1 ขอไปหาประสบการณ์
รติรสหรือโรสหญิงสาววัย 22 ปีกำลังเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพราะบริษัทที่เธอสมัครงานไว้ตอบรับและให้เธอไปเริ่มงานในสัปดาห์หน้าหญิงสาวต้องลงไปกรุงเทพก่อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาที่พักและระหว่างนี้ก็จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน
“ป้าไม่เข้าใจเลยทำไมหนูจะต้องไปทำงานไกลถึงกรุงเทพล่ะลูก เชียงใหม่บ้านเราก็มีบริษัทตั้งเยอะตั้งแยะหนูไม่คิดจะสนใจทำบ้างเหรอ”
“ก็ที่นู่นให้เงินเดือนมากกว่านี้ค่ะป้าวรรณ แล้วที่นี่ก็มีคนรู้จักป้าวรรณกับลุงเรืองแล้วไหนจะพี่ฤทธิ์อีก ไปทางไหนก็มีแค่คนรู้จักหนูว่าพวกเขาก็คงรับหนูเข้าทำงานเพราะเกรงใจแน่ๆ”
“เงินเดือนมากกว่าก็จริงแต่ค่าครองชีพก็สูงนะลูกแล้วไหนจะต้องเสียค่าที่พักอีกถ้าอยู่ที่นี่หนูไม่ต้องเสียค่าที่พักค่าอาหารก็ไม่ต้องเสียเลยนะโรส”
“แต่หนูว่าที่นู่นมันโอกาสดีกว่านะคะป้า หนูจะใช้จ่ายอย่างประหยัดรับรองว่ามีเงินเหลือเก็บแน่ๆ”
“นี่ป้าจะเปลี่ยนใจหนูไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม”
“หนูขอไปหาประสบการณ์เยอะๆ ก่อนนะคะถ้าเบื่อแล้วจะกลับมาช่วยงานลุงกับป้าที่สวน”
“ที่ป้าไม่อยากให้หนูไปเพราะป้ากลัวว่าหนูไปทำงานที่กรุงเทพแล้วจะหายไปเหมือนแม่”
“หนูไม่หายไปหรอกค่ะป้า หนูจะพยายามติดต่อป้าตลอดรับรองว่าไม่หายไปแน่ค่ะ” หญิงสาวรีบโน้มน้าวจิตใจป้าวรรณา
“แต่ป้าก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะป้าหนูเอาตัวเองรอดได้ค่ะ”
“หนูจะไปอยู่กับเพื่อนชื่ออะไรนะ มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาไหมป้าอยากจะขอไว้หน่อยเผื่อว่ามีธุระฉุกเฉินแล้วติดต่อหนูไม่ได้ได้” วรรณาเป็นห่วงมากเพราะไม่เคยห่างจากรติรสนานๆ เลย
“ค่ะเดี๋ยวหนูเอาเบอร์ให้นะคะ เพื่อนของหนูคนนี้ชื่อนวนันท์หรือนันท์ค่ะ เขาเคยมาบ้านเราหลายครั้ง คนนี้ไงคะ” รติรสเอารูปที่ตนเองถ่ายคู่กับนวนันท์กับป้าของตนดูเพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงมาก
“อ๋อ หนูคนนี้นี่เองถ้ารู้ว่าไปอยู่กับเพื่อนคนนี้ป้าก็ค่อยเบาใจหน่อย แต่หนูจะไปทำงานจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่จะไปตามหาแม่นะโรส”
“ไม่หรอกค่ะ แม่เขาไม่ติดต่อเรามาสองปีแล้วหนูจะไปตามหาเขาที่ไหนล่ะ เบาะแสอะไรของแม่ก็ไม่มีเลยหนูว่าป่านนี้แม่เขาอาจจะลืมเราไปแล้วหรือไม่บางทีแม่อาจจะไม่อยู่บนโลกนี้ก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำเหมือนไม่เจ็บปวดแต่ในใจลึกๆ แล้วตนเองยังคงคิดถึงมารดาและการลงไปกรุงเทพครั้งนี้ก็เพื่อจะตามหามารดาของเธอ รติรสอยากรู้ว่าทำไมมารดาถึงหายไปนานถึงหนึ่งสองปี ครั้งสุดท้ายที่มารดาส่งเช็คมาให้จำนวนเงินมันค่อนข้างมาก เมื่อเธอโทรไปยังบริษัทที่มารดาเคยทำงานอยู่ทางนั้นก็บอกว่ามารดาเธอลาออกไปได้แล้วซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ
หญิงสาวพยายามถามเพื่อนของมารดาเท่าที่ตนเองจะพอรู้จักแต่ก็ไม่มีใครบอกอะไรได้เลยรู้แค่ว่ามารดาของเธอลาออกจากบริษัทนั้นจากนั้นก็ไม่มีใครเจออีก
รติรสตามข่าวของมารดาอยู่ตลอดแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามารดาของเธออยู่ที่ไหนหญิงสาวจำชื่อบริษัทนั้นได้ดีและเธอพยายามโทรศัพท์ไปถามอยู่หลายครั้งว่ามีการรับสมัครงานบ้างหรือเปล่า และนับว่าเป็นโชคดีมากที่บริษัทนั้นกำลังประกาศรับสมัครงานหลายตำแหน่ง เธอไปสมัครในตำแหน่งแม่บ้านเพราะคิดว่าตำแหน่งนี้จะสามารถเข้านอกออกในได้พูดคุยกับคนอื่นได้โดยไม่ผิดสังเกต
เรื่องนี้หญิงสาวไม่ได้บอกคุณป้าวรรณา เธอบอกแค่ว่าไปทำงานในแผนกบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งเท่านั้นเพราะถ้าป้ารู้ก็คงห้ามและไม่ยอมให้เธอไปกรุงเทพอย่างแน่นอน
“แล้วหนูจะอยู่กับเพื่อนนานแค่ไหนล่ะโรส”
“เท่าที่หนูคุยกับนันท์ก็น่าจะอยู่กันสักพักค่ะ ถ้าหาห้องเช่าได้ก็คงย้ายออก”
“เงินที่แม่ส่งมาให้เราก็ยังพอเหลืออยู่ ป้าว่าโรสเปลี่ยนใจทำงานที่เชียงใหม่ ดีไหมถึงเงินเดือนจะไม่มากอย่างที่หนูบอกแต่เราก็จะได้อยู่ใกล้กัน” ป้าวรรณาต่อรองอีกครั้งพวกเธอได้ขัดสนเรื่องเงินเลย เพราะนอกจากจะมีเงินก้อนสุดท้ายที่มารดาของรติรสส่งมาให้มากถึงสิบล้านพวกเขาก็ยังมีรายได้จากการทำสวนส้มอีกมาก
“ป้าวรรณขา หนูขอไปทำงานหาประสบการณ์ที่บริษัทใหญ่ๆ สักสองสามปีได้ไหมคะ แล้วหนูจะกลับมาอยู่กับป้า” หญิงสาวสวมกอดป้าที่รักเหมือนกับมารดาของตนเองอย่างประจบ
“ป้ารู้ว่าคงห้ามหนูไม่ได้ เพราะตอนนี้หนูก็เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว แต่ป้าอยากให้หนูรู้ไว้นะโรส ป้าเป็นห่วงมาก หนูเป็นหลานสาวคนเดียวของป้านะถ้าหนูเป็นอะไรไปขึ้นมาป้าคงแย่แน่”
“หนูสัญญาค่ะป้าวรรณว่าจะดูแลตัวเองดีๆ และจะโทรหาป้าบ่อยๆ ถ้ามีวันหยุดติดๆ กันหลายวันหนูจะกลับมาหาป้านะคะ”
“หนูไม่อยู่แล้วป้าคงเหงามากๆ”
“รถว่าป้าวรรณเหงาอีกไม่นานหรอกค่ะเดี๋ยวพี่ฤทธิ์เขาก็คงมีหลานให้ป้าอุ้มเร็วๆ นี้” เธอหมายถึงฤทธิกรลูกชายคนเดียวของป้าวรรณากับลุงเรือง
“ก็ขอให้มันจริงเถอะพี่ชายของเราน่ะ แต่งงานไปตั้งสามปีแล้วเมื่อไหร่จะมีลูกกันสักทีก็ไม่รู้”
“หนูถามพี่ฤทธิ์แล้ว พี่เขาบอกว่าน่าจะภายในปีนี้แหละค่ะ ป้าวรรณเตรียมเลี้ยงหลานได้เลย แต่มีหลานแล้วก็อย่าลืมหนูนะคะ”
“ใครจะลืมได้ลงล่ะป้าเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิดรักมากกว่าลูกแท้ๆเสียอีก”
“ป้าเมื่อวรรณอย่าพูดแบบนี้นะคะเกิดพี่ฤทธิ์ได้ยินแล้วก็มาโวยวายหาว่าหนูแย่งความรักอีกหนูขี้เกียจทะเลาะกับพี่เขาค่ะ”
“เขาก็แค่อิจฉาโรสอย่างงั้นแหละจริงๆ แล้วป้าก็รักสองคนเท่ากันแต่จะรักและห่วงหนูมากกว่าเพราะหนูเป็นผู้หญิง”
“ขอบคุณนะคะป้า ขอบคุณที่รักและเลี้ยงหนูมากถ้าไม่มีป้าก็คงแย่แน่ๆ”
หญิงสาวกอดป้าของตนเองแน่นถ้าไม่มีป้าวรรณนาคนนี้ก็คงไม่มีรติรสเหมือนกันเพราะตั้งแต่มารดาของเธอคลอดได้ไม่กี่เดือนเธอก็ลงไปทำงานที่กรุงเทพจากนั้นนานๆ ครั้งถึงจะขึ้นมาหา แต่ก็ส่งเงินมาให้ใช้ตลอดทุกเดือน
จนกระทั่งเมื่อเกือบสองปีที่แล้วมารดาส่งเช็คก้อนสุดท้ายมาให้จำนวน 10 ล้านบาทจากนั้นเธอก็ติดต่อมารดาไม่ได้อีกเลย
เธอกับฤทธิกรลูกชายของป้าวรรณาลงไปตามหาที่กรุงเทพแต่ก็ไม่มีวี่แวว ทุกคนจึงถอดใจและคิดว่าบางทีนี้มารดาของเธออาจจะหนีไปอยู่ที่อื่นหรือไม่ก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้
ส่วนบิดาของเธอนั้นเลิกกับมารดาของเธอตั้งแต่เธอยังไม่คลอดและล่าสุดที่รติรสได้ข่าวบิดาของตนเองก็เมื่อหลายปีก่อนซึ่งท่านเสียชีวิตไปแล้วด้วยอุบัติเหตุ