื้อหามา ไม่ได้มาฟรีๆ คิดค่าปิ่นโตนะดีแล้ว ถ้าดาบผิวไม่คิดเงินผมไม่รับปิ่นโตนะครับ”
สารวัตรปวรุตม์ยิ้มให้อีกฝ่าย ต้องขู่นิดๆ ดาบผิวจึงได้ตอบตกลง เขารู้ว่าชาวบ้านแถวนี้ค่อนข้างยากจน การที่จะรับของคนอื่นมาฟรีๆ ก็ไม่ใช่วิสัยของเขาเสียด้วย
“ถ้างั้นก็ได้ครับ”
ดาบผิวยิ้มรับจนตาหยี ถ้าได้ลองว่าไม่รับของฟรีๆ แบบนี้ สารวัตรคนใหม่ก็น่าจะเป็นตำรวจที่มือสะอาดไม่รับสินบนหรือเงินใต้โต๊ะ
ปวรุตม์จ้องมองเขม็งที่บ้านหลังสีขาวที่ปิดสนิทแล้วหันมาถามดาบผิว
“ดาบผิวอยู่ที่นี่มานานหรือยังครับ”
“อยู่มาตั้งแต่เด็ก สอบติดข้าราชการตำรวจก็ขอย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดเป็นอันดับแรก”
“ถ้างั้น…ดาบผิวก็รู้จักพื้นที่ทุกซอกทุกมุมของโคกสำราญสิครับ” สารวัตรหนุ่มหรี่ตาปรับสีหน้าให้เรียบเฉยไร้ความรู้สึก ถ้าหากเรื่องผิดกฎหมายที่คุณหญิงย่าพูดเป็นจริง เขาก็ไว้วางใจใครยังไม่ได้ เขายังไม่รู้ว่ามีคนในเครื่องแบบรู้เห็นเป็นใจกับการทำผิดกฎหมายของคนในหมู่บ้านหรือเปล่า
ดาบผิวรู้ว่าสารวัตรคนใหม่กำลังจะขอความช่วยเหลือจากตนก็ยืดอกพร้อมกับพุงพลุ้ยอย่างภูมิใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“ผมรู้จักทุกซอกทุกมุมของโคกสำราญเลยละครับ สารวัตรจะให้ผมเป็นไกด์นำเที่ยวเลยมั้ยครับ”
สารวัตรปวรุตม์หัวเราะฮึๆ “ยังก่อนครับ เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมอยากจะไปตามหาคนก่อน ดาบผิวพอจะรู้สึกพัฒนาชุมชนที่ชื่อนีนนารามั้ยครับ”
“อ๋อ...รู้จักสิครับ คนโคกสำราญรู้จักคุณนีนนาราทุกคนแหละครับ เธอเป็นลูกรักของพวกแม่บ้านตำรวจแห่งโคกสำราญเลยละครับ ใครๆ ก็เอ็นดูเธอ”
ดาบผิวเอ่ยกลั้วหัวเราะน้ำเสียงที่เอ่ยถึงนีนนาราบ่งบอกถึงความชื่นชมที่มีต่อหญิงสาว
ปวรุตม์ได้ยินแล้วถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจไม่นึกว่าคนซนๆ อย่างนาราจะเป็นที่รักที่ชื่นชอบของคนทั้งหมู่บ้านได้
“ดาบผิวพอจะรู้มั้ยครับว่าตอนนี้นีนราราอยู่ที่ไหน”
“รู้ครับ วันนี้มีลงแขกดำนาที่ทุ่งนาของยายส้มเกลี้ยง สารวัตรจะไปมั้ยครับเดี๋ยวผมพาไป”
“ไปสิ ดาบผิวพาไปเลย อยากเจอมานานแล้ว” ปวรุตม์พึมพำพูดกับตนเองจนทำให้ดาบผิวชักจะสงสัยว่าสารวัตรคนใหม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณพัฒนาชุมชนคนสวย
ปวรุตม์เดินนำหน้าดาบผิวไปที่รถแลนด์โรเวอร์ที่จอดอยู่หน้าสภ. พอดาบผิวเห็นรถแลนด์โรเวอร์คันสวย ราคาแพงถึงกับทำตาโตกลืนน้ำลายเอื้อกๆ ด้วยความอยากขับ
“สารวัตรครับ รถคันนี้แรงมั้ยครับ” นักเลงรถเก่าเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ คันไม้คันมืออยากขับขึ้นมาตะหงิดๆ
“ก็พอตัว” ปวรุตม์เอ่ยยิ้มๆ เห็นนัยน์ตาของดาบผิวจ้องมองรถไม่กระพริบก็แอบยิ้มขำ
“เออ...สารวัตรขับรถเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ให้ผมเป็นสารถีให้มั้ยครับ”
ดาบผิวเอ่ยแบบขลาดๆ อยากขับก็อยากขับ แต่จะเอ่ยขอตรงๆ ก็ไม่กล้ากลัวสารวัตรคนใหม่จะด่าเอา
ปวรุตม์หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทัน สงสัยดาบผิวจะเป็นนักเลงรถ มือใหญ่หยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีกากีแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“เอาสิ ชักจะเหนื่อยเหมือนกัน ถ้าไม่รบกวนดาบผิวเกินไปก็ช่วยขับให้หน่อย” ปวรุตม์เอ่ยออกมาด้วยน้ำคำที่ทำให้อีกฝ่ายฟังแล้วไม่กระดากอายเกินไป
“ได้เลยครับ เชิญสารวัตรขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวดาบผิวจะขับให้นิ่มที่สุด”
ดาบผิวยิ้มหน้าบาน ดวงตาเต้นระริกด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ขับรถราคาแพงๆ เพราะชีวิตนี้ไม่เคยมีโอกาสได้ขับรถสวยๆ แพงๆ แบบนี้มาก่อน นายตำรวจผู้น้อยขับรถค่อนข้างช้าเพื่อให้สารวัตรได้ดูบรรยากาศข้างทางด้วย
“ผืนป่าที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์นะ”
ปวรุตม์เปรยออกมา จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีสนิมของพลขับจำเป็น เขาไม่พบพิรุธนอกจากความจริงจังใสซื่อที่แสดงออกมา แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ คนเราสมัยนี้เก็บความรู้สึกและซ่อนพิรุธเก่งนัก เขาคงต้องใช้เวลาในการสังเกตสังกาลูกน้องในสภ. สักระยะหนึ่งจึงจะรู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง
ดาบผิวละสายตาจากถนนหันไปมองต้นไม้น้อยใหญ่รอบๆ เส้นทางก่อนจะเอ่ยตอบ
“ใช่ครับ ค่อนข้างสมบูรณ์ ต้องใช้เวลาหลายสิบปี กว่าที่ต้นไม้เหล่านี้จะเติบโตสูงใหญ่ได้ขนาดนี้ แต่ขณะเดียวกันคนบางคนก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในการทำลายพวกมัน”
ดาบผิวเอ่ยออกมาอย่างเจ็บแค้น รู้ว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลบางคนในอำเภอจ้างให้ชาวบ้านจนๆ ไปลอบตัดไม้ในป่าลึก แต่เขาเป็นแค่ตำรวจผู้น้อย อำนาจที่มีก็เท่าหยิบมือ มีหรือจะไปสู้กับผู้มีอำนาจบาตรใหญ่รู้จักและสนิทสนมกับคนใหญ่คนโตทั้งจังหวัด เขาอยากให้สารวัตรคนใหม่เป็นพวกใจซื่อ มือสะอาดเป็นตำรวจที่ดีคอยปกป้องอธิปไตยของบ้านเมือง ถ้าสารวัตรคนใหม่เป็นคนดีจริง เขาก็พร้อมที่จะร่วมมือเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม...
ปวรุตม์ได้ฟังน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาคล้ายเจ็บแค้นของอีกฝ่ายก็พอจะรู้เลาๆ ว่านายตำรวจคนนี้ค่อนข้างที่จะเป็นคนดี ถ้าจะคัดเลือกนายตำรวจเข้าทีมปราบปรามหนึ่งในนั้นคงต้องมีดาบผิวร่วมอยู่ด้วย