

ตอนที่ 1 ไม่เคยรู้สึก
ตอนที่ 1 ไม่เคยรู้สึก
งานเลี้ยงปีใหม่
ในวันนี้ครอบครัวของท่านพิชิตมากินเลี้ยงปีใหม่ด้วยกันที่บ้านของท่านกิตติชัย มันเป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ไม่ใช่แค่ปีนี้ปีแรก สีหน้ามีความสุขของทั้งสองครอบครัว ต่างเผยออกมา โดยเฉพาะเหล่าประมุขของบ้านที่ดูจะพูดถูกคอกันอยู่มาก ยิ่งตอนที่น้ำเมาไหลสู่คอหลายต่อหลายครั้งก็ยิ่งได้ที่
“อีกไม่นานลูกเราสองคนเรียนจบ การแต่งงานก็จะได้จัดขึ้นเสียที พอได้รู้ว่าเราจะได้เป็นดองกัน มันทำให้ผมมีความสุขจริง ๆ”เป็นเสียงของท่านกิตติชัยที่พูดออกมาอย่างมีความสุข
“ผมเหมือนกัน เราต้องทำธุรกิจร่วมกันอีกนาน การแต่งงานในครั้งนี้นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวเราแน่นแฟ้น ยังทำให้ผมหมดห่วงด้วยนะที่ได้หนูแก้วมาเป็นลูกสะใภ้” คำพูดของท่านพิชิตทำให้หญิงสาวใบหน้าสวยอย่างกมลรัตน์เผยรอยยิ้มเขินอายออกมา เธอเหลือบสายตาไปมองผู้ชายอีกคนที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเธอ เขาก็ยังเป็นคนที่เธอชอบพออยู่ดี
“ว่าที่ลูกเขยผมคนนี้ก็ถูกใจผมเหมือนกัน” ชายวัยกลางคนสองคนหัวเราะกันออกมาอย่างชอบใจ ดูเหมือนพวกผู้ใหญ่จะมีความสุขยกเว้นเขา บุคคลที่ถูกพูดถึงอยู่ในตอนนี้
เพทาย ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดนั่งยกแก้วสีอำพันขึ้นมาดื่ม เขานึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่เตรียมเอาไว้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาชายหนุ่มจะพยายามอดทนก็เถอะ แต่พอได้ยินเรื่องนี้ทีไรก็นึกหงุดหงิดทุกทีเลย เขาถูกจับหมั้นหมายกับกมลรัตน์ ผู้หญิงที่อายุเท่ากับเขาตั้งแต่ต้นปีก่อน ในตอนนั้นเขาไม่ได้เต็มใจ ไม่อยากหมั้นแต่ก็ขัดใจบิดาไม่ได้ จนถึงขั้นต้องทะเลาะกัน ถ้าหากไม่ใช่ว่ามารดาของเขาล้มป่วยลงเพราะสองพ่อลูกทะเลาะกัน เขาก็คงไม่จำใจตอบตกลงออกไปหรอกว่าจะหมั้นหมายกับเธอ
สำหรับชายหนุ่มแล้ว กมลรัตน์ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย นอกจากคำว่าเพื่อน เพราะในใจของเขามันมีใครอีกคนอยู่ในนั้นแล้วและไม่มีทางที่จะสนใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น นอกจากเธอคนนี้ กชกร น้องสาวของกมลรัตน์นั่นเอง ที่เขาใฝ่ฝันและต้องการจะแต่งงานกับเธอ
“คุณพ่อขา” เสียงหวานสดใสของคนตัวเล็กอย่างกชกรเดินออกมายังโซนที่จัดเลี้ยง ในมือเธอถือของว่างที่แม่ของเธอกับแม่ของเพทายไปเข้าครัวช่วยกันทำกับแม่บ้าน
“ว่าไงลูกสาวคนสวยของพ่อ” คนตัวเล็กที่ถูกชมยิ้มโชว์ฟันให้เห็นก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะ
“พูดแบบนี้เมาแล้วใช่ไหมคะเนี่ย” คนตัวเล็กไม่พูดเปล่ากอดออดอ้อนบิดาของเธอด้วยท่าทางน่ารักซุกซนตามประสา
“ไม่เมา พ่อน่ะคอทองคำแล้ว”
“คิกคิก ระวังแม่บ่นนะคะพ่อดื่มเยอะแบบนี้”
“ปีใหม่ทั้งที แม่ลูกไม่กล้าบ่นหรอก ไป ๆ ไปหานั่งกินข้าวไป” คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปหาพี่สาวพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ โดยมีชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเธอ
“หนูกิ่งยิ่งโตก็ยิ่งสวยเหมือนหนูแก้วเลยนี่ถ้าผมมีลูกชายอีกคนมีหวังต้องมาทาบทามเอาไว้แน่นอน”
“โอ๊ย ลูกสาวคนเล็กของผมไม่เหมือนใครเขา เห็นแบบนั้นแสบใช่ย่อย” คำพูดของท่านกิตติชัยทำเอาทุกคนหัวเราะออกมา กชกรทำหน้ายู่ใส่ที่ถูกพูดนินทาต่อหน้าแบบนี้
“หัวเราะอะไรกันคะหนุ่ม ๆ”เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดการทุกอย่างในครัวเรียบร้อยแล้ว อาหารเสร็จสรรพก็มานั่งร่วมรับประทานที่นอกตัวบ้าน ที่ถูกเนรมิตเป็นงานจัดเลี้ยงในค่ำคืนนี้
“คุณแม่ขา คุณพ่อว่ากิ่งดื้อ กิ่งไม่ดื้อสักหน่อย”
“หืม แต่แม่เห็นด้วยกับคุณพ่อนะ”
“อ้าว ทำไมทุกคนใส่ร้ายกิ่งแบบนี้ พี่แก้วช่วยกิ่งด้วย” กมลรัตน์ส่ายหน้าไปมา สำหรับเธอน้องสาวคนนี้ก็ดื้ออย่างที่ทุกคนว่านั่นแหละ แต่ก็แสบซนตามประสาไม่ได้เลวร้ายอะไร
“แน่ะ เงียบแบบนี้ไม่ช่วยน้องแน่เลย งั้นพี่เพทาย กิ่งไม่ได้ดื้อใช่ไหมคะ พี่เป็นลุงรหัสของกิ่ง ต้องช่วยกิ่งนะ” เมื่อคนตัวเล็กเห็นว่าไม่มีใครช่วย เธอจึงหันไปหาชายหนุ่มที่นั่งอีกทางด้าน คนตัวสูงเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา
“พี่สู้ไม่ไหวหรอก อีกอย่างน้องกิ่งดื้อจะตายไป” พอเห็นทุกคนแกล้ง เขาก็แกล้งตาม ทำเอาหญิงสาวทำหน้าบูดใส่ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกมองค้อนมาทางเข้า
“โป้ง ไม่คุยด้วยแล้ว” ถึงแม้เธอจะทำหน้าบูดใส่อย่างนั้นแต่สำหรับชายหนุ่มแล้วเธอก็ยังคงน่ารักสดใสเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน กชกรมักจะเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มได้เสมอ ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือแม้แต่ตอนนี้
เสือยิ้มยากอย่างเพทาย พอเผยสีหน้าขบขันออกมา ก็ทำให้กมลรัตน์ที่เห็นรอยยิ้มอีกฝ่ายนั้นชะงักไปทันที เขาไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้กับเธอเลย ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่หลายครั้งหลายครา พอเป็นน้องสาวของเธอเขากลับดูมีสีหน้าอีกแบบหนึ่ง เพราะรู้สึกน้อยใจลึก ๆ ทำให้หญิงสาวหยิบแก้วเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เล็กน้อยผสมอยู่ขึ้นมาดื่มทันที ขนาดเธอเป็นคู่หมั้น อยู่ข้างกายของเขาแท้ ๆ เขากลับไม่เคยมองมาที่เธอเลย มันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับน้องสาวของเธอรึเปล่า อีกใจกมลรัตน์ก็โกหกตัวเองว่าเธออาจจะคิดมากไปก็ได้ เพทายรู้จักกับครอบครัวเธอมานาน เป็นเพื่อนเล่นกับเธอ กับน้องสาวเธอมานานหลายปี บางทีชายหนุ่มก็อาจจะเอ็นดูเหมือนน้องสาวก็ได้
ตลอดการสังสรรค์ มีเสียงเพลง เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ เขารู้จักสถานที่แห่งนี้ดีเพราะมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เพทายทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครมายืนรออยู่ กมลรัตน์ส่งยิ้มมาให้ก่อนที่เธอจะบอกให้ชายหนุ่มไปคุยกันหน่อย เพทายจึงจำใจเดินไปคุยกับเธอ
ทั้งสองเดินมาทางด้านสระว่ายน้ำ ต่างคนต่างเงียบเพราะชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาไม่ได้มีเรื่องจะพูดคุยกับเธอเสียหน่อย ท่าทีที่ชายหนุ่มมักจะแสดงออกมาถึงความเฉยชามันทำให้หญิงสาวอดที่จะน้อยใจเขาไม่ได้ เธอเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ดูเขาสิไม่สนใจอะไรเธอเลย
“อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แก้วดีใจที่เราจะได้แต่งงานกัน”
“….” ชายหนุ่มเงียบ เขาถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
“ทายไม่คิดจะพูดคุยเรื่องของเราหน่อยเหรอ?” กมลรัตน์อดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบ
“แล้วจะให้พูดอะไร ฉันว่าฉันแสดงออกไปชัดเจนแล้วนะ” เพทายเป็นคนแบบนี้เสมอ เขาเป็นคนพูดตรง ๆ แสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจน ใช่ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้อยากจะหมั้นหมายกับเธอ ที่เขาหมั้นก็เพราะผู้ใหญ่ แต่แล้วยังไง ในเมื่อในตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นของเขาแล้วและเขาก็เป็นคู่หมั้นของเธอ เธอไม่สนใจหรอกว่าเขาจะต้องการให้มันเป็นแบบนี้รึเปล่า
“ทำไมกัน ที่ผ่านมาฉันไม่ชัดเจนเหรอ”
“เราเป็นเพื่อนและก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป” ชายหนุ่มพูดจบกำลังจะเดินหนีแต่ร่างเล็กของกมลรัตน์รั้งเขาเอาไว้ด้วยอ้อมกอด
“รักเราได้ไหม สักนิดก็ยังดี ได้โปรดเถอะนะทาย”
“ฉันรักเธอนะแก้ว แต่ในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมาทั้งชีวิต” พูดจบชายหนุ่มก็ดึงแขนของหญิงสาวทันที ก่อนที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะที่กำลังนั่งสังสรรค์กันอยู่
แววตาเศร้ามองตามแผ่นหลังของคู่หมั้นตนเองด้วยความเสียใจ ถึงแม้เขาจะปฏิเสธเธอในวันนี้ แต่เธอก็ไม่คิดยอมแพ้ ไม่ว่ายังไงเธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองเขาทั้งตัวและหัวใจ ต่อให้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอก็จะทำ
